Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ - ตอนที่ 639 แหล่งวิญญาณที่หายไปอย่างไร้สาเหตุ
ตกดึก ชู่มู่ยืนอยู่บริเวณทะเลสาบในหุบเขาลำพัง
ทะเลสาบนี้ไหลลงจากบนเขา แล้วไหลไปยังโลกภายนอกไปตามแม่น้ำ ไม่กี่วันก่อนทะเลสาบนี้ยังเป็นสีแดงหมด ตอนนี้กลับใสขึ้นมามาก
ชู่มู่มองดูคลื่นแสงของทะเลสาบ สายตาอ้างว้างขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกลับมาที่ตระกูล ชู่มู่นึกถึงหลายเรื่องได้ง่ายมาก ชอบการนั่งคนเดียวแบบนี้โดยไม่รู้ตัว…
“ชู่มู่ ทำไมไม่พักผ่อนล่ะ” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านข้าง
ชู่มู่รู้ว่าคนที่เดินมาคือใคร ฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “แบบนี้คือการพักผ่อนสำหรับข้าแล้ว”
“ดวงวิญญาณของเจ้าฟื้นกลับมาแล้วเหรอ เจ้าสู้กับชนเผ่าหนึ่ง” ชู่เชียนเดินมาช้าๆ ยืนข้างชู่มู่พูดขึ้นเสียงเบา
“ยัง ระดับของดวงวิญญาณสูงมาก พลังต่อสู้กับพลังกายจะฟื้นกลับมาช้าลงเรื่อยๆ” ชู่มู่ส่ายหัว
“อ่อ เจ้าเพิ่มขึ้นเร็วมาก ไม่กี่ปีก่อนตอนอยู่ตระกูลชู่หลัก ตอนที่เจ้าสู้กับองค์หญิงน้อยวังมารนิรย ความสามารถของเจ้าก็ทำให้ข้าสะเทือนใจมากแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของทั้งโลกตะวันตกของพวกเราแล้ว ข้าไม่กล้าเชื่อว่า คนที่สู้กับชนเผ่าได้จะเป็นชู่มู่น้อยที่เกือบเป็นผู้คุมดวงวิญญาณไม่ได้ในตอนนั้น” ชู่เชียนพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“คึ คึ ผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” ชู่มู่พูดอย่างตื้นตันใจ สายตามองไปยังคลื่นน้ำ
แสงดาบกับแสงจันทร์สะท้อนบนผิวน้ำ เข้าไปยังดวงตาสีดำ ทำให้สายตาของชู่มู่ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น…
ผิวน้ำสะท้อนรูปร่างงดงามของชู่เชียน ผมยาวที่มัดรวบทิ้งผมไม่กี่เส้นลงมา พลิ้วไหวไปตามสายลม
สองคนพูดไม่เยอะ บางครั้งยังนิ่งเงียบนานมาก
ความเงียบนี้ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่ทั้งสองคนต่างคิดเรื่องของตัวเอง
“มีคนชอบแล้วหรือยัง” ในที่สุด ชู่เชียนได้ทำลายความสงบ พูดประโยคที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจออกมา
ชู่มู่ถึงค่อยๆ หันมา มองไปยังชู่เชียนที่ก้มหัวเล็กน้อย
ชู่เชียนงดงามตามวัยผู้ใหญ่ เป็นหญิงสาวที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก คำพูดนี้ของเธอได้ทำลายความคลุมเครือนั้น ขณะเดียวกัน เธอแสดงให้เห็นว่า รู้จักการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนได้ด้วย
ชู่มู่พยักหน้า “อืม”
“องค์หญิงท่านนั้นหรือ” ชู่เชียนถามลองเชิง
ชู่เชียนเชื่อว่า ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของชู่มู่ในตอนนี้ ได้องค์หญิงจิ่งโหลวที่มีตำแหน่งสูงส่งในวังมารนิรยก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เพราะต่อให้เป็นวังมารนิรยที่อำนาจแข็งแกร่งจนยากจะประเมินได้ น่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่อายุน้อยเท่าชู่มู่แบบนี้
ชู่มู่ส่ายหัว องค์หญิงจิ่งโหลวเป็นแค่ความรู้สึกดีเบาบางในอดีตเท่านั้น ยังไม่นับว่าเป็นความชอบที่แท้จริงได้
“ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเด็กสาวที่ไปตระกูลชู่หลักกับเจ้า ข้าจำได้ว่า เธอชื่อเย้ชิงจือใช่ไหม” ชู่เชียนยิ้มเล็กน้อย
ชู่มู่อึ้งเล็กน้อย แต่ยังคงพยักหน้าพูดขึ้นว่า “ใช่ เธอนั่นแหละ”
“เธอชอบเจ้าด้วยไหม” ชู่เชียนถามต่อ
“อืม” ชู่มู่พยักหน้าต่อ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ทำไมเธอไม่ได้มากับเจ้าด้วย” ชู่เชียนถาม
