Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 560
…
สิบปีก่อน
…
“ชู่มู่ วันนี้พวกเราจะพูดเรื่องดวงวิญญาณที่มีความสูงส่งอย่างมาก” ชู่เทียนหมังเดินด้วยเท้าเปล่า ม้วนกางเกงขึ้น เหยียบลงบนหินอ่อนในแม่น้ำ
ชู่มู่อายุเจ็ดขวบม้วนกางเกงขึ้นเหยียบลงน้ำเช่นกัน ทว่า ตัวของเขาเล็กกว่า น้ำในแม่น้ำนี้แทบจะถึงขาอ่อนของเขาแล้ว
“ดวงวิญญาณอะไรเหรอ เก่งมากไหม ข้าจะได้มันมาไหม” ใบหน้าละอ่อนของชู่มู่เผยความดื้อดันออกมา ทำท่าทีจะไม่ถูกแม่น้ำซัดออกไป
และแล้ว เขายังคงเหยียบบนหินที่ลื่นอันหนึ่ง ล้มลงในน้ำทั้งคน
เห็นว่าจะถูกแม่น้ำซัดออกไป มือใหญ่ของชู่เทียนหมังคว้าลงในน้ำ หิ้วชู่มู่ที่เปียกชุ่มไปทั้งตัวขึ้นจากน้ำ มองดูท่าทีไม่จำยอมของเขา กลับหัวเราะออกมา
“พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกลงโทษ เจ้าในตอนนี้เล็กจนไม่อาจทนแรงของแม่น้ำได้ จะได้มันมาได้อย่างไร พวกมันแค่จามก็ทำให้เจ้าปลิวขึ้นฟ้าได้” ชู่เทียนหมังยิ้มแล้วหิ้วชู่มู่ที่เปียกทั้งตัวไปไว้ด้านหลัง แบกชู่มู่เดินทวนสายน้ำไปตามแม่น้ำ
“สิ่งมีชีวิตที่ถูกลงโทษ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น” ชู่มู่ถามด้วยความสงสัย
“การเกิดของพวกมันเป็นความผิดอย่างหนึ่ง” ชู่เทียนหมังพูดพร้อมรอยยิ้ม
“การเกิดเป็นความผิดอย่างหนึ่งงั้นหรือ” ชู่มู่ยิ่งไม่เข้าใจ การเกิดเป็นวัฎจักรใหม่ของสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบอกว่าเป็นความผิดละ
ต่อให้ชาติก่อนพวกมันจะทำบาปเอาไว้ แต่หลังจากเกิดใหม่เท่ากับว่าความผิดทั้งหลายถูกลบล้างแล้วไม่ใช่เหรอ
“สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ มีกฎระเบียบเข้มงวดในการควบคุมสิ่งมีชีวิตในแต่ละขั้น แต่พวกมันแข็งแกร่งมากเกินไป การเกิดของพวกมัน อาจก่อเป็นหายนะอย่างหนึ่งได้” ชู่เทียนหมังบอก
ชู่มู่หมอบอยู่บนหลังของชู่เทียนหมัง เบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่า เขาเกิดความสนใจต่อเรื่องนี้อย่างมากแล้ว
“ตามตำราโบราณว่า สิ่งมีชีวิตมีโทษเจ็ดอย่าง กลุ่มหรือสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาสูงส่งหลายตัวจะถูกโทษเหล่านี้หลอกล่อ การเกิดขึ้นของความผิดซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโทษนี้จะนำไปสู่สงครามที่ไร้ที่สิ้นสุด มีสงครามก็ย่อมมีความตาย โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มที่ใหญ่โตแล้ว ถึงตอนนั้น เลือดจะไหลเป็นลำธาร ฟ้าดินไร้แสงใด ๆ …”
“และท่ามกลางกองซากศพ สายเลือดที่ไหลเป็นลำธาร และบนซากปรักหักพังนับไม่ถ้วนนั้น มักจะมีราชันจิ้งจอกสูงส่งตัวหนึ่ง มันจะมองดูโลกของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหลือชิ้นดีนี้ด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง เฉยเมยไร้เยื่อใย…
“ราชันจิ้งจอกตัวนี้ คือต้นตอของเรื่องทั้งหมดนี้ มันนำพาหายนะมาให้”
