Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 524
หลีเหิงทำตามที่ชู่มู่บอก จงใจให้เซี่ยกว่างหานออกไป
หลีเหิงเองก็เป็นคนที่อำพรางได้ เขาไม่พูดเรื่องแผนการของเซี่ยกว่างหาน แค่พูดคุยกับเซี่ยกว่างหานอย่างเป็นกันเอง ทำท่าทีเหมือนจะผูกมิตร
เซี่ยกว่างหานแอบยิ้มตลกในใจ จากท่าทีของหลีเหิงแล้ว ชู่มู่รู้ตัวตนของเขาแล้วแน่นอน จงใจให้หลีเหิงมารั้งเขาเอาไว้
ทว่า ต่อให้เขาไม่มีโอกาสจะได้ลงมือ ด่านที่แปดนี้ก็ย่อมมีคนลงมือกับชู่มู่เอง เขาในตอนนี้จำต้องบอกตำแหน่งของชู่มู่ให้กับพวกจั่วเถิง
ตอนที่บินไปบนฟ้าแล้ว เซี่ยกว่างหานได้ส่งสัญญาณ ให้คนทั้งหมดมารวมตัวที่นี่
การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขัน ผู้เฝ้าฝ่ายจัดการประลองเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ต่อให้หลีเหิงคิดจะปกป้องชู่มู่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซี่ยกว่างหานไม่เชื่อว่าแบบนี้ชู่มู่ยังหนีไปได้ !
…
ระหว่างยอดเขาตะวันออกของภูเขาเวหาอมตะ วัยหนุ่มที่ขี่เสือปีกที่เต็มไปด้วยลายเส้นปีศาจทั่วทั้งตัวเงยหน้าขึ้น จับจ้องไปยังก้อนเมฆพิเศษบนฟ้านั้น
“ชู่มู่เอ้ย ชู่มู่ พวกเราควรต้องจบกันสักทีได้แล้ว ! ” นัยน์ตาของจั่วเถิงเยือกเย็นขึ้นมาก
ระหว่างจั่วเถิงกับชู่มู่ไม่มีความแค้นอะไร แต่ว่าในตอนนี้นัยน์ตาของชายคนนี้กลับเหมือนได้มีความแค้นอย่างมากกับชู่มู่ จำต้องจบทั้งหมดในด่านที่แปดนี้
“ฮู ฮู ฮู”
เสือปีกกระพือปีก ทยานตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากจั่วเถิงออกคำสั่ง เสือปีกได้ยินขึ้นไปในความสูงที่ถูกคนอื่นสังเกตเห็นได้ บินผ่านยอดเขาสูงโดยตรง บินตรงไปยังบริเวณที่ก้อนเมฆรวมตัวกัน
และด้านหลังจั่วเถิง เงาที่สวมชุดสีดำแน่นอันหนึ่งตามติด จากรูปร่างแล้ว มองออกได้ว่า เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างน่าดึงดูดอย่างมาก ต่อให้เผยผิวขาวแค่บริเวณคอออกมา แต่การแต่ตัวของหญิงสาว นอกจากจะมีความลึกลับแล้ว ยังเต็มไปด้วยความเย้ายวนในขณะเดียวกัน
…
“ท่านหลู่ หรือว่าพวกเราจะไม่เดินมุ่งหน้าต่อไปแล้วเหรอ” ผู้เฝ้ามารที่สวมชุดขาวคนหนึ่งถามขึ้น
“ถอยกลับไป มีเรื่องที่สำคัญต้องจัดการ” หลู่ซานหลีมองไปยังก้อนเมฆนั้น ฉีกยิ้มเยือกเย็นออกมา
ผู้เฝ้ามารมองไปยังนักโทษขั้นเจ็ดที่กลัวจนหนีไปคนนั้น ถามขึ้นว่า “ไม่ตามนักโทษขั้นเจ็ดคนนั้นแล้วหรือ”
“พวกเราฆ่าแค่นักโทษขั้นแปด ตามขยะพวกนั้นเสียเวลาเกินไป” หลู่ซานหลีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ข้างตัวหลู่ซานหลีมีผู้เฝ้ามารทั้งหมดสามคน เขาเตรียมตัวเพื่อการประลองฟ้าดินนี้เป็นเวลานานมากแล้ว และเขาได้ฝึกผู้เข้าแข่งขันเกือบสิบคนแล้ว ในบรรดาสิบคนนี้มีห้าคนได้เข้าสู่ด่านที่แปดนี้ พูดได้ว่ามีฝีมือเยี่ยมยอดยิ่งกว่าเยี่ยมยอดในวังมารนิรย
