Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 573
ลายเส้นแห่งโทษสีแดงเข้มลุกโชนขึ้นอย่างสะดุดตา ถูกหางเก้าเส้นที่เต็มไปด้วยลายเส้นแห่งโทษรัดไว้แน่น ภูตวายุสลายแทบไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้แค่ทนต่อความทรมานของอัคคีแห่งโทษนั้น !
เซี่ยกว่างหานในตอนนี้เหมือนกับภูตวายุสลาย ต่อให้ไม่ถูกโจมตี แต่เขาที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บต่อเนื่องเหมือนถูกรัดคอไว้แน่น เส้นเลือดได้นูนออกบนหน้าซีดขาวของเขา ดวงตาทั้งคู่เหมือนจะถลนออกมา !
ในที่สุด ภูตวายุสลายถูกฆ่าตายไปแล้ว !
ตามที่ลำตัวของภูตวายุสลายถูกอัคคีแห่งโทษแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ความทรมานของเซี่ยกว่างหานยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทว่า วัยหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ความอับอายนี้ต่างหากที่เป็นความเจ็บปวดที่แท้จริงของเซี่ยกว่างหาน !
เช่นเดียวกับที่ชู่มู่บอก ตอนนี้ใครเป็นผู้กุมชะตากันแน่ ใครกำลังเล่นกับชะตาชีวิตของใครกันแน่ !
ตอนอยู่เกาะนักโทษกับวังมารนิรย ชู่มู่ยังต้องเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของเซี่ยกว่างหาน แต่หลังจากที่ชู่มู่ออกจากการเป็นวัยหนุ่มอ่อนแอจนกลายเป็นวัยหนุ่มที่มีความแน่วแน่ในทะเลเหิงนั้นแล้ว ชู่มู่เป็นผู้กำหนดชะตาของตัวเองมาตลอด
“หน็อยแน่ !!! หน็อยแน่ !!! มันไม่ควรจบแบบนี้ !!! มันจะไม่จบแบบนี้แน่นอน !!!” เซี่ยกว่างหานร้องขึ้นด้วยเสียงที่ร้อนรนอย่างมาก
อับอาย พ่ายแพ้ เป็นความจริงที่ยอมรับได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะได้พ่ายแพ้ให้กับมดที่เขาขยี้ได้ง่ายในเมื่อก่อน ที่ทำให้เขาไม่อยากยอมรับคือ ตัวเขาเองเป็นคนสร้างผลแห่งกรรมที่เป็นหายนะในวันนี้ !
“ชะตาของข้าอยู่ในมือของข้าตั้งนานแล้ว ส่วนเจ้าเป็นแค่ก้อนหินเล็ก ๆ ในทางผ่านของข้าเท่านั้น” ชู่มู่มองไปยังเซี่ยกว่างหานอย่างเยือกเย็น
วินาทีนี้ ความแค้นในใจของชู่มู่จางหายไปตั้งนานแล้ว เพราะชู่มู่รู้ว่า ถ้าไม่มีเซี่ยกว่างหานที่คอยบีบบังคับตัวเอง เขาคงไม่มีวันนี้ ต่อให้ชู่มู่รู้ว่า ตัวเองยังคงเล็กมากเมื่อเทียบกับโลกดวงวิญญาณอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่ถ้าตัวเขาท้อแท้ในวันนั้น จนถึงตอนนี้ ชู่มู่จะต้องเสียใจที่ตอนนั้นไม่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้แน่นอน ทำให้เขาถูกผู้อื่นทำลายศักดิ์ศรีในวันข้างหน้า แล้วมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ !
“เจ้า…ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้า ! ต่อให้เจ้าฆ่าข้าได้แล้วจะทำไม ก็แค่บอกว่าเจ้าโชคดีเท่านั้น ! ถ้าไม่มีดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องตัวนี้ เจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ส่วนข้าฆ่าเจ้าได้อย่างง่ายดาย !” ดวงตาคู่นั้นของเซี่ยกว่างหานจับจ้องไปยังชู่มู่ พูดขึ้นด้วยความโกรธ
ชู่มู่จำต้องยอมรับว่า ตัวเขามีมั่วเย้ถึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป !
ชู่มู่ยอมรับเช่นกันว่า ตัวเขาเองเป็นคนที่โชคดีคนนั้น
แต่ว่าชู่มู่ไม่เคยคิดว่า ตัวเขาจะล้มเลิกความแน่แน่ที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพราะการแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องของมั่วเย้ ยิ่งไม่เคยมีความคิดที่จะหยุดพัฒนาตัวเอง !
