Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 544
เย้ชิงจืออยากได้คำสั่งเสียของอาจารย์มาตลอด ดังนั้น เงินหนึ่งหมื่นสี่พันล้านเธอไม่ขอส่วนแบ่งใด ๆ แต่กลับมอบเงินหนึ่งพันล้านให้ชู่มู่ ให้ชู่มู่ได้ซื้อชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านหนึ่งหมื่นล้าน กับเกราะวิญญาณห้าพันล้าน
ในตอนที่จบด่านที่แปด เย้ชิงจือได้บอกว่า คำสั่งเสียของอาจารย์มีค่าต่อเธออย่างมาก เป็นเงินมหาศาล แค่ได้สิ่งนั้นมา เงินหนึ่งหมื่นสี่พันล้านนี้เป็นแค่เศษเงินสำหรับเธอ ควรทุ่มเทเพื่อช่วยให้ชู่มู่ได้เกียรติสุดท้ายในด่านที่เก้านี้
ชู่มู่เองก็ไม่ได้ปฎิเสธ อย่างไรก็ตาม เย้ชิงจือก็เป็นพวกเดียวกับตัวเองแล้ว เพียงแค่เย้ชิงจือมีสิ่งที่ต้องการ ชู่มู่เองก็จะให้เธออย่างไม่ลังเล
…
หลังจากจบด่านที่แปด มีเวลารักษาตัวเกือบครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนนี้ชู่มู่จะได้รักษาตัวด้วย คงสภาพเจ้าวิญญาณเจ็ดร่ายให้มั่นคง
ระหว่างที่ชู่มู่กำลังฝึกสมาธิ ชู่มู่ได้ให้เจียจิ้งติดต่อเจ้าของชุดวิญญาณขั้นเก้าให้ตัวเอง
น่าจะประมาณห้าวันก่อนถึงด่านที่เก้า ชู่มู่กับเย้ชิงจือนั่งอยู่ในสวน คิดเรื่องฝึกดวงวิญญาณ
เย้ชิงจือบอกกับชู่มู่ว่า ถ้าปล่อยให้ดวงวิญญาณอยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษบางอย่าง พวกมันจะเติบโตรวมเร็วอย่างมาก ขณะเดียวกัน มีการพูดถึงวิธีทำให้ลอกคราบเช่นเดียวกัน เย้ชิงจือคิดว่า หลังจบการประลองฟ้าดินจะไปที่ที่พิเศษ เพื่อตามหาวิธีทำให้ดวงวิญญาณลอกคราบโดยตรงได้
“คุณชาย มีหญิงสาวปิดหน้าขอพบท่าน” เจียจิ้งวิ่งไปตรงหน้าชู่มู่ แล้วพูดกับชู่มู่เสียงเบา
“ปิดหน้างั้นหรือ” ชู่มู่ขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็นหุ่นเชิดเด็กสาวทรยศ
เธอกล้าแบบนี้ กล้าบุกเข้ามาในตำหนักวิญญาณ หรือว่าคิดจะหาที่ตาย !
“พาเธอมา” ชู่มู่บอก
“อืม” เจียจิ้งวิ่งออกไป
เย้ชิงจือมองไปยังชู่มู่ หัวเราะออกมาทันที พูดขึ้นว่า”ทำไมทำท่าทีตึงเครียดแบบนี้ องค์หญิงน้อยวังมารนิรยคนนั้นน่ากลัวขนาดนั้นเหรอ”
“…” พอเย้ชิงจือบอกแบบนี้ ชู่มู่เหงื่อตกทันที ตอนนี้ถึงนึกขึ้นมาได้ องค์หญิงน้อยก็ปิดหน้าเช่นกัน หญิงสาวที่เจียจิ้งพูดถึงน่าจะหมายถึงเธอ
เด็กสาวทรยศมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักวิญญาณแน่นอน เธอไม่กล้าเข้ามาในตำหนักวิญญาณ อย่างไรก็ตามตำหนักวิญญาณเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง คนที่อยู่ในระดับเจ้าตำหนักหยู่จับเธอได้แน่นอน
และแล้ว หลังจากผ่านไปสักพัก เจียจิ้งได้พาหญิงสาวปิดหน้าร่างงามเข้ามา ตอนที่เห็นดวงตางดงามราวกับผิวน้ำใส ชู่มู่รู้ทันที เธอคือองค์หญิงจิ่งโหลว
วันนี้องค์หญิงจิ่งโหลวแต่งตัวเรียบง่ายเป็นพิเศษ ท่าทางไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเป็นเธอ แต่ว่าต่อให้แต่งตัวธรรมดาแบบนี้ ก็ยากที่จะปกปิดเสน่ห์ของเธอ…