“เธอมีเรื่องที่เธอต้องทำ พวกเรานัดกันว่า จะทิ้งร่องรอยไว้ในเมืองตะวันออก ถ้าอยู่แถวนั้นละก็ จะได้เจอกัน…”ชู่มู่บอก
พูดถึงเย้ชิงจือ ในหัวของชู่มู่มีเงาของเธอ ยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ใด ผ่านคำสั่งเสียของอาจารย์แล้วหรือยัง ความสามารถเพิ่มขึ้นมหาศาลแล้วหรือยัง หรือได้รับยาที่มากกว่าเดิม เพิ่มความสามารถปรุงยาของนักวิญญาณแล้ว
จนถึงตอนนี้ชู่มู่ยังรู้สึกเสียดาย เย้ชิงจือจากเร็วเกินไป ทำให้ชู่มู่ไม่ได้รู้จักเธอมากกว่านี้อีก แม้แต่ริมฝีปากหอมหวานอันน่าดึงดูดยังไม่ทันได้สัมผัสด้วยซ้ำ…
ทว่า ขั้นตอนที่ค่อยๆ รักกันแบบนี้ ถึงเป็นเรื่องที่ลืมยากที่สุด
ชู่มู่ไม่รีบที่จะได้ทั้งหมดของเย้ชิงจือ แต่ว่าความรู้สึกที่ไม่อยู่ข้างกายแบบนี้ ทำให้หัวใจเหน็บชาไปหมด อยากจะออกจากโลกตะวันตกตอนนี้ มุ่งหน้าไปยังด้านตะวันออกของเมืองเทียนเซี่ย ไปพบกับเธอ
ชู่เชียนมองไปยังชู่มู่ เธอผู้ช่างสังเกตพบความหวังเล็กน้อยบนใบหน้าเยือกเย็นของชู่มู่ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ต่างจากวัยหนุ่มที่ตกอยู่ในความรักมากเท่าไร ถ้าจะต้องบอกความแตกต่างละก็ ทั้งหมดของชู่มู่อ่อนโยน เชื่องช้ากว่าเด็กผู้ชายคนอื่นมาก
เห็นชู่มู่เผยความรู้สึกแบบนี้ออกมา ชู่เชียนเข้าใจทันที ถามถึงตอนที่ทั้งสองคนรู้จักกันด้วยรอยยิ้ม…
ชู่มู่ไม่ได้หลีกเลี่ยง พูดถึงเรื่องคร่าวๆ ตั้งแต่ตามหาบ่อน้ำเย็นจนถึงเมืองเทียนเซี่ย น้อยครั้งที่จะแบ่งปันเรื่องราวที่ตัวเองเริ่มชอบผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว…
ชู่มู่เป็นวัยหนุ่มคนหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในความรักเหมือนพวกมากประสบการณ์เหล่านั้น ดังนั้นในตอนนี้ เขาซึ่งปราศจากความเงียบที่ผ่านมา ระหว่างที่พูดคุยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มักมีรอยยิ้มอยู่
“ดีจริง” ชู่เชียนพยักหน้า หลังจากฟังชู่มู่เล่าจบ เธอเองก็ฉีกยิ้มออกมา “พวกเจ้าจะต้องมีความสุขมากแน่นอน”
“อืม” ชู่มู่พยักหน้า
“ข้าควรกลับไปแล้ว มิฉะนั้น ท่านพ่อจะตามหาข้าแล้ว เขาไม่วางใจข้ามากที่สุดแล้ว…” ชู่เชียนบอก
“ได้ ข้าจะฝึกสมาธิที่นี่” ชู่มู่เองก็พูดคุยกับชู่เชียนอย่างสนุกสนาน
แต่ว่าชู่มู่กลับไม่รู้ว่า ตอนที่ชู่เชียนหันหลังกลับมา หญิงสาวคนนี้ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย..
แน่นอนว่า ชู่มู่เข้าใจความรู้สึกเด็กสาวที่คุยกับตัวเองถึงเรื่องราวของเด็กสาวอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้มีแค่ชู่มู่เองที่เข้าใจ
…
หลังจากชู่เชียนจากไป ชู่มู่ถอนหายใจเล็กน้อย จับจ้องไปยังผิวน้ำ ให้อารมณ์ของตัวเองสงบลง
ชู่มู่หลับตาลง เริ่มเข้าสู่ภาวะฝึกสมาธิ
พลังต่อสู้ของเหล่าดวงวิญญาณลดลงไปพอประมาณ พลังวิญญาณของชู่มู่เองก็ยังไม่ฟื้นกลับมาหมด ยาพลังวิญญาณที่เย้ชิงจือให้มามีค่ามาก หากไม่อยู่ในสถานการณ์พิเศษ ชู่มู่เองก็ไม่อยากใช้
“หืม…ร่ายวิญญาณเพิ่มขึ้นตอนไหน!” ตอนที่ชู่มู่ฝึกสมาธิ พบความจริงที่น่าดีใจนี้
“ก่อนหน้านี้พยายามทะลายตลอด ไม่สามารถเข้าสู่เจ้าวิญญาณเก้าร่ายได้ และแล้วพอไม่ฝึกสมาธิ คิดถึงชิงจือ กลับเลื่อนขั้นแล้ว!”ชู่มู่รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
เจ้าวิญญาณเก้าร่าย ห่างกับราชันวิญญาณแค่ก้าวเดียว
สำหรับชู่มู่ ราชันวิญญาณมีความหมายอย่างมาก ไม่เพียงแต่ใช้ร่ายวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณระดับราชันได้ ในที่สุดชู่มู่ก็สละควบคุมสามได้แล้ว เข้าสู่ภาวะควบคุมสี่ได้แล้ว!!!
