Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 634 สามหมื่นวิญญาณ รวยแล้ว!
เมืองหลัว เมืองหวั่งหลัว
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเทา เผชิญกับสายลมที่พัดเข้ามา ก้าวเข้าไปในเมืองหวั่งหลัวอย่างช้าๆ
เมืองหวั่งหลัวไม่ครึกครื้นเหมือนวันเก่าแล้ว ถนนสายหลักเหล่านั้นเงียบผิดปกติ เห็นได้ชัดว่า เป็นผลจากภัยแร้งที่กำลังมาถึง ทำให้คนที่มีเงินทุนไม่น้อยย้ายไปหลบภัยที่เมืองทางด้านเหนือแล้ว ส่วนคนที่มีเงินทุนมากกว่าได้ย้ายไปยังเขตโลกอื่น ก่อนที่ภัยแร้งหายนะครั้งนี้จะหายไปหมด พวกเขาจะไม่กลับมาแน่นอน
ชายที่สวมเสื้อคลุมหยุดเดินตอนที่ถึงกำแพงเมือง มองไปยังกำแพงเมืองที่เก่าแก่ ลังเลพักใหญ่ ถึงก้าวเดินต่อไป เข้าไปข้างในอย่างช้าๆ
“คุณปู่ท่าน ท่านดู เมืองหวั่งหลัวยังอยู่ดี ภัยแร้งยังไม่มาถึงที่นี่สักหน่อย” คนรับใช้หญิงที่อยู่ด้านข้างชายคนนี้พูดขึ้น
ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไร เดินไปตามถนนสายหลักต่อไป
เขาเดินช้ามาก เดินบ้างหยุดบ้าง เหมือนเป็นนักเดินทางที่หวนกลับมาอีกครั้ง ย้อนความทรงจำตลอดทั้งทาง
คนรับใช้หญิงอ่อนช้อยกลับตรงกันข้ามกับชายผู้นี้ พูดไม่หยุดตลอดทั้งทาง ทั้งสองคนกลายเป็นภาพที่ตรงกันข้ามแต่ตลกขบขัน
ชายชราเดินตรงต่อไป สุดท้ายเดินไปถึงเรือนเก่าของตระกูลชู่ ยืนนิ่งอยู่ในเรือนนี้นานมาก ไม่กล้าก้าวเข้าไป
“คุณปู่ท่าน คุณปู่ท่าน ท่านเดินผิดหรือเปล่า?”คนรับใช้หญิงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ไม่ผิด”ชายคนนี้ส่ายหัว เขาเงยหน้าขึ้น จับจ้องไปยังป้ายที่อยู่ด้านหน้าประตูใหญ่
“เรือนฉิงงั้นหรือ” ชายผู้นี้ขมวดคิ้วทันที
“ใช่ ที่นี่เป็นเรือนฉิง ไม่ใช่เรือนชู่เหรอ” คนรับใช้หญิงพูดขึ้น
ตอนที่พูด คนรับใช้หญิงกะพริบตา มองไปยังสีหน้าซับซ้อนของชายผู้นี้ จึงวิ่งเข้าไปในเรือนฉิง
แม้คนรับใช้หญิงจะเป็นคนรับใช้ แต่การแต่งตัวกลับไม่ด้อยไปกว่าคุณหนูในตระกูลอื่น คนตระกูลฉิงก็สุภาพมาก
ในไม่ช้า คนรับใช้หญิงคนนั้นได้ถามบางอย่างแล้วออกจากตระกูลฉิง วิ่งกลับมา
“คุณปู่ท่าน คนของตระกูลฉิงบอกว่า ตระกูลชู่ย้ายออกไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าย้ายไปที่ใด” คนรับใช้หญิงพูดขึ้น
“คุณปู่ท่าน ท่านนี่จริงๆ เลย พวกเขาขับไล่ท่านเอง ให้ท่านออกจากตระกูล ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในความลำบาก ท่านอยู่เฉยๆ คอยมองอย่างเดียวก็ได้ ทำไมต้องมาหาด้วยตัวเอง ตระกูลแบบนี้ให้ภัยแร้งกลืนกินไปก็ดีแล้ว” คนรับใช้หญิงก็พูดไม่หยุด
ชายคนนี้มองไปยังคนรับใช้หญิงอย่างเยือกเย็น คนรับใช้หญิงรู้ว่าตัวเองพูดมาไปแล้ว รีบหยุดพูด แลบลิ้นเล็กน้อย