หลังจากชู่มู่ให้เจียจิ้งออกไป องค์หญิงจิ่งโหลวได้เดินมาตรงหน้าชู่มู่กับเย้ชิงจือ
ดวงตาขององค์หญิงจิ่งโหลวมีชีวิตชีวาอย่างมาก และถ้าสังเกตดวงตาของเธอให้ดีจะพบว่า เธอเต็มไปด้วยความกังวล คาดว่าการมาครั้งนี้ของเธอจะต้องมีเรื่องที่ยากลำบากแน่นอน มิฉะนั้น เธอจะไม่มาหาชู่มู่ด้วยตัวเอง
ชู่มู่ให้องค์หญิงจิ่งโหลวนั่งลง แล้วถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าล้มผู้แข็งแกร่งทั้งสามของวังมารนิรยพวกข้า ทำให้พวกข้าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมด่านที่เก้าแล้ว…” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดเสียงเบามาก
“เจ้ามาไต่โทษงั้นหรือ” ชู่มู่ถามขึ้น
“ปัญหาอยู่ที่ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของวังมารนิรยถูกเจ้าจัดการหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นด่านที่เก้า เท่ากับข้าจะอยู่หน้าคุณท่านหญิงนั้นลำพัง” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
องค์หญิงจิ่งโหลวจะกล้าโทษชู่มู่ได้อย่างไร แต่ชู่มู่ทำเกินไปจริง ๆ !!!
สามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในวังมารนิรย ถูกเขาจัดการหมด เดิมองค์หญิงจิ่งโหลวหวังว่า ในด่านที่เก้าจะมีการคุ้มกันของพวกเขา อย่างน้อยก็จะไม่ถูกคุณท่านหญิงทำร้าย แต่หลังจากผ่านด่านที่แปดนี้ ในบรรดาวัยหนุ่มขั้นสองของวังมารนิรยที่เข้าร่วมในด่านที่เก้า มีเพียงองค์หญิงจิ่งโหลวที่แข็งแกร่งที่สุด !
องค์หญิงจิ่งโหลวได้เก็บความสามารถไว้บ้าง แต่ถ้าเธอเข้าสู่ด่านที่เก้าแบบนี้ เท่ากับเข้าปากเสือโดยตรง
“ทำไมเจ้าไม่สละสิทธิ์ รู้ว่าไม่มีทางได้เกียรติสุดท้ายแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็คอยจับจ้องเจ้ามาตลอด…” ชู่มู่ถามขึ้น
องค์หญิงจิ่งโหลวส่ายหัว “ข้ามีเหตุผลจำต้องเข้าร่วม”
“ลองบอกมา” ชู่มู่รู้สึกว่า ในเมื่อองค์หญิงจิ่งโหลวมาในวันนี้ ต้องมีอะไรจะบอกกับตัวเองแน่นอน และนี่อาจเกี่ยวข้องกับที่หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศคิดจะลักพาตัวเธอก็ได้
องค์หญิงจิ่งโหลวมองไปยังเย้ชิงจือที่อยู่ข้างชู่มู่ เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่เธอจะบอก ไม่อยากให้คนที่สามรู้เท่าไร
ทว่า องค์หญิงจิ่งโหลวก็รู้ว่า ถ้าแยกเย้ชิงจือออกแบบนี้ไม่ดีเท่าไร ในตอนนั้นจึงได้สร้างกำแพงร่ายวิญญาณขึ้น ปิดเสียงพูดคุยของทั้งสามไว้ในกำแพง
ชู่มู่เห็นองค์หญิงจิ่งโหลวระวังตัวแบบนี้ จึงรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดคงจะสำคัญอย่างมาก
“ในด่านที่แปดไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็จะไม่เปลี่ยนไปมาก สถานที่คือเมืองอมตะในภูเขาสะท้อนดาบ ภารกิจในด่านนี้คือ ฆ่าเจ้าถิ่น” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