“จัดการเขา จะมีคนนำประโยชน์มาให้พวกเราไม่น้อย ก็ดี ข้ามีความแค้นกับเจ้านั่นเล็กน้อยด้วย “หลู่ซ่านหลีบอก
คนที่หลู่ซ่านหลีพูดถึงย่อมเป็นชู่มู่ ในตอนที่เปิดการแข่งขันประลองฟ้าดิน เซี่ยกว่างหานได้ว่าจ้างด้วยเงินหมาศาล หวังให้หลู่ซ่านหลีลงมือให้เขา
หลู่ซ่านหลีมองดูเป็นมิตร แต่คนในวังมารนิรยต่างรู้ดี เจ้านี่เป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ ใครทำให้เขาโกรธเคือง เขาจะไล่กัดราวกับคนบ้า
ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงจิ่งโหลวได้เตือนชู่มู่เอาไว้ จำต้องป้องกันหลู่ซานหลีเอาไว้
“คนนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเราเหรอ” ผู้เฝ้ามารถามขึ้น ในสายตาของผู้เฝ้ามาร คนที่ทำให้หลู่ซานหลีใส่ใจแบบนี้ได้ จำต้องมีความสามารถเกินกว่าปกติแน่นอน
“ศัตรูฉกาจงั้นหรือ เขายังไม่เหมาะจะเป็น ก็แค่โจรทั่วไปเท่านั้น” หลู่ซานหลียิ้มออกมา ศัตรูฉกาจของหลู่ซานหลีย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของอำนาจต่าง ๆ ตัวละครอย่างชู่มู่ ไม่อยู่ในสายตาของเขาจริง ๆ แต่ว่าในเมื่อมีคนย่อมลงทุนว่าจ้างตัวเองให้จัดการเขาด้วยราคาสูง เขาก็ยอมเสียเวลาเล็กน้อยนี้ได้ !
“ในเมื่อเป็นแค่โจรทั่วไป ทำไมต้องให้ท่านหลู่ลงมือ พวกข้าจัดการเขาได้สบาย ! ” เหล่าผู้เฝ้ามารต่างกระโดดขึ้นบนปีศาจม้าวายุของพวกเขา ตามหลังหลู่ซานหลี วิ่งไปยังบริเวณที่ก้อนเมฆรวมตัว
…
ภูเขาเวหาอมตะเป็นพื้นราบก้อนใหญ่ ด้านบนมีเศษหินมากมาย
สิบกว่าปีก่อน ยอดเขาสูงสุดของภูเขาเวหาอมตะสูงกว่าตอนนี้มาก แต่หลังจากการต่อสู้ที่สะเทือนโลก ยอดสูงสุดของภูเขาเวหาอมตะหักลง ต่ำกว่าเดิมเกือบห้าร้อยเมตร
พูดได้ว่า ยอดสูงสุดของภูเขาเวหาอมตะในตอนนี้เป็นครึ่งหนึ่งของยอดเดิม ตามลมที่พัดพาในปีที่ผ่านมา เริ่มก่อเป็นยอดเขาหัวโล้นแล้ว
ลมพัดอย่างบ้าคลั่ง ก่อเป็นฝุ่นบนยอดเขาเหล่านั้น กลายเป็นฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจาย พัดพาไปทั่ว
ท่ามกลางฝุ่นทราย มั่วเย้ที่ทั้งตัวสีดำตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่ง มองดูภูเขาเวหาอมะยิ่งใหญ่นี้จากที่สูง กลิ่นไอความมืดที่คล้ายราชาก่อเป็นบรรยากาศรอบกาย ทุกครั้งที่มีลมพัดมาที่นี่ จะกระจายออกทันที
ข้างกายมั่วเย้ที่มีกลิ่นไอมืดที่เข้มข้นนี้ กลับเป็นชายที่นั่งขัดสมาธิคนหนึ่ง ชายคนนี้ไม่มีท่าทีของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนรูปปั้นหินสีดำ