เมื่อมีโอกาสได้ลอกคราบ เขาจะคว้าโอาสนี้เอาไว้ พยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น !
พูดได้ว่า นอกจากเวลาที่สลบไป กลางคืนของชู่มู่เป็นการฝึกตลอด ตอนเช้าเป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เขตเมืองเจริญอย่างมาก เต็มไปด้วยสถานบันเทิง มีที่พักสบายนับไม่ถ้วน ชู่มู่ไม่เคยเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว โลกที่กว้างใหญ่ สถานที่ปลอดภัยนับไม่ถ้วน ชู่มู่กลับเลือกเดินในโลกอลวนที่เต็มไปด้วยอันตรายตลอด !
ต่อให้ออกจากทะเลเหิง ชู่มู่ก็ไม่เคยหยุดต่อสู้ไม่เคยลดความมุ่งหมั่นของตัวเองแม้แต่น้อย
วันนี้ได้กุมชะตาของเซี่ยกว่างหาน ชู่มู่ไม่รู้สึกดีใจ เพราะจากสายตาของชู่มู่ แค่ตัวเองไม่ตาย เซี่ยกว่างหานจะถูกเขาเหยียบอยู่ดี อีกทั้งคนอย่างเขาไม่พอที่จะเป็นศัตรูของตัวเองแม้แต่น้อย !
เซี่ยกว่างหานเป็นเพราะความโลภ ความแค้น ความอิจฉา ทำให้ตัวเขาจมอยู่กับความลุ่มหลง ใช้วิธีร้ายต่าง ๆ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่รู้จักความเชื่อที่ว่า ความแข็งแกร่งที่แท้จริงมาจากการต่อสู้ของตัวเอง…
มาถึงตอนนี้ เซี่ยกว่างหานที่ยังมีตำแหน่งอยู่ในวังมารนิรยในเมืองเทียนเซี่ยได้กลายเป็นแค่บุคคลนิรนามคนหนึ่งแล้ว แม้แต่ฉิงเย้ที่เป็นวัยหนุ่มขั้นหนึ่งยังมีความสามารถแข็งแกร่งกว่าเขาอีก ! ถ้าเขารู้จักการเพิ่มความแข็งแกร่ง รู้จักความท้าทาย ความสามารถของเขาจะเข้าใกล้ผู้ที่มีระดับขั้นสิบ ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้มั่วเย้แปรเปลี่ยน เขาก็เอาชนะชู่มู่ได้ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น…
คนที่ไม่รู้จักการเป็นผู้แข็งแกร่งแบบนี้ สุดท้ายก็เป็นแค่ขยะในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่อย่างหดหู่ อ่อนแอ !
เข้าไม่มีสิทธิ์เป็นศัตรูของข้าแล้ว” ชู่มู่หันกลับไป ออกคำสั่งไปยังมั่วเย้
เซี่ยกว่างหานจำต้องตาย ชู่มู่ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป !
ดวงตาของเซี่ยกว่างหานเยือกเย็นอย่างมาก ตอนที่ชู่มู่เห็นนิสัยน่าสมเพชของเซี่ยกว่างหาน ความแค้นนั้นได้หายไปแล้ว แต่ความแค้นที่สะสมในใจของมั่วเย้ไม่ใช่สิ่งที่สลายได้อย่างง่ายดายแบบนั้น!
มั่วเย้ยกกรงเล็บขึ้น กลายเป็นก้อนอัคคีแห่งโทษ
เซี่ยกว่างหานจับจ้องไปยังมั่วเย้ มองดูเหมือนเสียสติไปแล้ว
และแล้ว ในตอนที่มั่วเย้กำลังจะโจมตี คาถาที่เซี่ยกว่างหานแอบร่ายขึ้นได้สำเร็จลง!
“ฮู”
ร่างกายของเซียกว่างหานเริ่มเลือนลาง หลังจากอัคคีแห่งโทษนั้นของมั่วเย้พุ่งออก ร่างของเซี่ยกว่างหานได้หายไปแล้ว กลายเป็นเหมือนวิญญาณ ลอยขึ้นอย่างลึกลับ !
