Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 637 โลกตะวันตกรับมือกับบ่อน้ำตะวันตก
ประตูเมืองหลัว
“เมืองหลัว ตระกูลชู่เมืองหวั่งหลัว ไม่เคยได้ยินมาก่อน” เจ้าโลกหลัวเฮส่ายหัวเบาๆ พูดขึ้น
“ท่านชิวมาเพื่อเรื่องนี้ ทำไมถึงสนใจตระกูลเล็กไร้ชื่อเสียงเบบนี้ รีบช่วยพวกเราจัดการปัญหาเรื่องภัยแร้งด้วยกันเถอะ ภัยแร้งครั้งนี้ มาจากบ่อน้ำตะวันตก เป็นชนเผ่าขั้นสามอย่างแท้จริง มีเพียงพวกเราสองคน ความสามารถมีจำกัดจริงๆ ยังหวังว่าท่านชิวจะลงมือเข้าช่วยเหลือ” ซุนฉีหมิงขององค์กรการค้าพูดขึ้น
ในตอนนี้ ห้องโถงที่หรูหรากว้างใหญ่มีเพียงคนสามคน บนที่นั่งประธานคือ เจ้าโลกตะวันตก หลัวเฮ ที่นั่งอยู่ด้านข้างคือซุยฉีหมิง ราชันวิญญาณขององค์กรการค้า อีกทั้งยังมีชายวัยกลางคนลึกลับที่เคยเข้าไปสืบเรื่องของตระกูลชู่ในเมืองหวั่งหลัวคนนั้น
“ตามหาข่าวเกี่ยวกับตระกูลนี้ให้ข้าก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ชายวัยกลางคนพูดนิ่งๆ
สำหรับเรื่องภัยแร้ง ชายคนนี้เหมือนจะไม่ใส่ใจเท่าไร เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้มาจากอำนาจบางแห่งที่ส่งมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องภัยแร้ง
หลัวเฮกับซุนฉีหมิงต่างเป็นราชันวิญญาณ แต่จากท่าทีที่พวกเขาต้อนรับชายนามสกุลชิวคนนี้แล้ว ตำแหน่งของชายผู้นี้สูงกว่าพวกเขาอีก
แน่นอนว่า หลัวเฮกับซุนฉีหมิงกำลังครุ่นคิด พวกเขาอยากจะใช้ความสามารถอันแข็งแกร่งของชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จัดการบ่อน้ำตะวันตก อย่างไรถ้าไม่กวาดล้างบ่อน้ำตะวันตก พวกเขาจะได้แหล่งวิญญาณได้อย่างไร
“เมืองหวั่งหลัว ตระกูลชู่…อืม ข้าให้คนไปสืบเดี๋ยวนี้ วางใจได้ จะได้ข่าวในไม่ช้าแน่นอน” หลัวเฮเห็นท่านชิวคนนี้แน่วแน่อย่างมาก จึงตอบรับทันที
แม้เจ้าโลกหลัวเฮจะส่งคนไปรับมือกับเมืองเจ็ดสี แต่เขาจะไปสนใจว่า ใครคุมเมืองเจ็ดสีอยู่ได้อย่างไร ดังนั้น เขาจึงไม่นึกถึงตระกูลชู่ที่อยู่เมืองเจ็ดสี
ทว่า เป็นถึงเจ้าแห่งโลกหนึ่ง จะหาตระกูลในเมืองขั้นแปดไม่นับว่ายากมากเท่าไร นอกจากพวกเขาจะปิดบังชื่อและนามสกุลเอาไว้หมด
ในไม่ช้า เจ้าโลกได้ให้คนไปตามหาข้อมูลในเขตเมืองต่างๆ สุดท้ายเล็งไปยังตระกูลชู่ที่ตั้งใหม่ในเมืองเจ็ดสีของเมืองตะวันตก