คางของชู่มู่วางอยู่บนไหล่กว้างของชู่เทียนหมัง กะพริบตา ใช้ความคิดเนิ่นนานถึงพูดขึ้นว่า “เป็นสิ่งมีชีวิตที่นำพาหายนะมาให้เหรอ สงครามระหว่างกลุ่มควรเกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มของพวกมัน ทำไมต้องโทษที่ราชันจิ้งจอกตัวนี้ด้วย”
“คึคึ นี่คงเป็นโทษที่แปดของชีวิตแล้ว พวกมันไม่เคยสนใจปัญหาของตัวเอง เจ้าพูดไม่ผิด ราชันจิ้งจอกตัวนี้ไม่ใช่ต้นตอของเรื่องทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่กำลังจะจบหายนะ พวกมันจะปรากฏตัว ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันปรากฏตัวทำไม…”
“เจ้าก็ไม่รู้เหรอ” ชู่มู่ถามขึ้น
ชู่เทียนหมังส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม พูดต่อว่า “ในสมัยก่อน ผู้คนโทษความผิดทั้งหมดไว้ที่มัน ดังนั้น มันมีความผิด อีกทั้งผู้คนได้ใช้ผนึกแข็งแกร่งยิ่ง ผนึกพลังของราชันจิ้งจอกโทษทั้งเจ็ดนี้ไว้ เพื่อให้มันชดใช้โทษจากการสร้างหายนะนี้ จำต้องผ่านไปหนึ่งพันรุ่นถึงจะลบล้างความผิดทั้งหมดได้…”
“หนึ่งพันรุ่น อายุขัยของราชันจิ้งจอกยาวกว่ามนุษย์มาก ต้องใช้เวลากี่ปีเหรอ” ชู่มู่พูดอย่างตกใจ
“ใช่ จนถึงตอนนี้ราชันจิ้งจอกเจ็ดชนิดยังชดใช้โทษอยู่…” ชู่เทียนหมังถอนหายใจ พูดต่อว่า “แต่ว่า ต่อให้เป็นการชดใช้โทษ ต่อให้พลังถูกผนึกเอาไว้ พวกมันยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก !”
“แข็งแกร่งกว่ามังกรวายุที่เจ้าพูดถึงครั้งก่อนอีกเหรอ” ชู่มู่ถามขึ้น
“มังกรวายุ…” ตอนที่ได้ยินชื่อนี้ ชู่เทียนหมังสติเลื่อนลอยเล็กน้อย
หลังจากยิ้มฝืน ๆ แล้ว ชู่เทียนหมังพูดอย่างจริงจังว่า “แข็งแกร่งกว่า ! แม้จะเป็นจักรพรรดิเหมือนกัน แต่พวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่ามังกรวายุ พวกมันเป็นวีรบุรุษในจักรพรรดิ ! ต่อให้พวกมันกำลังชดใช้โทษอยู่ ยังคงมีพลังสลายฟ้าดินอยู่ !”
ชู่มู่กำไหล่ของชู่เทียนหมังแน่น อดใจไม่ไหวที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องชดใช้โทษจากชู่เทียนหมัง !
ชู่เทียนหมังยิ้มอย่างเมตตาพูดขึ้นว่า “จำไว้ให้ดี พวกมันชื่อว่าจิ้งจอกโทษทั้งเจ็ด ! มีความสามารถเจ็ดชนิดที่แตกต่างกัน เป็นต้นตอของบาปทั้งเจ็ดชนิด”
“จิ้งจอกโทษทั้งเจ็ด !!!” ตอนที่ได้ยินชื่อนี้ ชู่มู่สัมผัสได้ว่า จิตวิญญาณของตัวเองสั่นคลอนเล็กน้อย เขาในตอนนี้อยากเห็นท่าทีสูงส่งของจิ้งจอกโทษทั้งเจ็ดนี้อย่างมาก
“จิ้งจอกโทษทั้งเจ็ดจะมีชื่อที่แตกต่างกัน หนึ่งในชื่อของมันซึ่งบันทักไว้ในตำราโบราณ มีชื่อว่า จิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษทั้งเจ็ด !”
…
…
บนฟ้าเหนือเมืองอมตะ
ฟ้าสีดำที่เชื่อมกับพื้นดินพลิกตัวราวกับคลื่นสีดำ ความกดอากาศยุ่งเหยิงนี้ทำให้เศษในเมืองอมตะม้วนเข้าไปกลางอากาศ คืบคลานเหนือเมืองอมตะแห่งนี้ ทำให้ฟ้าด้านบนนี้ขุ่นมัวอย่างยิ่ง !
