Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 594
ความจริงชู่มู่ไม่รู้ เทียนทิงเคยสงสัยมั่วเย้หรือไม่ นี่ยังเป็นเพราะคำพูดบังเอิญของท่านอาวุโสนั้น
ในตอนที่ท่านอาวุโสส่งคนมาแอบปกป้องชู่มู่ หลังจากพบว่า ชู่มู่ถูกเทียนทิงจับจ้องได้เข้ามาห้ามทันที อีกทั้งได้บอกว่า ชู่มู่มีตำแหน่งเป็นนายท่านซึ่งเป็นบุตรของท่านหญิง
ตำแหน่งของท่านหญิงในตำหนักวิญญาณไม่ธรรมดาอย่างมาก อีกทั้งยังรับงานในองค์กรวิญญาณ เป็นดาวยอดในสิบหกนักยอด นับว่าเป็นเจ้านายของเทียนทิง
เจ้าองค์กรเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เปิดเผยสู่ภายนอก จึงให้เทียนทิงที่ไม่เป็นที่จับตามองมาทำเรื่องนี้ ถ้าเทียนทิงจะลงมือกับชู่มู่จริง ๆ ด้วยนิสัยของดาวยอดแล้ว เกรงว่าจะฆ่าเขาอย่างไม่ลังเล
เรื่องนี้เป็นการรับคำสั่งของเจ้าองค์กร เจ้าองค์กรบอกว่าเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ เทียนทิงเองบอกได้แค่กับท่านอาวุโสว่า ชู่มู่ได้เก็บสมบัติชิ้นหนึ่งขององค์กรวิญญาณไป จำต้องคืนให้
ตอนที่ท่านอาวุโสถามว่า คือสมบัติอะไร เทียนทิงเองจะตื่นเต้นมากไปไม่ได้ แสร้งทำเป็นนิ่งแล้วบอกว่า เป็นของที่ค่อนข้างสำคัญอย่างหนึ่ง
เทียนทิงรู้ ถ้าตัวเองแสดงท่าทีว่าของสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เป็นคำสั่งอันสำคัญยิ่งของเจ้าองค์กร ท่านอาวุโสจอมเจ้าเล่ห์จะต้องไปตามสืบอย่างไม่ลังเล ถ้ารั่วไหลละก็ จะเกิดเรื่องยุ่งยากไม่น้อย
และในตอนด่านที่เก้า ชู่มู่ได้อัญเชิญจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด ดวงวิญญาณระดับราชันออกมา
ในตอนนั้น ท่านอาวุโสเข้าใจทันที ในตอนนั้นแอบคิดว่า สิ่งที่เทียนทิงหมายถึงคงเป็นจิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษทั้งเจ็ดของชู่มู่ตัวนี้
ความคิดของเทียนทิงกลับไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่า เขาสับสนอย่างมาก ไม่แน่ใจอะไรได้ เขาจำได้ว่า เจ้าองค์กรเคยบอกว่า ไข่ดวงวิญญาณนั้นถูกกักเอาไว้ น่าจะไม่ฟักออกมาในสิบปีนี้ แต่จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดระดับราชันตัวนี้ปรากฏตัวกะทันหันเกินไป
ท่านอาวุโสเป็นบุคคลระดับใด ถ้าจะเล่นสงครามจิต เทียนทิงยังอ่อนไปหน่อย
ดังนั้น ในตอนที่ชู่มู่อัญเชิญจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดออกมา ท่านอาวุโสทำท่าทีแน่นิ่งอย่างมาก อีกทั้งพูดหลอกล่อว่า “อืม ท่าทางดวงวิญญาณตัวนั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก”
พอท่านอาวุโสพูดแบบนี้ เทียนทิงรู้ทันที จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดนี้อาจเป็นสิ่งที่ท่านหญิงกับท่านอาวุโสให้ชู่มู่
จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นจักรพรรดิสมบูรณ์แบบ ระดับเจ้าวิญญาณทำสัญญาวิญญาณกับมันได้อีกทั้งจะไม่ทรยศ จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดนี้หายากยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับทั้งวงการราชันแล้ว สำหรับบุคคลระดับเทียนทิงกลับไม่สะดุดตาขนาดนั้น
ในตอนนั้นเทียนทิงได้มองไปยังท่านอาวุโสกับท่านหญิง กล้าแอบนำดวงวิญญาณเหนือธรรมชาติแบบนี้ให้รุ่นเด็กแบบนี้ นี่เท่ากับเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎของฝ่ายจัดการประลองไม่ใช่เหรอ
เทียนทิงเองเป็นประธานของที่นั่งทั้งสี่ ถ้าดวงวิญญาณบางตัวของรุ่นวัยหนุ่มเป็นการต้องห้ามจากรุ่นผู้ใหญ่ รางวัลนั้นจะต้องถูกยึดแน่นอน
แต่เทียนทิงในตอนนี้ไม่อยากล่วงเกินท่านอาวุโสมากเกินไป เดี๋ยวคนแก่เจ้าเล่ห์จะมองอะไรออก ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน
ในเมื่อจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นสิ่งที่ท่านอาวุโสกับท่านหญิงมอบให้กับชู่มู่ เทียนทิงเองย่อมต้องคัดมั่วเย้ออกไป
ดังนั้น ในตอนที่เทียนทิงบอกให้ชู่มู่ส่งไข่ดวงวิญญาณออกมา ไม่รู้ว่าไข่ดวงวิญญาณที่เจ้าองค์กรจะเอากลับได้ฟักออกมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งอยู่เคียงข้างชู่มู่ตลอด กลายเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องแล้ว !