ขณะเดียวกัน หลังจากข่าวนี้กระจายออกไป หลัวเฮได้เรียกลูกศิษย์หญิงในสำนักคนหนึ่งเข้ามา ลูกศิษย์หญิงคนนี้มาจากตระกูลฉิงเมืองหวั่งหลัว เหมือนจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลชู่
“ฉิงม่งเอ๋อใช่ไหม ตระกูลชู่ที่ตั้งขึ้นใหม่ในเมืองเจ็ดสี ใช่ตระกูลของเมืองหวั่งหลัวที่ย้ายไปที่นั่นหรือไม่”หลัวเฮจับจ้องไปยังศิษย์หญิงที่โค้งคำนับ แล้วถามขึ้น
ฉิงม่งเอ๋อเพิ่งเคยคุยกับเจ้าโลกตรงๆ แบบนี้ครั้งแรก ตื่นเต้นไม่น้อย พยักหน้าเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ใช่แล้ว”
ตอนที่อยู่เมืองเทียนเซี่ย ฉิงม่งเอ๋อเจอกับชู่ชิ่งและชู่หยู่บ่อยครั้ง ได้รู้ว่า ตระกูลชู่ย้ายไปยังเมืองเจ็ดสีของเมืองตะวันตกจากปากของพวกเขา เขากลับมาในโลกตะวันตกเร็วกว่าชู่ชิ่งกับชู่หยู่อีก
ก่อนหน้านี้ชู่มู่เดาว่า คนของประตูเมืองหลัวออกมาช่วยตระกูลชู่ได้มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง หรือว่าฉิงม่งเอ๋อเขียนจดหมายบอกกับประตูเมืองหลัวว่า ตัวเขาซึ่งเป็นผู้ได้เกียรติขั้นหนึ่งมาจากตระกูลชู่เล็กๆ นั้น ความจริงแล้ว ฉิงม่งเอ๋อไม่รู้ว่า ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณคือชู่มู่ แค่ได้ยินจากชู่ชิ่งและชู่หยู่ว่าชู่เฉิงตำหนักวิญญาณมีสายเลือดเกี่ยวข้องกับตระกูลชู่พวกเขา
“เมืองเจ็ดสี่อยู่ที่ใด” ชายที่นามสกุลชิวถามขึ้นช้าๆ
“นี่…อยู่เมืองตะวันตก…เป็นที่ที่ได้รับภัยแร้งมากที่สุด…” หลัวเฮพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า
หลังจากได้ยินคำนี้ สีหน้าของชายที่ชื่อชิวเปลี่ยนไปทันที หายใจแรงมากขึ้น
ฉิงม่งเอ๋อสัมผัสได้ถึงกลิ่นไออันน่ากลัวของชายคนนี้ รีบถอยหลังไปหลายก้าว ราชันวิญญาณทั้งสองคนก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ไม่แน่นอนของท่านชิว สีหน้าเปลี่ยนไปด้วย
“หลัวเฮ เจ้าเป็นถึงเจ้าโลก ทำให้ทั้งทางใต้ของเขตโลกตกอยู่ในอันตราย ยังมีใครที่ขยะกว่าเจ้าได้อีก” ชายคนนี้มองอย่างเยือกเย็น กลับต่อว่าเจ้าโลกตะวันตกโดยตรง!
สีหน้าของหลัวเฮแย่กว่าเดิม แต่เผชิญหน้ากับพลังของท่านชิวแล้ว เขาไม่กล้ามีท่าทีโต้ตอบใดๆ …
ซุนฉีหมิงนั่งอยู่ด้านข้าง อ้าปากเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูด
ฉิงม่งเอ๋อยืนอยู่ด้านข้าง กลับกลัวจนปิดปากไม่ได้ เพราะเธอแทบไม่รู้ว่าเจ้าโลกที่มีตำแหน่งสูงสุดในเขตโลกตะวันตกนี้ จะถูกคนด่าว่า ‘ขยะ’ ถ้าอย่างนั้น ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือใครกันแน่!