บริเวณพื้นที่ที่มีความกดอากาศรุนแรงมากที่สุดปรากฏท่ามกลางลานกว้างแท่นบูชาอสูรเลือด !
บริเวณที่อยู่ของเมืองแห่งนี้ ราวกับระยะห่างระหว่างฟ้ากับดินแค่ไม่กี่เมตร ฟ้าที่อยู่แค่เอื้อมมือทำให้ผู้เฝ้าหินทั้งหมดในสนามรู้สึกถึงความกดดันมหาศาล !
วินาทีนี้ผู้เฝ้าหินนับพันตัวตกอยู่ในความหวาดกลัว ผู้เฝ้าหินจักรพรรดิขั้นสูงเหล่านั้นเหมือนจะรู้ว่า มีบางอย่างจะปรากฏในแท่นบูชาแห่งนี้ ร่างกายเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ส่งเสียงคำรามอย่างหวาดระแวง !
“อู อู อู อู อู อู อู !!!ช”
เสียงร้องของมั่วเย้สะเทือนไปทั่วฟ้าดิน ขนสีเงินพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาสีเงินคู่นั้นเผยให้เห็นไฟที่ร้อนระอุ !!!
นี่เป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับบางอย่าง !!!
มองผ่านดวงตาคู่นี้ ราวกับจะได้เห็นโลกอีกใบหนึ่ง โลกที่เป็นหนึ่งเดียว !!!
“จิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษทั้งเจ็ด ควบคุมพลังเปลวไฟ ผู้คนเรียกเปลวไฟของมันว่า เป็นอัคคีแห่งโทษ นั่นเป็นพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าผลึกเปลวไฟระดับที่ห้าอันแข็งแกร่ง ได้ข่าวว่ามันมีพลังมหาศาลที่แผดเผาโลกทั้งใบได้ !”
ชู่มู่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ด้านหลังมั่วเย้ คำพูดของชู่เทียนหมังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับจิ้งจอกโทษทั้งเจ็ดดังก้องกับวานอยู่ในหัวของเขา !
และแล้วในตอนนี้ สิ่งที่ชู่มู่เห็นคือ อัคคีแห่งโทษที่ลุกโชนขึ้นในลำตัวสีเงินของมั่วเย้ ผลึกอัคคีระดับที่ห้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าไฟปีศาจเก้าวิญญาณระดับที่สี่ !
“จิ้งจอกโทษทั้งเจ็ด !!! มั่วเย้กำลังแปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกโทษทั้งเจ็ด !!!”
ชู่มู่รู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นอย่างแรง !
จิ้งจอกโทษทั้งเจ็ด นั่นเป็นตำนานที่เป็นเหมือนเทพนิยายในวัยเด็กของตัวเอง โดยเฉพาะเป็นนิทานที่ต้องผ่านการปิดผนึกพันรุ่นถึงจะชำระล้างบาปได้ ยิ่งทำให้หัวใจของชู่มู่ในวัยเด็กสะเทือนอย่างยิ่ง !
ต่อให้เป็นการชำระบาปโทษ ต่อให้เป็นพลังที่ถูกผนึกไว้ แต่ยังคงเป็นวีรบุรุษของจักรพรรดิ นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากเพียงใด !!!
“นาย…ท่าน !!! นาย…ท่าน !!! จิ้งจอกน้อยของเจ้า…มัน…มันแปรเปลี่ยนอีกแล้ว !!!”
เสียงของผู้เฒ่าหลีที่ไม่ได้หนีไปดังก้องกังวานในหัวของชู่มู่ !!!
ผู้เฒ่าหลีแฝงตัวในโลกตะวันตกเป็นระยะเวลาหนึ่ง เขาที่คอยสืบเรื่องต่าง ๆ ได้รู้เรื่องที่จิ้งจอกน้อยของชู่มู่แปรเปลี่ยนจากปีศาจจิ้งจอกหกหางอัคคีร้ายเป็นจิ้งจอกอัคคีเก้าหางมงกุฎเพลิงตอนอยู่เมืองเจี่ยเช่นกัน
การแปรเปลี่ยนตระกูลได้เกิดขึ้นกับดวงวิญญาณของชู่มู่ นับว่าเป็นบุญที่ฟ้าส่งมาให้กับชู่มู่ อย่างไรก็ตาม ถ้ามั่วเย้ไม่ได้อยู่ในระดับจักรพรรดิ ชู่มู่แทบไม่สามารถทำให้ดวงวิญญาณอื่นเข้าสู่ระดับจักรพรรดิได้ไวขนาดนี้
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าหลีเหลือเชื่อคือ จิ้งจอกน้อยที่เคยผ่านการแปรเปลี่ยนตระกูลมาก่อนกลับแปรเปลี่ยนอีกครั้งแล้ว !!!