สายตาของเขาอ้างว้างอย่างมาก ไร้สีหน้าอามรณ์ใด ๆ
ในตอนนี้ เขากำลังจับจ้องไปยังก้อนเมฆที่อยู่ขอบฟ้า เขารู้ว่าก้อนเมฆนั้นเป็นสัญญาณบางอย่าง
จากภูเขาตะวันออกของภูเขาเวหาอมตะ ไปจนถึงยอดเขาสูงสุดของเวหาอมตะนี้ ฉิงเย้กำลังจะเข้าสู่สนามล่าขั้นที่สองนี้
“มั่วเย้ที่มีความสามารถแตกหักงอกใหม่ถึงหกครั้งตัวหนึ่ง” ฉิงเย้พึมพำ
ฉิงเย้มีความสนใจต่อมั่วเย้เช่นกัน เขาในตอนนี้มีราชามั่วเย้ที่มีพรสวรรค์หมวดมืดกับหมวดอสูรผิดปกติตัวหนึ่ง
ต่อให้ได้มั่วเย้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่ว่าแค่มีดวงวิญญาณที่ดีกว่าฉิงเย้จะไม่ปล่อยมือไปแน่นอน
“ความสามารถแตกหักงอกใหม่หกครั้ง บวกกับความสามารถเยียวยาตัวเอง นี่เป็นมั่วเย้อมตะตัวหนึ่ง…” ฉิงเย้ยังคงพึมพำ
ในตอนที่พันเจิ้งเจอฉิงเย้และให้เขาลงมือ ตัวละครธรรมดาอย่างชู่เฉิงตำหนักวิญญาณแทบไม่อยู่ในสายตาของฉิงเย้ อย่างไรความสามารถจองเขาในตอนนี้ต่อให้ในขั้นที่หนึ่งก็ยากที่จะมีคนสู้กับเขาได้ ให้เขาลงมือจัดการคนในขั้นสอง เท่ากับดูถูกตำแหน่งของเขามากเกินไป
และแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ฉิงเย้ได้ยินว่า ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณมีมั่วเย้ที่แตกหักงอกใหม่หกครั้งได้
ในตอนที่เจอกับชู่มู่และสู้กับเขาตอนอยู่ทะเลทราย เขาเกือบลืมไปหมดแล้ว หลังจากเรื่องนี้เข้าหูเขา เขาเข้าใจทันที ที่แท้นั่นเป็นมั่วเย้ที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งกว่าดวงวิญญาณทั่วไปหกเท่าตัวหนึ่ง ไม่แปลกที่การโจมตีของราชามั่วเย้ของเขากลับฆ่ามันไม่ได้
พลังชีวิตแข็งแกร่งกว่าดวงวิญญาณทั่วไปถึงหกเท่า นี่เท่ากับมีพรสวรรค์หมวดแมลงที่ผิดปกติแล้ว แล้วยังเรียนรู้การแตกหักงอกใหม่ มั่วเย้ตัวนี้อมตะจริง ๆ
แน่นอนว่า การแตกหักงอกใหม่กับพลังชีวิตหกเท่า พลังฟื้นฟูยังไม่มีอยู่ในระดับที่สะดุดตาเขา อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณที่มีพรสวรรค์แบบนี้มักมีข้อบกพร่องด้านอื่น ต้องทุ่มเทเงินทองมหาศาลในตอนท้าย และวัตถุวิญญาณที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้มันจะเป็นหลายเท่าตัวของดวงวิญญาณปกติ
และฉิงเย้ที่ตาถึงมากกว่าคนปกติคิดได้ทันทีว่า ถ้าให้มันเรียนรู้ทักษะหมวดแมลงที่เพิ่มความสามารถระหว่างการต่อสู้อย่างต่อเนื่องได้ละก็ ถ้าอย่างนั้นมั่วเย้ตัวนี้จะสมบูรณ์แบบอย่างมาก เพียงพอที่จะเป็นดวงวิญญาณชั้นยอดต่อสู้ข้ามขั้นได้ !
น้อยครั้งที่จะมีเรื่องที่ทำให้ฉิงเย้ตื่นเต้นแบบนี้ แต่คิดว่ามั่วเย้ตัวนี้แข็งแกร่งขึ้นได้ ฉิงเย้เกิดความโลภขึ้นมาทันที !
