Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 636 ก้าวข้ามเมืองโลก ความตื่นเต้นของชู่เทียนเหิง
- Home
- Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์
- ตอนที่ 636 ก้าวข้ามเมืองโลก ความตื่นเต้นของชู่เทียนเหิง
หลังจากเข้าไปในหุบเขาแล้ว ประชาชนสามหมื่นกว่าคนของเมืองเจ็ดสีได้สร้างที่พักอาศัยชั่วคราวในเขตเมืองเก่าแห่งนี้แล้ว รวมตัวอยู่ในลานกว้างของเมืองเก่านี้
บริเวณตรงกลาง คือตำแหน่งตั้งเต็นท์สีเหลืองของสมาชิกตระกูลชู่ ชู่หลั่งพาชู่มู่มุ่งหน้าไป คนไม่น้อยต่างมองไปยังชู่มู่ด้วยความอยากรู้
ความจริงคนของเมืองเจ็ดสีไม่รู้ว่า คนที่ช่วยชีวิตพวกเขาทั้งหมดคือวัยหนุ่มที่เดินผ่านด้านหน้าพวกเขาคนนี้ ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับราชันอัคคีเก้าหางนั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่สามหมื่นกว่าคนรู้ในชั่วค่ำคืน พวกเขารู้ว่า มีผู้คุมดวงวิญญาณแข็งแกร่งคนหนึ่งพาราชันอัคคีเก้าหางปกป้องพวกเขาจากหายนะของชนเผ่ากลุ่มเสือดาว
“น่าแปลก ทำไมเหมือนวุ่นวายไปหมด” ตอนที่ชู่หลั่งเดินไปในเต็นท์ของสมาชิกตระกูลชู่ ทันใดนั้น พบว่าคนในนั้นเกิดความชุลมุนไม่น้อย
ชู่มู่กับชู่หลั่งเองได้เร่งฝีเท้า เดินไปทางนั้น
“ชู่มู่!!!”
“ชู่มู่ ขอบคุณพระเจ้า เจ้าไม่เป็นอะไร!!!”
ชู่มู่เดินเข้ามา คนมากมายจำเขาได้ทันที ต่างล้อมเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
“พวกเราคิดว่า เจ้าไปพร้อมกับกลุ่มเสือดาวเหล่านั้นแล้ว เกือบคิดจะตั้งป้ายหลุมให้เจ้าแล้ว” ชู่อิงเช็ดตาเล็กๆมองดูแล้วคงดีใจจนน้ำตาไหล
ส่วนน้องสาวคนเล็กชู่อีซุ่ยเต็มไปด้วยน้ำตา ดึงแขนของชู่มู่แล้วพูดไม่หยุด
เดิมเหล่าชายวัยกลางคนที่ต่อสู้ไปพร้อมกับชู่มู่ยังพักผ่อนอยู่ รู้ว่าชู่มู่กลับมาแล้ว ต่างลุกขึ้น ฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าที่เหนื่อยล้า แม้แต่รอยยิ้มของจางอิงยังดูจริงใจอย่างมาก!
“ชู่มู่คือวีรบุรุษของพวกเราทุกคน!!!” ชู่เทียนหลิงเองพูดขึ้นอย่างไม่รักษาหน้าของผู้ใหญ่
“ถูก ชู่มู่คือมหาวีรบุรุษของตระกูลเรา เป็นมหาวีรบุรุษของเมืองเจ็ดสี!” ชู่เทียนฉีพูดตอบทันที
ในเวลานี้สมาชิกทั้งหมดของตระกูลต่างแต่งตั้งให้ชู่มู่เป็นวีรบุรุษ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหล่าชาวบ้านของเมืองเจ็ดสีล้อมเข้ามาด้วย ต่างมุงดูว่าวีรบุรุษที่ตระกูลชู่พูดถึงคือใครกันแน่ หรือว่าจะเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่เป็นเทพคุ้มครองคนนั้นของเมืองเจ็ดสี!