แปรเปลี่ยนต่อเนื่อง !!!
ผู้เฒ่าหลีรู้ว่า พรสวรรค์จิ้งจอกน้อยตัวนี้ของชู่มู่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า จิ้งจอกน้อยกลับแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องได้ !!!
“พระเจ้า !!! จิ้งจอกน้อยจะแปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด !!! นี่…นี่เป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจักรพรรดิ !!! พลังต่อสู้ที่มีตั้งแต่เกิดอยู่ในระดับราชันแล้ว !!!” เสียงร้องของผู้เฒ่าหลีก็เพียงพอที่จะบอกถึงความหวาดกลัวของเจ้าปีศาจอายุสองร้อยกว่าปีที่มีต่อการปรากฏตัวของจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด !!!
ผู้เฒ่าหลีมากประสบการณ์ จะไม่รู้ตำนานของจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดได้อย่างไร ! อีกทั้งถ้าตามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ชำระบาปให้จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดได้ละก็ ผนึกของจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดจะถูกคลี่คลายออก กลายเป็นการมีอยู่ที่เกินกว่าราชัน !
“เดิมจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นจักรพรรดิสมบูรณ์แบบ มีความสามารถที่เทียบเท่าราชัน บวกกับอัคคีแห่งโทษที่เป็นพลังระดับห้า…ระดับพลังต่อสู้ของมันเทียบเท่าระดับราชันขั้นต่ำได้ ! นายท่าน…นายท่าน นี่เป็นพลังต่อสู้ระดับราชันขั้นต่ำ บางที…บางทีท่านอาจไม่ต้องตายแล้ว !!!” ผู้เฒ่าหลีร้องขึ้นราวกับเป็นบ้า !
จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด ระดับราชัน อีกทั้งยังเป็นระดับราชันขั้นต่ำ !!!
แม้แต่ชู่มู่เองก็ไม่คิดว่ามั่วเย้จะกลายเป็นจิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษซึ่งเป็นหนึ่งในจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดในเวลาที่สำคัญนี้ !
จิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษทั้งเจ็ด นี่เป็นดวงวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในหัวของชู่มู่ตั้งแต่เจ็ดขวบ ชู่มู่ไม่คิดว่า จะมีวันนี้ ตัวเองจะมีจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด !!!
มองไปยังมั่วเย้ วินาทีนี้ ชู่มู่ไม่รู้จะใช้คำใดเพื่ออธิบายความสะเทือนใจของตัวเอง…
อีกทั้ง ในดวงตาสีดำของชู่มู่ เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาอย่างช้า ๆ
แค่หยดเดียวเท่านั้น แต่น้ำตาหยดเดียวนี้ได้อธิบายอารมณ์ทั้งหมดของเขาแล้ว !
น้ำตาใสนี้ไหลอาบแก้มของชู่มู่ ชู่มู่ที่จดจ่ออยู่กับมั่วเย้แทบไม่สังเกตเห็น ในตอนที่น้ำตาหยดนี้ไหลลง เกิดเป็นความประหลาดบางอย่างกลางอากาศ หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
ส่วนขวดยาพิเศษที่ชู่มู่เก็บไว้ในแหวนช่องว่าง น้ำตาแห่งศิลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ความจริงชู่มู่ไม่เคยได้สังเกตเห็นมาตลอด น้ำตาแห่งศิลากำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกครั้งที่วิญญาณของชู่มู่กับวิญญาณของดวงวิญญาณมีปฏิสัมพันธ์กันก็จะทำให้น้ำตาแห่งศิลาเพิ่มขึ้น
ตอนที่เห็นความทรงจำของภูตพันวายุ ตอนที่ปีศาจขาวกลายเป็นจักรพรรดิขั้นสูง ตอนที่จั้นเย้ยึดครองภูเขาซากศพ…น้ำตาแห่งศิลาได้แอบสะสมน้ำตาแห่งวิญญาณอย่างลับ ๆ
และในครั้งนี้ ตอนที่มั่วเย้แปรเปลี่ยนตระกูลเป็นหนึ่งในจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด กลับเป็นตอนที่น้ำตาแห่งศิลาเพิ่มขึ้นมากที่สุด !!!