“ฮะฮะฮะ !!! คิดจะฆ่าข้าเซี่ยกว่างหาน ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น !!!” เซี่ยกว่างหานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ลำตัวที่กลายเป็นวิญญาณลอยไปยังรอยแยกของมิติผนึกอย่างรวดเร็ว !
เผชิญกับทักษะวิญญาณพิเศษของเซี่ยกว่างหานนี้ ชู่มู่แค่มองตามอย่างเฉยเมย ไม่ได้เผยท่าทีประหลาดใจออกมามากเท่าไร
“ปีศาจขาว” ชู่มู่ออกคำสั่งไปยังมารนิรยขาว
มารนิรยขาวปล่อยทักษะเงาปีศาจสลับตำแหน่ง ตามไปด้านหลังร่างวิญญาณของเซี่ยกว่างหานอย่างง่ายดาย !
ไฟปีศาจเก้าวิญญาณขั้นกลางลุกโชนขึ้น พลังแผดเผาวิญญาณอันรุนแรงนี้พุ่งเข้าร่างเลือนลางของเซี่ยกว่างหาน วิญญาณของเซี่ยกว่างหานอ่อนแอถึงที่สุดแล้ว ไฟปีศาจเก้าวิญญาณคร่าชีวิตนี้แผดเผาร่างกายและวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
“อ๊า !!! อ๊า !!!”
เซี่ยกว่างหานร้องด้วยความเจ็บปวด ท่ามกลางไฟปีศาจเก้าวิญญาณ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างมาก จับจ้องไปยังชู่มู่ราวกับผีสาง
ตามที่ไฟปีศาจเก้าวิญญาณแผดเผาร่างกายของเขา เซี่ยกว่างหานได้โห่ร้องไปด้วยว่า “ชู่มู่…ชีวิตของเจ้า…ยังอยู่ในมือผู้หญิงคนหนึ่ง…จะมีสักวัน เธอจะฆ่าเจ้า ! ข้าเซี่ยกว่างหานจะเป็นผีสางรอเจ้าอยู่ข้างใต้นี้ !!!”
ชีวิตที่ถูกมารนิรยขาวแผดเผา จะไม่กลายเป็นผีสางแน่นอน ดังนั้น หลังจากที่เซี่ยกว่างหานพูดจบ เขาได้หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง !
ทักษะวิญญาณสุดท้ายของเซี่ยกว่างหานเป็นการดิ้นรนก่อนตาย ทักษะหมวดวิญญารนี้อาจทำให้มั่วเย้ไม่ทันตั้งตัว แต่ไฟปีศาจเก้าวิญญาณแผดเผาวิญญาณของมารนิรยขาวกลับเป็นตัวสกัดของหมวดวิญญาณ เซี่ยกว่างหานใช้ทักษะวิญญาณแปลงเป็นวิญญาณได้ เท่ากับว่าจะทำให้ตัวเองตายทรมานมากขึ้นกว่าเดิม !
“ฮู ฮู ฮู ฮู”
ตามที่เซี่ยกว่างหานได้ตายลง การต่อสู้ครั้งนี้ได้จบลงเสียที
เย้ชิงจือ เย้หวันเชิง องค์หญิงจิ่งโหลวได้ผ่อนคลายลงบ้าง ทว่า องค์หญิงจิ่งโหลวเหมือนจะสังเกตถึงคำพูดสุดท้ายของเซี่ยกว่างหาน พูดกับชู่มู่เสียงเบาว่า “ผู้หญิงที่เขาหมายถึง…”
“ไม่มีอะไร เป็นคำพูดเพ้อเจ้อก่อนตายของเขา” ชู่มู่ส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไร
ความจริงแล้ว ประโยคนี้ของเซี่ยกว่างหานทำให้ชู่มู่ตกใจเล็กน้อย ต่อให้เซี่ยกว่างหานไม่พูดให้ชัดเจน แต่ชู่มู่รู้ว่าผูหญิงที่เขาหมายถึงคนนั้นคือเด็กสาวทรยศแน่นอน
เดิมเซี่ยกว่างหานก็มีความเกียวช้องกับเด็กสาวทรยศอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าเซี่ยกว่างหานเป็นลูกน้องของเด็กสาวทรยศด้วย อีกทั้งเซี่ยกว่างหานเป็นคนที่เด็กสาวทรยศส่งมาเพื่อฆ่าตัวเอง ถ้าอย่างนั้นความจริงตัวเขาถูกดวงวิญญาณทรยศตัวเองจับตามองตลอด !