“พรุ่งนี้ส่งกองทัพไป เข้าไปในเมืองตะวันตก จัดการพลังของบ่อน้ำตะวันตกนี้ซะ” ท่านชิวพูดอย่างเยือกเย็น
“นี่…ท่าน อำนาจของโลกตะวันตกเราบอบบาง ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงชนเผ่าขั้นสาม…” หลัวเฮพูดเสียงเบา
“หึ ตอนที่ภัยแร้งมาถึง พวกเจ้าสองคนทำอะไรอยู่” เดิมท่านชิวก็ขี้เกียจยุ่งกับโลกตะวันตกอยู่แล้ว เจ้าโลกหลัวเฮจะดีหรือร้ายก็ไม่เกี่ยวกับเขา แต่ว่าตระกูลชู่ย้ายไปเมืองตะวันตก แล้วยังเป็นบริเวณที่ได้รับภัยแล้งสาหัสที่สุด นี่ทำให้ท่านชิวรู้สึกโกรธเคืองมาก ถึงระบายไปที่เจ้าโลกไม่ได้เรื่องคนนี้หมด
“พวกเรา…พวกเราก็พยายามสุดกำลังแล้ว” ซุนฉีหมิงพูดขึ้นเสียงเบา
“สุดกำลังแล้ว อย่ามาทำเป็นโง่!” ท่านชิวยิ่งโกรธไปถึงซุนฉีหมิง
ราชันวิญญาณทั้งสองที่อยู่ในโลกตะวันตก หลังจากเกิดภัยแร้งขึ้น ราชันวิญญาณทั้งสองกลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย กลับปล่อยให้ด้านใต้ของเขตโลกหนึ่งถูกกลืนกินไปแบบนี้ ต่อให้เป็นชนเผ่าขั้นสาม อย่างน้อยก็ต้องมีแรงต้านทานได้บ้าง แต่เห็นได้ชัดมากว่า เจ้าคนโง่ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ทำตามหน้าที่
ท่านชิวเองก็รู้ดี ถ้าไม่ได้เป็นเพราะหลัวเฮยังเป็นเจ้าประตูของประตูเมืองหลัว ได้รับการดูแลจากประตูเมืองหลัวใหญ่และประตูเมืองหลัวใหม่ การประมาทแบบนี้ต้องได้รับโทษแน่นอน!
“พวกเราอยู่แบบนี้ก็คอยให้ความช่วยเหลือจากประตูหลัวเหมือนกัน” สีหน้าของหลัวเฮแย่ลงเรื่อยๆ ในใจด่าท่านชิวนี้ไปหลายสิบรอบแล้ว
“คนของประตูเมืองหลัวของพวกเจ้าจะไปถึงเมื่อไร ข้าขี้เกียจพูดมากกับขยะอย่างพวกเจ้าทั้งสองแล้ว เช้าพรุ่งนี้ ออกกองทัพไปด้านใต้ กำจัดบ่อน้ำตะวันตก!” ท่านชิวพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งทันที
หลัวเฮก้มหน้า เขารู้ว่าท่านชิวคนนี้มาจากวังดวงวิญญาณ เป็นบุคคลระดับเจ้าวัง ตำแหน่งสูงกว่าเจ้าโลกเขตโลกขั้นหนึ่งอย่างเขามาก แต่อย่างน้อยในโลกตะวันตกนี้มีเขาเป็นใหญ่ ท่านชิวคนนี้กลับต่อว่าเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เขาจะรู้สึกสบายใจได้อย่างไร
แน่นอนว่า ต่อให้ไม่พอใจอย่างมาก หลัวเฮก็แสดงออกมาทางสีหน้าไม่ได้ พูดพร้อมฝืนยิ้มว่า “เรื่องนี้จ้องดูในระยะยาว ไม่…”
“คืนนี้ข้าจะมุ่งหน้าไปเมืองตะวันตก เช้าวันที่สอง ถ้าข้าไม่เห็นกองทัพของพวกเจ้าที่มีพวกเจ้าไปด้วย จะฆ่าพวกเจ้าก่อน!” ชายคนนี้พูดอย่างเยือกเย็น แล้วหันหลังจากไป
หลัวเฮกับซุนฉีหมิงขนลุกไปทั่งตัว กลับทำได้แค่มองดูท่านชิวจากไปอย่างหมดคำพูด
หลังจากผ่านไปสักพัก หลัวเฮพบว่า ลูกศิษย์หญิงคนนั้นยังยืนอยู่ตรงนั้น มองไปด้วยความโกรธ ตะโกนว่า “ยังยืนทำอะไรตรงนั้น ถอยไป!”
