Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 590
ในภาวะปกติ หนึ่งวิญญาณเป็นปริมาณอาหารหนึ่งวันของระดับเทียบเท่าราชัน ที่น่าตกใจคือ ราคาของหนึ่ง วิญญาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้าน ที่สำคัญที่สุดผู้คุมดวงวิญญาณน้อยคนที่จะนำทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดอย่างวิญญาณไปแลกเป็นเงินทอง
ในเวลาปกติ จะใช้วิญญาณแลกเป็นเงิน ส่วนเงินแทบไม่สามารถซื้อวิญญาณได้ ราคาของมันจะทวีคูณขึ้น อีกทั้งตามที่ทรัพยากรวิญญาณที่ไม่มั่นคง ราคาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ในตอนที่ขาดตลาด เคยเกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่พันล้านก็ซื้อหนึ่งวิญญาณไม่ได้
หลังจากได้ยินตัวเลขอันน่ากลัวนี้ ชู่มู่นิ่งอึ้งทันที ถ้าอย่างนั้นในการให้อาหารมั่วเย้ชู่มู่จำต้องใช้เงินหนึ่งร้อยล้านทุกวัน อีกทั้งยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทันที !
ชู่มู่นับว่าเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ค่อนข้างมั่งคั่งหลังผ่านการประลองฟ้าดิน ในเวลาปกติตัวเขาไม่มีโอกาสไปได้เงินทุนมหาศาลขนาดนั้น อีกทั้งยังต้องใช้หนึ่งวิญญาณทุกเดือน !
“นี่ยังเป็นแค่การจ่ายเพื่อไม่ให้ดวงวิญญาณระดับราชันหิว ถ้าต่อสู้บ่อยครั้ง หรือคิดจะให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น ต้องใช้เงินมากกว่านี้อีก ดังนั้นก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับเจ้าไว้ ผู้คุมดวงวิญญาณหลายคนจะถูกดวงวิญญาณระดับราชันรั้งเอาไว้ อยู่ในระดับเดิมทั้งชีวิต ไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้” ผู้เฒ่าหลีบอก
พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่เหงื่อตกทันที
ต้องรู้ว่าตัวเขาจะมีดวงวิญญาณระดับราชันสามตัวในไม่ช้านี้แล้ว ถ้าอย่างนั้น ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่ต่อสู้ ชู่มู่ก็ต้องเสียเงินสามร้อยล้านทุกวัน ! ก่อนหน้านี้ไม่นานชู่มู่ยังสู้เพื่อเก็บเงินหลายร้อยล้านนี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นค่าใช้จ่ายรายวันในพริบตา !
“นายท่านไม่ต้องห่วง ผู้คุมดวงวิญญาณต้องผ่านเรื่องแบบนี้ ค่าใช้จ่ายสูงจริง แต่จากไหวพริบของนายท่าน คาดว่าจะมีรายได้มหาศาลเช่นกัน แหวนช่องว่างของผู้หญิงคนนั้นมีวิญญาณประมาณหกสิบอัน ในสองเดือนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องวิญญาณ หลังจากสองเดือนแล้ว นายท่านต้องจัดการเรื่องอาหารของดวงวิญญาณก่อน” ผู้เฒ่าหลีบอก
หลังจากระดับราชัน ทรัพยากรหายากยิ่ง นี่ทำให้เห็นภาวะปกติที่สุดหลังจากความสามารถแข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้น ไม่ว่าใคร ๆ ก็มีดวงวิญญาณระดับราชันได้ แล้วจะเกิดช่องว่างระหว่างจักรพรรดิกับราชันได้อย่างไร
…
ผู้เฒ่าหลีพูดเยอะนาดนี้ นับว่าเป็นการเตือนสติชู่มู่
ในเมื่อยังจัดการปัญหาเรื่องอาหารได้ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นวัตถุวิญญาณบางอย่างที่จะเพิ่มความสามารถดวงวิญญาณระดับราชันนี้ จะมีโอกาสน้อยกว่าเดิม คาดว่าต่อจากนี้ ชู่มู่จะเพิ่มความแข็งแกร่งมั่วเย้ให้อยู่ในราชันขั้นกลาง ราชันขั้นสูงจะยากขึ้นมาก อีกทั้งการแข่งขันเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่ง อย่างไรสิ่งที่ชู่มู่จะต้องเผชิญคือผู้แข็งแกร่งมนุษย์และในป่า เจ้าแห่งพื้นที่ !