แน่นอนว่า ชู่มู่เองก็อดทนในเวลาสำคัญได้ ถ้าเทียนทิงข่มขู่แบบนี้ ต่อให้ตายชู่มู่ก็จะไม่ส่งมั่วเย้ออกมาเด็ดขาด ถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับเป็นการยอมรับไม่ใช่เหรอ
หลังจากคิดทบทวนอย่างรวดเร็วแล้ว ชู่มู่รู้สึกว่า ต้องยืดเวลาฝ่ายตรงข้ามก่อน พูดกับเทียนทิงว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร ข้ามีแค่ไข่มังกรจำศีล ก่อนหน้านี้ไม่นานมันเพิ่งฟักออกมา”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ อย่าพูดเรื่องไข่มังกรจำศีลกับข้า ส่งไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามนั้นออกมา ส่งออกมาทันที มิฉะนั้นข้าจะให้เจ้าตายอย่างอนาถที่สุด !” เทียนทิงพูดอย่างหมดความอดทน !
“ไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามงั้นหรือ ข้าจะมีของแบบนี้ได้อย่างไร !” เวลาที่ควรแสร้งทำชู่มู่แสดงละครได้เป็นอย่างดี ในตอนนี้ เขาได้ทำท่าทีเป็นผู้ถูกต้องออกมา
เทียนทิงโกรธอย่างมากแล้ว คว้าปกเสื้อของชู่มู่ทันที !
สีหน้าของชู่มู่ที่ตกใจในเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่า ของอยู่ในมือของเขา เทียนทิงโง่แค่ไหนก็ดูออก
แต่ในตอนนี้ เจ้าเด็กนี่กลับทำเหมือนไม่รู้ต่อหน้าตัวเอง ไม่ใส่ใจเทียนทิงเกินไปแล้ว หรือว่าเขาคิดว่า ที่นี่เป็นตำหนักวิญญาณเขาจะไม่กล้าลงมือเหรอ !
“เทียนทิง รุ่นหลังไม่รู้เรื่อง สั่งสอนก็พอ ไม่จำต้องใช้ทักษะวิญญาณอะไรหรอก” ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนเข้ามาพร้อมเสียงที่แหบเล็กน้อยดังขึ้น
เทียนทิงอึ้งเล็กน้อย หันกลับไป ถึงพบว่าชายวัยกลางคนที่มีหนวดขาวสองเส้นปรากฏตัวในสวนนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ อีกทั้งยังทำลายกำแพงร่ายวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านั้น แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย !
ชายหนวดขาวสองเส้นนี้เกินไปข้างเทียนทิง ใช้มือกดไหล่ของเทียนทิง เป็นการบอกให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้
สีหน้าของเทียนทิงประหลาดอย่างมาก ได้เก็บความโกรธเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจตัวเอง !
ชู่มู่จับจ้องไปยังชายที่ปรากฏตัวกะทันหันคนนี้ แอบตกใจ อย่างน้อยเทียนทิงก็เป็นถึงคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากราชาในเมืองเทียนเซี่ยนี้ ทำไมประโยคเดียวของชายชราที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน กลับทำให้ความโกรธของเขาหายไปหมด อีกทั้งยังมีท่าทีประหลาดแบบนี้ !