ฉิงม่งเอ๋อกลัวจนเสียโฉม รีบโค้งคำนับแล้วจากไป
หลังจากออกจากห้องโถงไป ฉิงม่งเอ๋อเดาไว้ว่า ท่านชิวคนนั้นสนใจความเป็นอยู่ของตระกูลชู่มาก ในตอนนั้นจึงรีบวิ่งตามไป
และในห้องโถง หลัวเฮกับซุนฉีหมิงกลับนิ่งไปสักพักหนึ่ง สุดท้ายยังคงพูดเสียงเบาว่า “เจ้านี่ลงมือ เรื่องนี้จะสงบลงครึ่งหนึ่งได้ แต่ว่าเขาตามหาตระกูลชู่เมืองเจ็ดสี ใกล้กับแหล่งวิญญาณเมืองเจ็ดสีมากแล้ว…ถ้าเขาสังเกตเห็นแหล่งวิญญาณ ด้วยอารมณ์ของเขาแล้ว เกรงว่าไม่เพียงแต่จะเก็บไว้คนเดียว แล้วยังจะเปิดเผยเรื่องของพวกเราทั้งสองด้วย”
“วางใจได้ ตระกูลชู่เล็กที่เขาพูดถึง คาดว่าถูกบ่อน้ำตะวันตกจัดการไปแล้ว เขาไปเมืองตะวันตกก็เพื่อระบายอารมณ์ พวกเราเองก็ใช้ให้เขามากำจัดราชันที่ยุ่งยากของบ่อน้ำตะวันตก…ทว่า ป้องกันไว้ก่อน พรุ่งนี้ข้าจะส่งกำลังไปสู้กับบ่อน้ำตะวันตก แล้วเจ้าหาโอกาสอ้อมไปภูเขาระหว่างเมืองเจ็ดสีนั้น ทำเป็นกวาดล้างกลุ่มเสือดาวตรงนั้น อย่างไรก็อย่าให้เจ้านั่นโกรธแล้วมุ่งหน้าจากเมืองเจ็ดสีที่แตกสลายไปยังภูเขาทรงพลังนั้น ถ้าอย่างนั้น เขาจะเจอแหล่งวิญญาณแน่นอน” หลัวเฮพูดขึ้น
“ทำไมเจ้าไม่ไป” ซุนฉีหมิงพูดอย่างไม่พอใจ
ภูเขาทรงพลังยังมีชนเผ่ากลุ่มเสือดาวอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเข้าไปในเมืองเจ็ดสีตอนที่ฝ่าเขตป้องกันของบ่อน้ำตะวันตกด้วย ถ้าเจอดวงวิญญาณระดับราชัน เขาและซุนฉีหมิงจะมีอันตรายถึงชีวิต
“ข้าจะกวาดล้างด้านใต้พร้อมกับสกุลชิว ตอนนี้ยังจะคิดเล็กคิดน้อยอีก ถ้าถูกพบเจอละก็ ข้ากับเจ้าต้องใช้ชีวิตหลังจากนี้ในคุกทั้งหมดแน่!” หลัวเฮบอก
“ก็ได้” ซุนฉีหมิงพยักหน้าอย่างหมดคำพูด
“แล้วก็ ทันทีที่เจอคนรู้ความลับแหล่งวิญญาณ เจ้าก็จัดการไปซะ…” หลัวเฮบอก
“รู้แล้ว” ซุนฉีหมิงสะบัดมือ
…
…
หุบเขาทรงพลัง
หลังจากชู่มู่สู้ครั้งใหญ่แล้ว ได้พักสองวัน
ในบรรดาดวงวิญญาณ นอกจากจั้นเย้กับอสูรสายฟ้านิมิตราตรีที่ยังมีพลังต่อสู้แล้ว ดวงวิญญาณอื่นเหนื่อยล้าอย่างมาก รวมถึงมั่วเย้ด้วย ต่างนอนหลับอยู่ในช่องว่างของชู่มู่
ชู่มู่รู้ว่า ถ้าบ่อน้ำตะวันตกมาถึงในตอนนี้ละก็ จำต้องอาศัยอาจารย์อาของตระกูลชู่หลักและสมาชิกของตระกูลชู่เฝ้าหุบเขาไว้ ส่วนเขาเอง ถ้าไม่มีเวลาห้าถึงหกวัน คงยากที่จะฟื้นตัวกลับมาสู้ต่อได้