ปัญหาเหล่านี้ ชู่มู่ไม่คิดก่อน
เพราะประกาศเกียรติของด่านที่สิบจะมาถึงแล้ว
เรื่องที่ชู่มู่ได้รางวัลเกียรติสุดท้ายนี้ ยังเกิดเรื่องอยู่บ้าง บางคนในฝ่ายจัดการประลองคิดจะห้ามชู่มู่เข้าแข่งขัน ไม่ให้เกียรตินี้กับเขา
หลังจากด้วยอำนาจของตำหนักวิญญาณ พวกเขาก็ไม่กล้าไม่ให้ ทั้งหมดนี้เป็นบุญคุณของท่านอาวุโสที่ชู่มู่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
เกียรติสุดท้ายของการประลองฟ้าดิน คือคนที่เป็นตัวแทนแข็งแกร่งที่สุดของวัยหนุ่ม ตอนที่เหยียบบนเวทีอันเป็นที่จับตามองของคนนับหมื่นนี้ มองไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คน มองไปยังสีหน้าคลั่งไคล้ของผู้คนนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นชู่มู่ที่มีความนิ่งผิดปกติยังรู้สึกสะเทือนใจบ้าง
ด่านฟ้าดิน เขตโลกสิบกว่าแห่ง ทุกเขตโลกมีเขตเมืองสิบกว่าอัน และภายใต้เขตเมืองนี้ มีเมืองขั้นแปดนับหมื่น
ส่วนตัวเองกลับมาจากเมืองขั้นแปดที่ไม่เป็นที่สนใจที่สุด ค่อย ๆ ก้าวมาจนมีวันนี้ อยู่ในจุดสูงสุดของรุ่นวัยหนุ่มนี้ มีใครจะไม่สะเทือนใจบ้าง
เขาสามารถเป็นที่โดดเด่นในรุ่นวัยหนุ่มได้ ถ้าอย่างนั้นในอนาคต จะก้าวไปในตำหนักสีทองนั้นได้หรือไม่ ชิงบัลลังก์ราชานั้น !
เสียงโห่ร้องราวกับฟ้าร้องดังขึ้นข้างหูชู่มู่ ชู่มู่ได้ยินเสียงของคนนับแสนที่วิพากย์วิจารย์ตัวเอง !
“ชู่เฉิงเป็นใครกันแน่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครรู้เหรอ หรือว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่มาจากเมืองว่านเซี่ยง”
“ข้าได้ยินมาว่า ชู่เฉิงไม่มีเบื้องหลังอะไร ดวงวิญญาณราชันของเขามาจากเมืองต้องห้ามหมด ตอนอยู่ด่านที่สองได้ยินว่าชู่เฉิงได้บุกเข้าโลกอลวนด่านที่หนึ่งที่มีความยากสูงยิ่ง ได้สมบัติชั้นยอดที่เพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิให้เป็นระดับราชันอันหนึ่ง…เดิมเขามีเวลามากกว่านี้ที่ทำให้ดวงวิญญาณอื่นของเขาแข็งแกร่งขึ้นผ่านดวงวิญญาณระดับราชันตัวนี้ แต่ว่าเป็นเพราะการประลองฟ้าดินที่เร่งรีบ ทำให้เขาต้องรีบกลับมา สุดท้ายจึงนำไม้ตายนี้ออกมา !”