“นายท่าน คนแก่นี่คือ ท่านอาวุโสหลิว ท่าทางเจ้ารอดแล้ว !” เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้น
“ท่านอาวุโสหลิว ความสามารถของเขาแข็งแกร่งมากเหรอ” ชู่มู่รีบถามขึ้น
“แข็งแกร่ง ไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา ! คาดว่าดวงวิญญาณรองของคนแก่นี่ก็ดับเทียนทิงได้แล้ว !” ผู้เฒ่าหลีบอก
รองวิญญาณรองก็ดับเทียนทิงประธานที่นั่งทั้งสี่ได้แล้ว ชู่มู่ตกใจทันที มองไม่ออกว่า ชายชราที่มีใบหน้าใจดีแบบนี้กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ !
“เชื่อถือได้ไหม” ชู่มู่ถามอย่างจริงจัง
“เขามีนามสกุลหลิว เจ้ารู้สึกว่าเชื่อถือได้ไหม” ผู้เฒ่าหลีถามกลับ
เมื่อกี้ชู่มู่ตื่นเต้นเกินไป กลับมองข้ามรายละเอียดนี้ไป !
“ตอนนี้เจ้าควรบอกความจริงทั้งหมดให้เขารู้ แบบนี้เขาจะหาวิธีให้เจ้าได้ ถ้าซ่อนไว้มีแต่จะเกิดเรื่องมากกว่าเดิม อย่างไรเสีย เจ้าในตอนนี้ต้องอาศัยเขาถึงจะรักษาจิ้งจอกน้อยไว้ได้ รู้ไว้ว่าเทียนทิงก็ไม่ธรรมดา เขาในตอนนี้อาจไม่รู้ว่าดวงวิญญาณที่มังกรจำศีลมรกตพาออกมาคือจิ้งจอกน้อย แต่ถ้าเจ้าไม่ส่งของที่เหมาะสมออกมา จะเล็งไปยังตัวตนของจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดแน่นอน พอสืบแล้ว จะรู้ร่องรอยการแปรเปลี่ยนต่อเนื่องจากในนั้นทันที !” ผู้เฒ่าหลีบอก
“อืม” ชู่มู่พยักหน้า ในตอนนี้ได้มองไปยังทั้งสองคนนี้โดยไม่พูดอะไร
…
“ท่านอาวุโสหลิว ข้าเองก็ต้องรอให้หลังจากจบการประลองฟ้าดินถึงกลับไปรายงานองค์กรวิญญาณได้ ดังนั้น ข้ารอให้จบการประลองฟ้าดินอย่างสุภาพแล้วถึงกลับมา ท่านอาวุโสออกมาห้ามในตอนนี้ หรือว่าอยากจะครองสิ่งของของเจ้าองค์กรวิญญาณไว้เป็นของตัวเอง” เทียนทิงระงับอารมณ์ พูดกับท่านอาวุโส
“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น” ท่านอาวุโสฉีกรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา เดินไปข้างชู่มู่พูดขึ้นว่า “ชู่เฉิง ตอนที่เจ้าอยู่บนเกาะนักโทษได้เก็บสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าได้ใช่ไหม”
ท่านอาวุโสจงใจเดินไประหว่างชู่มู่กับเทียนทิง ส่วนหนึ่งก็เพื่อปกป้องชู่มู่ อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้ร่ายวิญญาณเจรจากับชู่มู่
“ข้ายังควบคุมเทียนมิงไว้ได้ แต่ถ้าผู้แข็งแกร่งอื่นขององค์กรวิญญาณปรากฏตัว ไม่เพียงแต่เจ้าจะมีปัญหา พวกเราเองก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ คืนสิ่งที่เป็นขององค์กรวิญญาณกลับไปให้พวกเขาจะดีกว่า” ท่านอาวุโสพูดอย่างจริงจัง
ความจริงท่านอาวุโสก็พอเดาได้ว่า สิ่งที่เจ้าองค์กรต้องการสำคัญอย่างมาก สิ่งที่ท่านอาวุโสทำได้ก็มีเพียงยืดเวลา แต่ถ้าทำให้เจ้าองค์กรโกรธจริง ๆ ใครก็รับผิดชอบความโกรธนั้นไม่ได้
“ไม่ได้ มันทำสัญญาวิญญาณกับข้าแล้ว !” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณบอกกับท่านอาวุโสหลิวทันที
สีหน้าของท่านอาวุโสหลิวใจเย็นมาก แต่กลับตกใจที่ว่า “หรือว่าจะเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดตัวนั้นจริง ๆ
ท่านอาวุโสไม่พูดกับชู่มู่มากเกินไป ถอนหายใจ หันไปพูดกับเทียนทิงว่า “ข้าคุยกับเขาแล้ว วางใจได้ ของของเจ้าองค์กร จะส่งกลับไปให้แน่นอน”
“รออีกงั้นหรือ ท่านอาวุโส เจ้าทำแบบนี้ไม่รู้สึกว่าไม่ใส่ใจเจ้าองค์กรมากไปหน่อยเหรอ !!!” ครั้งนี้ท่าทีของเทียนทิงแข็งกระด้างขึ้น
เทียนทิงรอไม่ได้อีกแล้ว !