เรื่องเกี่ยวกับด่านที่แปด ชู่มู่ได้ยินมาบ้าง สถานการณ์ในแปดด่านก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องได้ มีเพียงด่านที่เก้ากับสิบที่จะคงที่ ทว่า ชู่มู่ไม่คิดว่า ด่านที่เก้าจะอยู่ที่ภูเขาสะท้อนดาบ
“ภูเขาสะท้อนดาบเป็นยอดเขาสูงตั้งชันสองแห่ง ทำไมข้าจำไม่ได้ว่า ตรงนั้นมีเมืองอมตะ” ชู่มู่ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ความจริงภูเขาสะท้อนดาบเป็นประตูเมืองแห่งหนึ่ง สามารถเข้าไปในมิติด้านในได้ เป็นสถานที่พิเศษเหมือนเมืองศักดิ์สิทธิ์ตำหนักวิญญาณ แต่ว่าไม่คิดว่า ด่านที่เก้าจะซ่อนอยู่ในโลกของภูเขาดาบสะท้อนนี้” เย้ชิงจือบอก
องค์หญิงจิ่งโหลวพยักหน้า” ความลับนี้มีไม่กี่คนที่รู้ เพราะผู้เข้าแข่งขันในด่านที่เก้ากับด่านที่สิบจะถูกปิดตาเอาไว้ แล้วส่งไปยังภูเขาสะท้อนดาบพร้อมกับถูกผนึกร่ายวิญญาณเอาไว้ แล้วเข้าไปในโลกของภูเขาสะท้อนดาบ ดังนั้น ต่อให้เป็นคนที่เข้าร่วมด่านที่เก้ากับสิบ ก็ยังคงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด”
“นอกจากนี้ ด่านที่เก้ากับสิบอยู่ที่เมืองอมตะหมด อีกทั้งยังจัดขึ้นพร้อมกัน” องค์หญิงจิ่งโหลวพูดเสริม
“จัดพร้อมกันงั้นหรือ” ชู่มู่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ถ้าบอกว่าจัดพร้อมกัน เท่ากับว่า หุ่นเชิดเด็กสาวทรยศอยู่ในเมืองอมตะนี้เช่นกันแน่นอน !
“เมืองอมตะมีสองทาง ทางหนึ่งมุ่งหน้าไปยังตำหนักเกียรติสุดท้ายของผู้เข้าแข่งขันขั้นสองในด่านที่เก้า อีกทางหนึ่งเป็นตำหนักด่านที่เก้า และหลังจากฆ่าสิ่งมีชีวิตด่านที่เก้าได้แล้ว สมาชิกขั้นหนึ่งที่คิดจะได้เกียรติสุดท้ายในด่านที่สิบจะมุ่งหน้าต่อไป เพื่อเปิดผนึกสิ่งมีชีวิตเกียรติสุดท้ายนี้ ล้มมัน แล้วจะได้เป็นผู้ชนะสูงสุดในการประลองฟ้าดินครั้งนี้” องค์หญิงจิ่งโหลวเหมือนจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
“สิ่งมีชีวิตที่ผนึกไว้เหรอ” ชู่มู่ประหลาดใจมากขึ้น
“อืม เมืองอมตะ ความจริงเป็นเมืองที่ถูกผนึกเอาไว้ ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่ และมีสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งบางตัวถูกผนึกไว้ในเมือง” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
ความลับที่องค์หญิงจิ่งโหลวบอกเป็นเรื่องที่ชู่มู่ไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งหลายครั้งชู่มู่เคยถามนักวิญญาณเฒ่าเต๋อ ผู้เป็นสมาชิกฝ่ายจัดการประลอง แต่นักวิญญาณเฒ่าเต๋อไม่มีท่าทีจะบอก
ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมาก ทำไมองค์หญิงจิ่งโหลวถึงรู้เรื่องการประลองฟ้าดินละเอียดแบบนี้ เธอน่าจะไม่เคยเข้าร่วมการประลองฟ้าดินมาก่อน
“บอกข่าวที่ควรจะเป็นความลับในด่านที่เก้าให้ข้ารู้ เจ้าคิดจะให้ข้าช่วยให้เจ้าได้เกียรติสุดท้ายในด่านที่เก้าใช่หรือไม่” ชู่มู่ถามลองเชิง