สถานการณ์ทั้งหมดดุเดือดขึ้นทันที นี่ทำให้ใบหน้าของชู่มู่แดงขึ้น
ชู่มู่เองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนที่ได้เกียรติขั้นหนึ่ง เขาต้องเผชิญกับผู้คนที่มากกว่าประชาชนเมืองเจ็ดสีนี้หลายเท่า
ที่ต่างกันคือ ที่นี่มีความรู้สึกที่มีต่อตระกูลของตัวเอง มองดูใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ภูมิใจกับตัวเอง ความรู้สึกย่อมแตกต่างกัน
ชู่มู่เป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ โดยหลักแล้ว กลับมาตระกูลครั้งนี้ก็เพื่อแหล่งวิญญาณ แน่นอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ชู่มู่ไม่อธิบายจะดีกว่า ในตระกูลของตัวเอง ชู่มู่รู้สึกว่ายังคงรักษารูปลักษณ์สง่าแบบนี้ไว้จะดีกว่า
“การต่อสู้ต่อเนื่อง วีรบุรุษของพวกเราคงเหนื่อยแล้ว ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ ให้ชู่มู่ได้พักผ่อน” สุดท้าย ชู่เทียนเหิงหยุดความคึกครื้นของผู้คนทั้งหมดเอาไว้
“ก็จริง”
“ใช่ ให้วีรบุรุษของพวกเราพักผ่อนก่อน วีรบุรุษล้มลงไม่ได้”
“ถ้าผ่านภัยแร้งครั้งนี้ไปได้ กลับไปในเมืองเจ็ดสีเมื่อไร จะสร้างอนุสรณ์ให้วีรบุรุษคนนี้แน่นอน”
ท่ามกลางเสียพูดคุยของผู้คนมากมาย ชู่มู่ได้ยินระโยคสุดท้าย แอบรู้สึกแปลกใจ ไม่กลับมาจะตั้งป้ายให้ ทำไมกลับมาแล้วยังต้องมีป้ายอนุสรณ์ด้วย…
หลังจากที่ผู้คนกระจายตัวไป ชู่มู่ได้เข้าไปในเต็นท์ใหญ่พร้อมกับสมาชิกสำคัญของตระกูลชู่
เต็นท์ใหญ่นั้นค่อนข้างใหญ่ บรรจุคนได้หลายคน การประชุมของตระกูลชู่ก็อยู่ที่นี่
ชู่มู่ยังมีเรื่องต้องเจรจากับชู่เทียนเหิง จึงเข้าไปในเต็นท์คุยกับชู่เทียนเหิงลำพัง ให้คนอื่นเข้าไปรอในเต็นท์ใหญ่สุด
“ใช่แล้ว เมื่อกี้ชุลมุนอยู่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ชู่มู่นึกเรื่องเมื่อกี้ขึ้นมาได้ จึงถามชู่เทียนเหิง
“อ้อ พวกคนของประตูเมืองหลัวกับองค์กรการค้า” ชู่เทียนเหิงบอก
“พวกเขางั้นหรือ” ชู่มู่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
สีหน้าของชู่เทียนเหิงเคร่งเครียดขึ้น พูดกับชู่มู่เสียงเบาว่า “พวกเขาหนีมาที่นี่เมื่อกี้ เพื่อไม่ให้พวกเขากระจายข่าวแล้วสร้างความวุ่นวาย ข้าได้ให้พวกเขาเข้ามาพักในเต็นท์ ให้คนรักษาพวกเขา ข่าวจึงไม่กระจายออกไป”
“พวกเขาไม่ได้ออกไปเหรอ…ถ้าอย่างนั้น…” ชู่มู่ถอนหายใจเบา ๆ
ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ออกไป เท่ากับว่าอำนาจของบ่อน้ำตะวันตกกว้างขวางมาก ไม่ได้มีแค่เมืองเจ็ดสีที่ตกอยู่ในหายนะครั้งนี้แน่นอน
“คนของประตูเมืองหลัวตายไปหกคน หนีมาที่นี่สี่คน คนขององค์กรการค้ายังมีชีวิตอยู่ แต่นอกจากซุนซือหลงแล้ว วิญญาณของคนอื่นได้รับบาดเจ็บหมด พวกเขาทะลายออกไปในทิศทางที่ต่างกัน หนีไปถึงเมืองตะวันตก แต่เมืองตะวันตกถูกยึดครองหมดโดยกลุ่มขั้นสิบอันหนึ่ง พวกเขาไม่มีความสามารถทะลายได้อีก รวมตัวกันบริเวณเมืองย่อยที่ใกล้กับเมืองตะวันตก แล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองเจ็ดสีพร้อมกัน ซุนซือหลงยังจำแผนการที่เจ้าบอกกับเขาได้ ดังนั้นจึงตามหาหุบเขามังกรนี้จนเจอได้”ชู่เทียนเหิงบอก
คำพูดของชู่เทียนเหิงนี้กำลังบรรยายสถานการณ์ทะลายของประตูเมืองหลัวและองค์กรการค้า แต่ในคำพูดเหล่านี้กลับมีความจริงที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่ง ทางใต้ของโลกตะวันตกถูกครอบครองเอาไว้หมดแล้วจริงๆ!!!