“ชู่เฉิงยังเป็นวัยหนุ่มอยู่ ไม่รู้ความสัมพันธ์และอำนาจในนี้ ข้าจะคอยคุยกับเขา เขาจะรู้เอง แล้วส่งออกมาเอง แบบนี้จะได้ไม่ทำให้โกรธเคืองกัน อีกทั้งตอนนี้สิ่งนี้ก็ไม่อยู่กับเขา ชู่เฉิงรู้ว่า สิ่งนี้มีค่ามาก จึงซ่อนไว้แล้ว ยังต้องไปเอากลับมา ถ้าอย่างนั้น เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะนำไปให้ท่านเอง” ท่านอาวุโสหลิวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“หึ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าองค์กร ถ้าไม่ส่งมอบ ข้าก็ทำได้แค่รายงานเจ้าองค์กร ให้คนแก่เขามาจัดการเอง”เทียนทิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น หันกลับแล้วจากไปทันที
เทียนทิงเองก็ไม่กลัวว่า ชู่มู่กับท่านอาวุโสจะเก็บไว้เอง อย่างไรก็ตาม ของเจ้าองค์กร ใครแตะ คนนั้นก็ต้องตาย รวมถึงท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณด้วย !
…
เทียนทิงจากไปทันที แน่นอนว่า จากไปด้วยใบหน้าที่โกรธเคืองอย่างมากแน่นอน
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านอาวุโสปรากฏตัวกะทันหัน เรื่องนี้คงจัดการได้ตั้งนานแล้ว จำยืดเวลาถึงตอนนี้ได้อย่างไร !
แอบตัดสินใจว่า หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส จะต้องสั่งสอนชู่มู่แน่นอน !
หลังจากเทียนมิงจากไป ท่านอาวุโสยืนอยู่ตรงหน้าชู่มู่ กลับสร้างกำแพงร่ายวิญญาณใหม่อีกอัน
“เจ้าน่าจะชื่อชู่มู่ใช่ไหม” ท่านอาวุโสฉีกยิ้มจาง ๆ ออกมา สามารถมองเห็นความเอ็นดูจากสายตาของเขา และสีหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่า ความจริงเขาเองก็อายุมากแล้ว
“อืม” ชู่มู่พยักหน้า มองไปยังชายชราที่มีหนวดสองเส้นคนนี้ ไม่รู้ว่า ควรเรียกเขาว่าอย่างไร เพราะความจริงชู่มู่ก็รู้ว่า ตัวตนท่านแม่ของตัวเองก็น่าสงสารอย่างมาก
“ข้าเป็นพ่อบุญธรรมของท่านแม่ของเจ้า ตอนที่เจ้ายังเล็ก ข้าเคยดูแลเจ้าช่วงหนึ่ง” คนแก่ไม่คุยเรื่องสำคัญ แต่กลับพูดเรื่องพวกนี้กับชู่มู่
“นี่…ข้าจำไม่ได้แล้ว ทว่า ในเมื่อเป็นพ่อบุญธรรมของท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นท่านตาของข้า” ชู่มู่มีความรู้สึกอันดีต่อ” ท่านตา”ของตัวเองอย่างมาก
“ตอนนั้นที่เจ้าอยู่ตำหนักวิญญาณ เหมือนจะมีอายุสามสี่ปี หลังจากนั้น ท่านพ่อของเจ้าก็พาเจ้าจากไป ไปยังโลกตะวันตก ที่นั่นค่อนข้างไกล การติดต่อย่อมน้อยลง ถ้าเจ้ารู้สึกว่า จะต้องเรียกคนแปลกหน้าคนหนึ่งว่าท่านตา เรียกข้าว่าท่านอาวุโสก็ได้” ท่านอาวุโสเองก็มองความคิดของชู่มู่ออก
“ไม่ ท่านตาปกป้องข้าขนาดนี้ ข้าซาบซึ้งอย่างมาก” ชู่มู่เองก็ต้องรู้จักมารยาท
ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนั้นชู่มู่คงเกิดเรื่องอย่างมากแล้ว ชู่มู่เองก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
ท่านอาวุโสได้ยินชู่มู่เรียกตัวเองท่านตา รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้น ท่าทางคำพูดเมื่อกี้ของเขาคงพูดตามมารยาทเฉย ๆ ความจริงเขายังหวังว่า ชู่มู่จะรับท่านตาอย่างเขา