“ไปประตูเมืองหลัวก่อนเถอะ” ชายคนนี้ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนรับใช้หญิง
ตอนที่พูด ชายคนนี้ได้ร่ายคาถาขึ้น เริ่มอัญเชิญดวงวิญญาณ
คาถาสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว ดวงวิญญาณหมวดปีกที่มีขนสีขาวราวกับเมฆ ปักษาเหินเมฆ
ปักษาเหินเมฆ ตระกูลภูตอสูร หมวดปีก กลุ่มปักษาเหินเมฆ ระดับจักรพรรดิ
ขนาดของดวงวิญญาณเหมือนปักษาเมฆที่มีขนนกสีขาว บนปีกที่กางออกนั้นมีลายเส้นสีฟ้าอ่อนที่พลิ้วไหวตามสายลมราวกับเมฆ ขนนกสีขาวยาวบริเวณหางนั้นพลิ้วไหวเล็กน้อย เผยให้เห็นแสงสีฟ้าอ่อนๆ ราวกับเติมเต็มความโดดเด่นออกมาเล็กน้อย
ดวงวิญญาณแบบนี้มองแค่ภายนอกก็รู้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแล้ว อีกทั้งระดับพลังต่อสู้ไม่เบาแน่นอน
ชายคนนี้กับหญิงรับใช้กระโดดขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว ปีกของปีกษาเหินเมฆกางออก เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เหินขึ้นฟ้าอย่างง่ายดาย
ท่าทีนี้ทำให้ผู้คนล้อมเข้ามาดูทันที ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายของเรือนฉิงต่างตกใจอย่างมาก เพราะผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเขากลับไม่รู้ระดับของดวงวิญญาณหมวดปีกตัวนี้ มีเพียงเงาที่บินด้วยความเร็วอย่างแผ่วเบานั้น เมื่อเทียบกับดวงวิญญาณหมวดปีกของพวกเขาเองแล้ว อยู่คนละชั้นอย่างสิ้นเชิง
…
ภูเขาทรงพลัง
ผู้เฒ่าหลีเก็บวิญญาณสิบห้าอันอย่างคล่องแคล่ว เดิมการขุดวิญญาณต้องใช้เทคนิค ถ้าพลาดเล็กน้อย จะทำให้วิญญาณเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม วิญญาณที่เล็กแบบนั้น มีรอยเส้นเดียวก็จะทำให้มันเสียหายแล้ว
หลังจากเก็บวิญญาณไปแล้ว ผู้เฒ่าหลีเต็มไปด้วยรอยยิ้มภูมิใจ พึมพำว่า “จะร้อยปีแล้ว หนึ่งร้อยปีที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้ ไม่ชินมือเสียเลย”
ในมือถือวิญญาณที่ใหญ่ที่สุดนั้น ผู้เฒ่าหลีลูบหนวดเส้นเดียวของตัวเอง นำวิญญาณเม็ดใหญ่สุดนั้นมาไว้ตรงหน้าตัวเอง เหมือนพ่อค้าเพชรที่คอยตรวจสอบ เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งคราว
“อืม ยังดีที่ไม่เสียหาย มิฉะนั้น จะเสียไปอีกหลายร้อยวิญญาณ ทั้งหมดเจ็ดพันแปดร้อยวิญญาณนี้ เยอะกว่าที่ข้าคาดไว้อีก” ผู้เฒ่าหลีพูดต่อ
ตอนที่พูด ผู้เฒ่าหลีกลับพบว่า ไม่เห็นชู่มู่กับจิ้งจอกน้อยแล้ว จึงเก็บวิญญาณเอาไว้ เดินด้วยขาสั้น อ้อมไปยังบริเวณที่ชู่มู่พูดเมื่อกี้
“เอ๊ะ ตรงนี้ยังมีหลุมอยู่….โอ้ว กลิ่นวิญญาณที่หนาแน่นมาก!!!” ผู้เฒ่าหลีร้องขึ้น
หลังจากอึ้งเล็กน้อย ผู้เฒ่าหลีรีบเดินต่อ วิ่งเข้าไปในหลุมนั้นด้วยความเร็วสูง
“โอ้โห!!!”