“พี่ชู่มู่ พี่ชู่มู่…” ตอนเช้าตรู่ ชู่อีซุ่ยได้เข้ามาในเต็นท์ของชู่มู่ด้วยความสดใส
“ทำไมเหรอ” ชู่มู่ใช้น้ำล้างหน้า แล้วถามขึ้น
“ดวงวิญญาณส่งสารของผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารพวกเราบินออกไป ได้ติดต่อกับโลกภายนอกแล้ว โลกภายนอกตอบกลับมาว่า จากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าโลกจะออกกำลังมาสู้กับภัยแร้ง ตอนนี้มาถึงบริเวณเมืองตะวันตกแล้ว ถ้าสถานการณ์ดีละก็ น่าจะมาถึงเมืองเจ็ดสีในหนึ่งอาทิตย์” ชู่อีซุ่ยพูดขึ้น
“อืม แบบนั้นก็ดี ทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว” ชู่มู่ฉีกยิ้มออกมา
คาดว่าอำนาจต่างๆ เริ่มออกกำลังสู้กับบ่อน้ำตะวันตกแล้ว แบบนี้ละก็ บ่อน้ำตะวันตกจะไม่กล้าอยู่ในพื้นที่ของมนุษย์นานเกินไป อีกไม่นานก็จะถอยทัพไป
และในตอนที่บ่อน้ำตะวันตกถอยทัพกลับไปผ่านภูเขาทรงพลัง จะต้องโกรธอย่างมากตอนที่พบว่า แหล่งวิญญาณที่ผลิตเพียงครั้งเดียวนั้นหมดลงแล้ว ทำให้บ่อน้ำตะวันตกไม่ได้อะไรกลับไป
“ผู้คุมดวงวิญญาณส่งสารบอกกับโลกภายนอกว่า พวกเราสามหมื่นกว่าคนยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาต่างบอกว่า พวกเรามีชีวิตได้เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ทั้งเมืองตะวันตก เมืองหุบเขาตะวันตก เมืองหลั่งเหอ มีคนตายลงไม่น้อยแล้ว แต่พวกเราซึ่งเป็นคนเมืองเจ็ดสีที่สาหัสที่สุดกลับมีชีวิตอยู่หมด…” ชู่อีซุ่ยพูดไป เสียงเบาลงเรื่อยๆ คนของทั้งสามเมืองตายลงเพราะภัยแร้งครั้งหนึ่ง นึกแล้วยังรู้สึกกลัว
“ไม่ต้องเสียใจไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” ชู่มู่เห็นเธอเสียใจไม่น้อย จึงพูดปลอบใจ
“อืม ยังดีที่มีพี่ชู่มู่ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงเหมือนคนในเมืองอื่น ถูกบ่อน้ำตะวันตกฆ่าตายไปแล้ว พี่ชู่มู่เป็นวีรบุรุษของพวกเราจริงๆ” ตอนที่พูด ชู่อีซุ่ยเองได้โอบคอของชู่มู่อย่างดีใจ หอมแก้มแบบหอมหวานให้ชู่มู่
ชู่มู่ยังไม่ทันได้ตั้งสติกลับมา ชู่อีซุ่ยได้จากไปแล้ว ทำให้ชู่มู่ลูบแก้มของตัวเองด้วยความเขิน
————————————————————-