องค์หญิงจิ่งโหลวส่ายหัวพูดขึ้นว่า “ข้ามีของที่ข้าอยากได้ ข้ากลับช่วยเจ้าให้ได้เกียรติสุดท้ายในด่านที่เก้าได้ ความจริงเมืองอมตะซับซ้อนอย่างมาก ใช่ว่ามีเพียงความสามารถก็จะได้เกียรติสุดท้ายได้ เพราะถ้าเดินผิดทาง อาจนำไปสู่ดิ่งเหวไร้ที่สิ้นสุดก็ได้”
“เจ้ายังไม่ได้บอก ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงคิดจะจับเจ้า” ชู่มู่ถามขึ้น
“ความจริงข้าก็ไม่รู้ว่า ทำไมเธอถึงอยากได้ตัวข้า ข้ากับเธอไม่เคยมีเรื่องเกี่ยวข้องมาก่อน อีกทั้ง ข้ายังไม่เคยเจอคนที่มีพลังดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ กลับเป็นเจ้า ข้าถามเจ้าหลายครั้งว่า เธอเป็นใคร เจ้ากลับไม่เคยบอกข้าแม้แต่น้อย” องค์หญิงจิ่งโหลวบอก
นอกจากชู่มู่รู้ว่า เธอเป็นหุ่นเชิดของดวงวิญญาณที่หนึ่งของตัวเองแล้ว เรื่องอื่นเขาก็ไม่รู้แล้ว อีกทั้งความลับที่ว่า เธอเป็นดวงวิญญาณร่างมนุษย์ ชู่มู่รู้สึกว่า ไม่จำต้องบอกกับองค์หญิงจิ่งโหลว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองบอกสิ่งที่เจ้าอยากได้” ชู่มู่บอก
“ถ้ายังไม่ถึงท้ายสุด ข้าไม่อยากบอก” องค์หญิงจิ่งโหลวส่ายหัว ท่าทีเด็ดเดี่ยวอย่างมาก
ผ่านไปสักพัก น้ำเสียงขององค์หญิงจิ่งโหลวเปลี่ยนไป พูดกับชู่มู่ว่า “นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมากที่อยากบอกกับเจ้า นี่เป็นข้อมูลที่ข้าได้มาระหว่างที่เก็บเกี่ยวข่าวเกี่ยวกับเมืองอมตะ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะอยากรู้อย่างมาก”
ชู่มู้รู้สึกว่า องค์หญิงจิ่งโหลวจงใจเปลี่ยนเรื่อง ทว่า เธอไม่อยากบอก ชู่มู่ก็บังคับอะไรไม่ได้ อย่างไรเสีย ตัวเองก็ซ่อนความลับไว้อยู่
“อืม เจ้าพูดมาเถอะ” ชู่มู่พยักหน้า
“เรื่องเกี่ยวกับดวงวิญญาณท่านพ่อของเจ้า ชู่เทียนหมัง” องค์หญิงจิ่งโหลวเบาน้ำเสียงลงเล็กน้อย
เสียงขององค์หญิงจิ่งโหลวเพิงเบาลง ชู่มู่สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง !
วินาทีนี้ ชู่มู่คิดออกทันทีว่า องค์หญิงจิ่งโหลวจะพูดอะไร
“เจ้าบอกว่า…”
องค์หญิงจิ่งโหลวพยักหน้า พูดขึ้นว่า “หลังจากที่ชู่เทียนหมังเลิกสัญญาวิญญาณกับดวงวิญญาณตัวหนึ่งแล้ว มันถูกผนึกไว้ในเมืองอมตะ !”
ช่วงที่ชู่เทียนหมังอยู่ในชั้นยอดมีดวงวิญญาณหลักสี่ตัว หนึ่งในดวงวิญญาณหลักที่แข็งแกร่งที่สุดตายในการต่อสู้ ดวงวิญญาณหลักทั้งสามถูกผนึกไว้ในเจดีย์ แต่ก่อนที่ชู่มู่จะออกจากเกาะนักโทษไม่นาน ได้สลายตัวเองหมด
ส่วนดวงวิญญาณรองของชู่เทียนหมัง ถูกบังคับให้เลิกสัญญา ไร้ร่องรอยจนถึงทุกวันนี้ ชู่มู่ไม่คิดว่า ในเมืองอมตะจะมีดวงวิญญาณรองของท่านพ่อตัวเองผนึกไว้อยู่ !
ในใจของชู่มู่เต็มไปด้วยความสะเทือน ลำตัวสั่นคลอนไปด้วย !
“เจ้าแน่ใจใช่ไหม เจ้า…เจ้ารู้สถานที่ผนึกหรือไม่” ชู่มู่ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“รู้…แต่อันตรายอย่างมาก…” องค์หญิงจิ่งโหลวพยักหน้า