ในถ้ำแห่งนี้ เสียงตื่นเต้นของผู้เฒ่าหลีดังก้องไปทั่ว เห็นได้ชัดว่าตกใจกับลักษณะภายในของถ้ำนี้อย่างมาก!
“รวยแล้ว!!รวยแล้ว!!!รวยแล้ว!!”ผู้เฒ่าหลีเหมือนพ่อค้าเจ้าเล่ห์แคระคนหนึ่ง หลังจากเห็นวิญญาณสิบกว่าอันบนกำแพงถ้ำนี้แล้ว กลับใช้วิธีลึกลับเฉพาะตัว ขึ้นลงไปมารอบๆ วิญญาณเหล่านี้ เรียกได้ว่าเหินฟ้าลงดินได้!
ชู่มู่เองก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่รู้การประเมินราคาของวิญญาณเหล่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่า วิญญาณในถ้ำนี้เยอะกว่าผนังหินด้านนอกอีก
“ข้าบอกแล้ว แม้แต่ชนเผ่าขั้นสามยังบุกเข้าไปในโลกของมนุษย์ได้ แหล่งวิญญาณนี้จะมีแค่เจ็ดพันแปดร้อยวิญญาณได้อย่างไร…” ขณะที่ผู้เฒ่าหลีประเมินวิญญาณ พึมพำไปด้วย
เรื่องเก็บวิญญาณ ผู้เฒ่าหลีเชี่ยวชาญอย่างมาก ชู่มู่แค่นั่งอยู่ตรงนั้น สูดอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งชีวิตเหล่านั้นก็พอ
แน่นอนว่า ก่อนที่ผู้เฒ่าหลีมาถึงชู่มู่เองได้นับไว้แล้วว่ามีกี่ก้อน ถ้าไม่นับให้ดีละก็ เจ้าแก่นี้จะซุกเอาไว้เองด้วยแน่นอน ชู่มู่เข้าใจความโลภของมันดีเกินไปแล้ว
“ผู้เฒ่าหลี ที่นี่มีประมาณเท่าไร” ชู่มู่ถามขึ้น
“ยังไม่ได้นับ…นายท่านเจอที่นี่ได้อย่างไร เห้อ คนแก่อย่างข้าไม่ได้ใช้ทักษะนานเกินไปแล้ว เกือบปล่อยให้แหล่งวิญญาณมหาศาลนี้หลุดไปได้…”ผู้เฒ่าหลีบอก
“ทักษะ เจ้ามีทักษะอะไร” ชู่มู่ถามอย่างสงสัย
ชู่มู่จำได้ว่าพลังโจมตีของผู้เฒ่าหลีแทบจะเป็นศูนย์ แต่ความสามารถในการวิ่งหนีกลับไม่มีจำกัด ดวงวิญญาณระดับราชันจะจับมันได้หรือไม่ยังไม่รู้ ส่วนทักษะของผู้เฒ่าหลี ชู่มู่รู้สึกว่าน่าจะเป็นทักษะวิ่งหนี
“อ๊า ไม่มีอะไร นายท่าน วิญญาณที่นี่มีประมาณสองหมื่นกว่า บวกกับจำนวนที่อยู่ด้านนอก น่าจะมีถึงสามหมื่นวิญญาณ แต่นี่เป็นระดับเทียบเท่าราชันที่มีหมวดเดี่ยวสามตัวเชียว ครั้งนี้นายท่านรวยแล้วจริงๆ!” ผู้เฒ่าหลีบอก
“สามหมื่นวิญญาณ!!!” ชู่มู่เผนสีหน้าดีใจออกมา!