“ชู่มู่ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเจ้าให้พวกเราหนีมาที่นี่ พวกเราอาจเป็นเหมือนเขตเมืองอื่น ถูกบ่อน้ำตะวันตกฆ่าล้างไปแล้ว”จนถึงตอนนี้ชู่เทียนเหิงยังคงหวาดหวั่นอยู่
“ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ดีเท่าไร บ่อน้ำตะวันตกมาถึงที่นี่ได้ทุกเมื่อ อาศัยตอนที่พวกเขายังมาไม่ถึง พากลุ่มที่มีความสามารถแข็งแกร่งหน่อย ให้พวกเขาเข้าไปจับดวงวิญญาณตัวอ่อนของกลุ่มเสือดาวในภูเขาทรงพลังนี้เอาไว้ให้หมด”ชู่มู่พูดกับชู่เทียนเหิง
พอชู่มู่พูดแบบนี้ ตาของชู่เทียนเหิงเป็นประกายทันที
กลุ่มเสือดาวเป็นชนเผ่าขั้นหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นจะมีดวงวิญญาณตัวอ่อนเยอะมาก และเป็นเพราะการสลายของชนเผ่า จับดวงวิญญาณตัวอ่อนพวกนี้ง่ายมาก
จำนวนของดวงวิญญาณตัวอ่อนทั้งชนเผ่า นี่เป็นจำนวนมหาศาลอย่างมาก ถ้าจับพวกมันทั้งหมดได้ละก็ นำมาเป็นรางวัลของตระกูลชู่ ความสามารถของตระกูลชู่จะเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้นแน่นอน!
ที่สำคัญที่สุดคือ ปราศจากชนเผ่ากลุ่มเสือดาวแล้ว ทั้งภูเขาทรงพลังนี้จะเป็นพื้นที่ของเมืองเจ็ดสีหมดแล้ว แม้ทางใต้จะค่อนข้างยากจน แต่ภูเขาทั้งหมดเทียบเท่ากับเขตโลกหนึ่งของมนุษย์ ทรัพยากรในนั้นจะต้องสร้างตระกูลที่อยู่ในระดับเขตโลกได้แน่นอน!
“ท่านอา ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า…” ชู่มู่พูดอย่างจริงจัง
“อืม เจ้าพูดมาเลย” ชู่เทียนเหิงเองก็จริงจังมากขึ้น
ในตอนนี้ ชู่มู่จึงเล่าเรื่องที่ตัวเองคิดจะช่วยเหลือตระกูลชู่ ให้พวกเขาครองแหล่งทรัพยากรมหาศาลนี้ให้ชู่เทียนเหิงรู้
ในตอนแรก ชู่มู่พูดถึงเรื่องที่จะให้ตระกูลชู่ดูแลเรื่องแหล่งวิญญาณ อีกทั้งเรื่องช่วยเหลือการพัฒนาการของเมืองเจ็ดสีจากการกำจัดกลุ่มเสือดาว ชู่เทียนเหิงยังยากที่จะเชื่อ อย่างไรก็ตาม ชนเผ่ากลุ่มเสือดาวต้องให้กองทัพของโลกตะวันตกลงมือถึงจะกำจัดให้หมดรังไปได้
แต่ในตอนนี้ ความคิดที่เพ้อเจ้อนี้ของชู่เทียนเหิงกลับเป็นจริงในเวลาไม่กี่วัน ชู่เทียนเหิงเชื่ออนาคตที่ชู่มู่พูดถึงนั้นว่าจะเป็นความจริงแน่นอน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้อย่างมาก!!!
เพราะทันทีที่ภูเขาทรงพลังถูกขุดออก ถ้าอย่างนั้นเมืองเจ็ดสีจะต้องกลายเป็นเมืองขั้นสิบในไม่ช้า กลายเป็นเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดในทางใต้ของโลกตะวันตก อีกทั้งอยู่ในระดับที่ก้าวข้ามเมืองโลกแน่นอน!!!
คำอธิษฐานของชู่เทียนเหิง ก็คือการเป็นเจ้าเมืองของเมืองที่เกินกว่าขั้นสิบ!!!
หลังจากได้ฟังคำบรรยายของชู่มู่แล้ว บอกว่าเมืองเจ็ดสีอาจข้ามผ่านการมีอยู่ของเมืองโลกได้ เลือดของชู่เทียนเหิงดุเดือดขึ้นมาทันที หัวใจเต้นไม่หยุด!!!