“ดวงวิญญาณชั้นยอดสมบูรณ์แบบตัวหนึ่ง น่าจะเป็นของข้าฉิงเย้ จะให้ตกอยู่ในมือของคนโง่ได้อย่างไร” ฉิงเย้ลุกขึ้นช้า ๆ ในตอนนี้ นัยน์ตาของเขาได้เผยประกายความโลภออกมาแล้ว !
ฉิงเย้มีดวงวิญญาณชั้นยอดมากมาย ครึ่งหนึ่งในบรรดาดวงวิญญาณเหล่านั้นเขาได้ชิงมาจากคนอื่น ! สำหรับปีศาจในองค์กรวิญญาณนี้แล้ว ดวงวิญญาณที่ดีที่สุดในโลก ควรจะอยู่ในมือของเขา ไม่มีใครที่เหมาะกับเป็นราชาชั้นยอดของกลุ่มระกูลเหล่านั้นมากไปกว่าเขาแล้ว !
…
…
เส้นทางภูเขาเวหาอมตะ
เส้นทางภูเขาเวหาอมตะนี้เป็นทางแยกที่ประหลาดมาก ท่ามกลางภูเขาที่เชื่อมต่อกัน เส้นทางที่สลับทับซ้อนกัน อีกทั้งยังเกิดเส้นทางวกวน แยกเป็นร้อยเส้นทาง บางครั้งคนที่ไม่ชินกับภูมิประเทศของภูเขาเวหาอมตะจะหลงได้ง่าย
หลังจากสลัดเซี่ยกว่างหานแล้ว ชู่มู่ได้พาเย้ชิงจือเดินขึ้นเขาต่อไป ไม่ปล่อยให้เซี่ยกว่างหานมีโอกาสสะกดตามตัวเองได้
“หลีเหิงได้รั้งเขาเอาไว้แล้ว ทำไมเจ้ายังเดินเร็วขนาดนี้” เย้ชิงจือถามขึ้น
“พวกเขาวางกับดักข้าในด่านที่แปดนี้ตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเซี่ยกว่างหานจะลงมือหรือไม่ คนพวกนั้นก็จะลงมือกับข้า ในนี้อาจมีส่วนหนึ่งเป็นลูกน้องของหุ่นเชิดเด็กสาว อยู่กับที่ อาจถูกพวกเขาล้อมโจมตีได้” ชู่มู่บอก
“อ๊า ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยู่ต่อไปก็อันตรายเกินไปแล้ว ในการประลองฟ้าดินมีศัตรูของเจ้าเยอะขนาดนั้น…” เย้ชิงจือพูดเสียงเบา
ถ้าเป็นการประลองปกติ ด้วยความสามารถของชู่มู่ในตอนนี้ เข้าไปในด่านที่เก้า แล้วสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดของอำนาจต่าง ๆ ก็อาจเป็นไปได้
และแล้ว สิ่งที่ชู่มู่จะต้องเจอเหมือนจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ นี่ทำให้เย้ชิงจือกังวลกว่าเดิม…
“บางเรื่องควรต้องทำให้จบ วางใจได้ ข้ายังเก็บไม้ตายไว้อยู่ ไม่เป็นอะไร” ชู่มู่พูดปลอบใจเย้ชิงจือ
“ไม้ตายเหรอ หรือจะหมายถึงแปลงเป็นครึ่งมารงั้นหรือ ไม่ได้ เจ้าห้ามใช้ทักษะน่ากลัวนั้นอีกแล้ว อุณหภูมิวิญญาณของเจ้าสูงมากจนจะคร่าชีวิตเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าใช้อีกครั้งละก็ ไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมา” เย้ชิงจือบอก
“ข้าไม่ใช้ ข้าในตอนนี้จำต้องเข้าสู่เจ้าวิญญาณเจ็ดร่ายให้เร็วที่สุด ! ” ชู่มู่บอก
เย้ชิงจือมองไปยังชู่มู่ ไม่เข้าใจว่า ชู่มู่จะทำอะไร แล้วถามขึ้นว่า “ยาที่ข้าให้เจ้า ใช่ว่าจะทำให้เจ้าอยู่ในเจ้าวิญญาณเจ็ดร่ายได้ทันที”
“ข้ามีวิธีอื่น แม้จะบ้าไปหน่อย” นัยน์ตาของชู่มู่แน่วแน่ขึ้น !