ใช้สองหมื่นวิญญาณที่ได้มาเพิ่มความแข็งแกร่งให้มารนิรยขาว ชู่มู่ก็รู้สึกพอใจอย่างมากแล้ว!
และแล้วไม่คิดว่า แหล่งวิญญาณนี้ยังให้เกินมาหนึ่งหมื่นวิญญาณ นี่จะเป็นเทียบเท่าราชันอีกตัวหนึ่งเชียว!
ชู่มู่ในตอนนี้ปวดหัวกับวิญญาณที่ขาดแคลนอย่างมาก ดวงวิญญาณรองของชู่มู่ยังไม่เท่าไร หมวดปกติอย่างมาก แต่พวกดวงวิญญาณหลัก แทบจะไร้ที่ติ!
พูดถึงจั้นเย้ก่อน
หมวดของจั้นเย้คือแมลงกับอสูร หมวดหลักน่าจะเป็นแมลง อีกหมวดหลักหนึ่งเป็นอสูร แต่เห็นได้ชัดว่า หมวดอสูรจะอ่อนกว่า หมวดรองไม่นับ นี่เป็นหมวดหลักที่ชู่มู่ใช้เงินทุนมหาศาลเพิ่มความแข็งแกร่ง
หมวดของจั้นเย้เพี้ยนไปหมดแล้ว หมวดแมลงไม่เพียงแต่เป็นหมวดหลัก อีกทั้งยังเป็นหมวดผิดปกติด้วย เมื่อเทียบกับดวงวิญญาณหมวดแมลงที่แท้จริงมากมายแล้ว มันยังผิดปกติกว่ามาก
เดิมหมวดหลักอสูรนี้กลับกลายเป็นหมวดรอง อีกทั้งยังอ่อนกว่าหมวดรองอีก
ชู่มู่เองก็เพิ่งเริ่มทำการปรับการฝึกจั้นเย้ตอนลักษณะสาม ถึงจะปรับหมวดอสูรของจั้นเย้กลับมาได้ บางทีใช้แค่ไม่กี่พันวิญญาณก็ทำให้จั้นเย้กลายเป็นราชันหมวดเดี่ยวได้แล้ว
อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของบางหมวดยิ่งมากเท่าไร โอกาสที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งก็จะมากขึ้นด้วย อีกทั้งต่อสู้นานแล้ว ยังอาจเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยตัวเองได้
เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยตัวเองต้องใช้เวลาอย่างมากแน่นอน ชู่มู่เองไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ ดังนั้น จะต้องให้จั้นเย้เพิ่มความแข็งแกร่งถึงระดับราชันทั้งหมวดหลักคู่ให้ได้ เงินทุนที่ต้องใช้จะสูงกว่าตอนนี้ถึงสี่เท่า คือสี่หมื่นวิญญาณ
เพิ่มความแข็งแกร่งหมวดแมลงของจั้นเย้ให้อยู่ในระดับราชัน ไม่กี่พันวิญญาณก็พอแล้ว แต่ในด้านหมวดอสูร กลับต้องใช้สามหมื่นกว่าวิญญาณ นี่เป็นจำนวนเงินที่ห่างกันอย่างมาก
ความจริงแล้ว พรสวรรค์คือตัวกำหนดความสูงต่ำของเงินทุน เช่นเดียวกับที่เพิ่มความแข็งแกร่งหมวดแมลงของจั้นเย้ใช้แค่ไม่กี่วิญญาณ เพราะพรสวรรค์หมวดแมลงของจั้นเย้ผิดปกติอย่างมาก
ผู้คุมดวงวิญญาณหลายคน ดวงวิญญาณที่พวกเขาเก็บมาในรุ่นแรก โดยหลักจะขึ้นอยู่กับระดับตระกูล