ตอนยังหนุ่ม ชู่เทียนเหิงพยายามเพื่อสิ่งนี้ไม่หยุด
และแล้ว ความสามารถของชู่เทียนเหิงมีอย่างจำกัดมาก ไม่ว่าเขาจะต่อสู้อย่างไร ก็ไม่สามารถออกจากเมืองขั้นแปดได้
จนกระทั่งหลังจากที่ตระกูลชู่ย้ายมาในเมืองตะวันตก ชู่เทียนเหิงถึงได้เจอกับโอกาสที่แท้จริง
ดังนั้น ชู่เทียนเหิงได้ปักใจเชื่อในเมืองเจ็ดสีที่ยากจะเข้าใจ ชู่เทียนเหิงหวังว่าในไม่กี่ปีนี้ จะพัฒนาเมืองนี้ให้อยู่ในขั้นสิบได้ อย่างไรเสีย เมืองเจ็ดสีเต็มไปด้วยความสามารถอย่างมาก
การเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาชีวิต อยู่ในวัยกลางคน แต่เห็นได้ชัดว่า ความเลือดร้อนของชู่เทียนเหิงนั้นยังไม่เปลี่ยนไป และเป็นเพราะความแน่วแน่นี้เอง ทำให้เขาพุ่งออกไปอย่างเลือดร้อน เมื่อตอนที่ชู่มู่เผชิญกับกลุ่มเสือดาวที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเมืองเจ็ดสีลำพัง
“ท่านอา เจ้าเป็นอะไรเหรอ” ชู่มู่มองไปยังชู่เทียนเหิง พบเห็นชู่เทียนเหิงที่มีใบหน้าซับซ้อนอย่างมาก ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ในที่สุด วันที่รอคอยก็ได้มาถึงแล้ว วันนี้ที่รอคอย!!! เมืองเจ็ดสีไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!!! เมืองเจ็ดสีไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ฮะฮะ!!!” ชู่เทียนเหิงหัวเราะออกมากะทันหัน
ชู่มู่อึ้งเล็กน้อย ยากที่จะเห็นท่านอาที่เคร่งครึมท่านนี้หัวเราะแบบนี้ออกมาได้
“ชู่มู่ เจ้ารู้ไหม” ชู่เทียนเหิงตบไหล่ของชู่มู่เบาๆ พูดอย่างตื้นตันใจว่า “ตอนที่ท่านอาข้ามีอายุเท่าเจ้า ได้สาบานไว้ว่า จะเป็นเจ้าเมืองของเมืองที่เหนือกว่าขั้นสิบให้ได้ ข้าจัดการกิจการของตระกูลให้ดีมาตลอด ขยายให้ใหญ่ขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงมากเหลือเกิน ตามที่อายุของข้าเพิ่มขึ้น ความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้ค่อยๆ กำจัดความคิดนี้ของข้าไป”
“ข้าเองก็ไม่คิดว่า หลังจากหลายปี ยังมีโอกาสอีก ยังมีโอกาสจะได้เป็นเจ้าเมืองของเมืองโลกอีก อีกทั้งโอกาสพวกนี้มาจากเจ้า คิดไม่ถึงจริงๆ คิดไม่ถึงเลย ชู่มู่ สิ่งที่เจ้าทำ ทำให้ท่านอาข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องพูดอะไร…ข้า…ข้า…”
ตอนที่ชู่เทียนเหิงพูด น้ำตาได้เอ่อล้นออกมา ตื้นตันใจจนพูดไม่ออกแล้ว!!!
คำสะอื้นของชายแก่คนหนึ่ง ในนี้เต็มไปด้วยความตื้นต้นใจหลังจากที่เขาผ่านความเจ็บปวดมานับสิบปีและอารมณ์ที่ยากจะควบคุมในตอนนี้!!!
ผู้คุมดวงวิญญาณแต่ละคนมีความฝันและความคิดของตัวเอง โดยเฉพาะในตอนที่ยังหนุ่มและเต็มไปด้วยความเลือดร้อน
แต่ด้วยสาเหตุต่างๆ ทำให้ผู้คุมดวงวิญญาณวัยหนุ่มนับไม่ถ้วนถูกความจริงตัดช่องทางไป สุดท้ายจึงชราลงอย่างสงบ ต่างจากชีวิตที่เคยวาดฝันไว้อย่างสิ้นเชิง
ชู่เทียนเหิงโชคดี อย่างน้อยหลังจากที่เขาเข้าสู่วัยกลางคน ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง
บางครั้งต่อให้ชู่มู่ไม่ปรากฏตัว เขาก็เป็นเจ้าเมืองที่โดดเด่นได้ อย่างน้อยก็เป็นถึงเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง
แต่การปรากฏตัวของชู่มู่ ได้มอบเวทีที่ใหญ่ขึ้นให้กับชู่เทียนเหิง ทำให้ชู่เทียนเหิงพัฒนาได้อย่างเต็มที่!
ความฝันที่ไม่เคยได้เป็นจริงในอดีตเกิดความหวังขึ้นในวัยกลางคน อีกทั้งยังยิ่งใหญ่กว่าที่จินตนาการเอาไว้ ต่อให้เป็นวัยกลางคน คาดว่าจะต้องดุเดือดอย่างเคย และจะต้องพร้อมสู้อีกครั้งแน่นอน!