“พูดเพ้อเจ้อไป วัยหนุ่มไม่มีทางเดินไปมาในพื้นที่ของระดับราชันได้ อีกทั้งวัตถุวิญญาณราชันหายากยิ่ง ต่อให้มีก็จะมีดวงวิญญาณระดับราชันเฝ้าอยู่ ชู่เฉิงไม่มีทางได้มาแน่นอน ต่อให้ดักรอกี่ปีก็ไม่มีทาง ดวงวิญญาณระดับราชันนี้เขาได้มาเพราะมีรุ่นก่อนช่วยเขาเพิ่มความแข็งแกร่งแน่นอน”
เรื่องที่ชู่มู่มีดวงวิญญาณระดับราชัน กลายเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันในเมืองนี้ อีกทั้งมีคนไม่น้อยที่แต่งตำนานให้ชู่มู่ แม้แต่ดวงวิญญาณทั้งหมดของชู่มู่ยังอยู่ในตำนานนี้ด้วย สมจริงจนชู่มู่เองยังตกใจ
ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือในเมือง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคนธรรมดาอาศัยอยู่ ส่วนเหล่าวัยหนุ่มของวังมารนิรย วังดวงวิญญาณ วังดวงวิญญาณและตำหนักวิญญาณ พวกเขาต่างมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจอยู่ ความสามารถแข็งแกร่งมาก สุดท้ายพวกเขากลับไม่ใช่ผู้ได้เกียรติแม้แต่คนเดียว
ในตำหนักวิญญาณ พวกคนที่เคยร่วมมือกับชู่มู่อย่างซ่างเหิง ถิงหลัน จ้าวเฉิง หลีจ่าน พวกคนที่ชื่นชมชู่มู่เหล่านี้ ต่างแสดงความประทับใจออกมาในตอนที่ชู่มู่ยืนอยู่บนเกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบ
“ตอนเห็นเขาครั้งแรก ความสามารถของเขาก็ค่อนข้างโดดเด่นในขั้นที่สาม และแล้วกระโดดข้ามขั้นจนอยู่ในขั้นหนึ่ง…” ถิงหลันรู้จักชู่มู่คนแรก ความสามารถที่ข้ามขั้นเกินจริงแบบนี้ของชู่มู่ทำให้เธอตกใจอย่างมากจริง ๆ
“ฮะ ฮะ ตอนแรกข้าไม่คิดว่า ที่แท้หัวหน้าเป็นบุคคลฝ่ากฎธรรมชาติอย่างโอรสของพวกเรา โอรสของพวกเราเป็นถึงตำนานเทพ ครั้งนี้ชู่เฉิงได้เกียรติสุดท้าย สร้างตำนานเทพอีกอันให้ตำหนักวิญญาณของพวกเราแล้ว หลังจากนี้ต้องเอาอกเอาใจหน่อยแล้ว” จ้าวเฉิงหัวเราะออกมา
นายท่านที่แปดตำหนักวิญญาณฟางเจ๋อ เขามีความสามารถผิดปกติเช่นกัน และแล้วเมื่อเผชิญกับชู่มู่ที่อัญเชิญดวงวิญญาณระดับราชันออกมาได้ เขากลับทำสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา
นายท่านฟางเจ๋อเก็บตัวนานมากแล้ว ความจริงความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าโอรสน้อยวังมารนิรยเจียงอี้เถิงอีก เขาเก็บตัวมาตลอด ก็เพื่อระเบิดความสามารถในด่านที่เก้านี้ แล้วคว้าเกียรติสุดท้ายขั้นสองนี้
และแล้ว เจ้าชู่มู่ปรากฏตัว แม้แต่คนอย่างเขายังต้องถอยออกไป สุดท้ายเกียรตินี้กลับตกอยู่ในมือผู้คุมดวงวิญญาณไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง
“เจ้าชู่เฉิง ต้องผูกมิตรแล้ว” มองดูตำแหน่งเกียรติที่ควรจะเป็นของตัวเองกลับมีคนอื่นยืนอยู่ ฟางเจ๋อเองอัดอั้นเนิ่นนานถึงพูดคำนี้ออกมา
จ่านหงที่ยืนอยู่ข้างนายท่านฟางเจ๋อมีสีหน้าอึดอัดอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นเพราะไม่รู้จักการมองคน ในช่วงแรกเกิดความขัดแย้งกับชู่มู่ ทำให้เขาเริ่มกังวล คิดอยู่ว่าจะเข้าไปขอโทษตอนไหนดี
จ่านหงเย่อหยิ่งมาตลอด นอกจากนายท่านที่แปดฟางเจ๋อแล้วเขาแทบไม่เคารพคนอื่นเท่าไร ตอนนี้แม้แต่นายท่านที่แปดยังต้องนอบน้อม เขาจะกล้าเห็นต่างเรื่องชู่มู่ได้อย่างไร