เซี่ยกว่างหานปรากฏตัวในตระกูลชู่เมืองหวั่งหลัว เดิมเป็นเรื่องที่แปลกมากอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าเกี่ยวข้องกับเด็กสาวทรยศ ถ้าอย่างนั้นระหว่างสองคนนี้อาจมีความเกี่ยวข้อง !
…
เย้ชิงจือมองไปยังชู่มู่อย่างอ่อนแรง เธอมักจะคิดแทนชู่มู่ด้วยความเคยชิน ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอพอเดาได้ว่าผู้หญิงที่เซี่ยกว่างหานหมายถึงคือเด็กสาวทรยศที่ชู่มู่พูดถึง…
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่า เย้ชิงจือไม่มีความสามารถที่จะคิดแทนแล้ว เธอรู้สึกว่า ทั้งตัวกำลังถูกแมลงพิษนับไม่ถ้วนกัดกิน ก่อนหน้านี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของชู่มู่ เธอถึงไม่ส่งเสียงตลอด แต่ในตอนนี้ ความเจ็บปวดนั้นกระจายไปทั่วทั้งตัว ทำให้เธอยืนไม่ได้แล้ว
“ชิงจืองั้นหรือ” เย้หวันเชิงพบเห็นสถานการณ์น้องสาวของตัวเอง รีบพยุงเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน
ชู่มู่ได้สติกลับมาทันที สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือพาเย้ชิงจือกลับไปรักษาตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเย้ชิงจือ ชู่มู่จะไม่ให้อภัยตัวเอง อย่างไรเซี่ยกว่างหานกับฉิงเย้มาเพื่อตามหาตัวเอง เย้ชิงจือเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะตัวเอง
“นายท่าน ออกจากมิติผนึกนี้ก่อน มิติแห่งนี้เริ่มสั่นแล้ว ถ้าไม่ออกไป จะเกิดปัญหาใหญ่” ผู้เฒ่าหลีบอก
ชู่มู่พยักหน้า อุ้มเย้ชิงจือขึ้น กระโดดขึ้นตัวมั่วเย้
“อู อู” มั่วเย้เองก็เป็นห่วงเย้ชิงจือ ส่งเสียงร้องขึ้น
เหมือนกลัวว่า เย้ชิงจือจะได้รับบาดเจ็บอีก หางหนึ่งเส้นของมั่วเย้ม้วนมาข้างหน้า หุ้มเย้ชิงจือเอาไว้ ให้เธอนอนได้อย่างสบาย
“มั่วเย้ เปิดผนึกออก” ชู่มู่บอก
ชู่มู่กับมั่วเย้ได้มุดเข้ามาตามรอยแยกของผนึกนี้ รอยแยกนี้มีความสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ นี่เป็นสาเหตุที่ระหว่างมั่วเย้ต่อสู้อยู่ เย้หวันเชิง องค์หญิงจิ่งโหลว และเย้ชิงจือไม่สามารถออกจากผนึกนี้ได้
กรงเล็บของมั่วเย้ส่องประกายสีเงินขึ้น ผนึกดวงจันทร์บนหน้าผากปรากฏขึ้น พลังคลายผนึกแนบบนกรงเล็บของมั่วเย้ !
ตวัดกรงเล็บลง ผนึกที่ซ่อมแซมเกิดเป็นรอยแยกยักษ์ใหญ่ทันที !
ชู่มู่ให้เย้หวันเชิงกับองค์หญิงจิ่งโหลวออกไปก่อน และให้มารนิรยขาวกับจั้นเย้พุ่งออกจากผนึกนี้พร้อมกันในที่สุด
ในไม่ช้า ชู่มู่กับเย้ชิงจือได้กลับไปในแท่นบูชาอสูรเลือด เขาพบว่า เย้หวันเชิงกับองค์หญิงจิ่งโหลวได้ยืนอยู่กับที่ ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมเหรอ”
“ผู้เฝ้าหินเหล่านั้น…” เย้หวันเชิงกวาดตามองไปยังลานกว้างนี้ด้วยความอึ้ง !
ณ ตอนนี้ ลานกว้างที่ควรจะเต็มไปด้วยผู้เฝ้าหินนี้สิ้นซากหมดแล้ว ที่น่าตกใจที่สุดคือ ศพของผู้เฝ้าหินกระจายไปทั่ว สะเทือนใจยิ่ง !!!