แต่ในตอนที่เริ่มเข้าสู่รุ่นที่สอง ไม่เพียงแต่ต้องดูที่ระดับตระกูล ยังต้องดูพรสวรรค์หมวดของดวงวิญญาณนั้นด้วย ถ้าพรสวรรค์หมวดต่ำเกินไป จะต้องใช้เงินทุนเพิ่มความแข็งแกร่งไม่น้อย
ทว่า โดยปกติแล้ว หมวดของดวงวิญญาณส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับปกติ ต่อให้มีหมวดที่สูงบ้างต่ำบ้าง เงินที่ใช้จะอยู่ระหว่างศูนย์จุดแปดถึงสองเท่า โอกาสที่จะเกินหรือน้อยกว่านี้ น้อยยิ่งกว่าน้อย…
ไม่พูดถึงปัญหาเรื่องพรสวรรค์ก่อน พูดถึงปัญหาของมังกรจำศีลน้อย
เงินทุนหกเท่าของมังกรจำศีลน้อยก็ทำให้ชู่มู่ปวดหัวมากๆ แล้ว ต่อมาคือ เงินทุนหนึ่งเท่าของภูตเวหาน้ำแข็ง เงินทุนสองเท่าของราชันผีหินผา เงินทุนสองเท่าของอสูรสายฟ้านิมิตราตรี จะให้ทั้งหมดอยู่ในระดับราชัน จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลอย่างมาก
ยังดีที่มั่วเย้น้อยสู้มากที่สุด ได้แปรเปลี่ยนตระกูลเป็นราชันขั้นต่ำ
แม้ผู้เฒ่าหลีจะจัดให้มั่วเย้อยู่ในหมวดรองไฟ แต่ว่าชู่มู่รู้ดีว่า ความจริงแล้ว มั่วเย้น่าจะต้องจัดอยู่ในดวงวิญญาณที่มีหมวดหลักสามอันถึงจะเหมาะกับราชันอัคคีสลายจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด
ดวงวิญญาณหมวดเดี่ยว ใช้เงินทุนเพิ่มความแข็งแกร่งหนึ่งเท่า
ดวงวิญญาณที่มีพรสวรรค์หมวดหลักหนึ่งรองหนึ่ง โดยปกติต้องใช้เงินทุนเพิ่มความแข็งแกร่งหนึ่งจุดห้าถึงสองเท่า และจะให้รองของมันกลายเป็นหลักด้วย ต้องใช้เงินทุนห้าเท่า อีกทั้งเริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งจากลักษณะขั้นต่ำด้วย
พรสวรรค์หมวดหลักคู่ ถ้าอย่างนั้นต้องใช้เงินทุนเพิ่มความแข็งแกร่งสามเท่า ดวงวิญญาณแบบนี้ ชู่มู่เคยเห็นแค่ภูตอัคคีน้ำแข็งของเย้ชิงจือเท่านั้น
เดิมสายเลือดของราชันอัคคีสลายจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดซับซ้อนอยู่แล้ว แต่มั่นใจได้ว่า หมวดยิ่งมาก ยิ่งใช้เงินมาก ถ้ามีหมวดหลักสาม แล้วหากชู่มู่พลาดเข้าไปละก็ จะถึงระดับที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้มั่วเย้ต้องใช้เงินทุนถึงสิบเท่า
ดังนั้น ดวงวิญญาณที่ผลาญเงินมากมายขนาดนี้ มีหนึ่งหมื่นวิญญาณที่เกินมาแบบนี้ สำหรับชู่มู่แล้วยังคงเป็นจำนวนที่เท่าน้ำหยดหนึ่งอยู่ดี แต่กลับเพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้ราชันตัวหนึ่ง ทำให้ชู่มู่มีต้นทุนหาเงินมากขึ้น!!!
———————————————————————–