ส่วนด้านวังมารนิรย หลังจากสามผู้แข็งแกร่งขั้นสองของวังมารนิรยพ่ายแพ้ให้กับชู่มู่แล้ว พวกเขาทั้งสามคนได้รวมหัวกัน คิดจะสั่งสอนชู่มู่หลังจากจบการประลองครั้งนี้
แต่ว่าชู่มู่ในตอนนี้ได้เข้าสู่ขั้นที่หนึ่ง อีกทั้งในขั้นที่หนึ่งแทบไม่มีคนเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ นี่ทำให้เจียงอี้เถิง ซิงหยาง ลู่ซานหลีตบหน้าตัวเอง
“พวกเจ้าจัดการเถอะ ข้าไม่อยากเข้าร่วมแล้ว ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับคนที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน” ลู่ซ่านหลีออกจากแผนการนี้ก่อน
ในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามมีแค่มารนิรยขาว จัดการลู่ซานหลีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ลู่ซานหลีแค้นชู่มู่อย่างมาก แต่เขายังรู้ตัวดี
“หน็อยแน่ ด้วยอำนาจของพวกเราในวังมารนิรย คิดว่าพวกเราใช้เจ้าวัง ผู้อาวุโสจัดการเขาไม่ได้เหรอ” เจียงอี้เถิงเกลียดชู่มู่อย่างมากแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นชู่มู่ยืนอยู่บนเวทีแห่งเกียรติยศขั้นที่หนึ่ง จึงรู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา !
“โอรสน้อย…นี่ ข้าก็ไม่เข้าร่วมแล้ว” ซิงหยางพูดเสียงเบา
เจียงอี้เถิงเห็นซิงหยางไม่คิดจะเล่นลับหลัง ยิ่งโกรธมากขึ้น “ขี้ขลาดแบบนี้ ยากที่จะเจริญได้ ไม่กำจัดคนแบบนี้ทิ้ง ต่อไปจะเป็นอุปสรรคให้พวกเราแน่นอน !”
ลู่ซานหลีกวาดตามองไปยังเจียงอี้เถิง ผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยที่มีเบื้องหลังไม่มากเท่าไรอย่างซิงหยางอาจกลับเจียงอี้เถิง แต่ตำแหน่งของลู่ซานหลีไม่ต่ำ เขาไม่กลัวเจียงอี้เถิง พูดอย่างเยือกเย็นว่า “อุปสรรคของพวกเรางั้นหรือ เจ้าประเมินตัวเองสูงไปจริง ๆ อีกไม่นาน ไม่กี่ปีเจ้าจะถึงอายุสามสิบแล้ว ตอนนี้วิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังมีหวังจะเข้าสู่ราชันวิญญาณหรือได้ดวงวิญญาณระดับราชันก็โชคดีมากแล้ว ส่วนชู่เฉิง เขาไม่มีทางเป็นอุปสรรคของพวกเราแล้ว เพราะพวกเราไม่มีวันจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาอีกแล้ว”
ลู่ซานหลีไม่ได้เยาะเย้ยคนอื่นเพื่อเชิดชูตัวเอง แต่เขารู้ดีว่า ความหมายของจักรพรรดิกับราชันต่างกันมาก โดยเฉพาะชู่มู่ในตอนนี้ทะยานขึ้น มีราชันสองตัว เกรงว่าอีกไม่นาน เจ้าโลก เจ้าวัง เจ้าตำหนัก และราชันบางคนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชู่มู่แล้ว ส่วนคนอย่างพวกเขา เกรงว่ายังวนเวียนอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด
พวกเขาทั้งสามคน จากเกียรติสุดท้ายขั้นสองตกลงก้นเหวทันที อีกทั้งต้องคว้าตำแหน่งขั้นสองกลับมา แล้วมุ่งหน้าสู่ขั้นแข็งแกร่งที่สุดในขั้นที่หนึ่ง แล้วเป็นจุดบอดอันใหญ่ที่สุดและโหดร้ายที่สุดระหว่างราชันกับจักรพรรดิ
ระยะห่างกับชู่มู่มหาศาลแบบนี้ นอกจากชู่มู่จะเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่แล้ว พวกเขาไม่มีทางอยู่ในระดับเดียวกับชู่มู่แน่นอน
ความสามารถที่ต่างกันขนาดนี้ เรื่องแก้แค้น ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