อัญเชิญดวงวิญญาณสี่ตัวออกมาต่อสู้พร้อมกัน ความเปลี่ยนแปลงนี้จะน่าตื่นเต้นมากเพียงใด ไม่ต้องใช้คำพูดมาอธิบายแล้ว!
“ท่าทาง ชิงจือมีดวงสมพงษ์กับข้ามาก” ชู่มู่ฉีกยิ้มออกมา ทำท่าทีปลื้มใจออกมา
…
ด้านตะวันออก ท่ามกลางทุ่งหญ้า
“ทำไมเหรอ ชิงจือ” เย้หวันเชิงมองไปยังเย้ชิงจือที่หยุดลงกะทันหัน ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เย้ชิงจือส่ายหัว ให้อสูรนิมิตชุดม่วงตามปีศาจลูกม้าดาวป่าไป
“ทำไมข้าคิดถึงเขาอีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นท่าทีแบบนั้น…” เย้ชิงจือพึมพำ
ท่าทีที่เย้ชิงจือพูดถึง คือตอนที่ชู่มู่พูดเรื่องที่น่าอายแต่กลับทำท่าทีจริงจัง ท่าทีที่มีสายตาบอกว่า “หรือว่าสิ่งที่ข้าพูดมันไม่ถูก” ทุกครั้งที่เห็นเขาพูดแบบนี้กับตัวเอง ทำให้เย้ชิงจืออับอายไม่น้อย และมักทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป
“แหะ แหะ อีกไม่ช้าข้าจะมีดวงวิญญาณที่ขั้นสูงกว่านี้แล้ว อีกไม่กี่ปีถ้าเจอชู่มู่ ดวงวิญญาณรองของข้าก็จัดการเขาได้แล้วละ ฮะฮะฮะ เห็นใบหน้าของชู่มู่ที่มัวหมอง จะต้องตลกมากแน่”เย้หวันเชิงกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
เย้ชิงจือในตอนนี้กำลังคิดถึงชู่มู่อยู่ พอเย้หวันเชิงหัวเราะแบบนี้ออกมา ตกใจทันที พบว่าเจ้านี่กำลังพูดกับตัวเอง กรอกตาแล้วพูดว่า “สิ่งที่จะใช้ในการปรุงยายังหาไม่เจอ”
“ไม่เป็นไร จะต้องหาเจอแน่นอน และคนที่เคยรังแกพวกเราในอดีต จะให้คนพวกนั้นเห็นความเก่งกาจของข้า เย้หวันเชิง!!!” เย้หวันเชิงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
เย้ชิงจือเองก็ไม่พูดอะไร แม้บอกว่า หลังจากได้คำสั่งเสียของอาจารย์ ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่ช่วงที่ข้ามไปไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไม เย้ชิงจือกลับมั่นใจในตัวชู่มู่อย่างมาก บางครั้งแม้แต่เย้ชิงจือเองก็ไม่รู้ว่าความมั่นใจนี้มากจากไหน อย่างไรคำสั่งเสียของอาจารย์เป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ทำให้ราชันวิญญาณนับไม่ถ้วนบ้าคลั่งได้
…
ภูเขาทรงพลัง
“เป็นไปได้อย่างไร เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!!! กลุ่มเสือดาวละ กลุ่มเสือดาวหายไปไหน แหล่งวิญญาณ แหล่งวิญญาณไปไหนแล้ว!!! แหล่งวิญญาณของข้า!!”
บริเวณกำแพงภูเขา สาเหตุต่างๆ กำลังทำให้ซุนฉีหมิงตะโกนอย่างบ้าคลั่งในหลุมนี้
ตอนแรกซุนฉีหมิงกับหลัวเฮเห็นแหล่งวิญญาณที่ผลิตแค่รอบเดียวนั้นทันทีที่ตอนพวกเขาบินผ่านที่นี่ แอบขุดออกมา ทำให้พลังของแหล่งวิญญาณนี้รั่วไหล แต่เป็นเพราะชนเผ่ากลุ่มเสือดาวและราชันวิญญาณที่อยู่ที่นี่ ทำให้ทั้งสองคนจำต้องจากไปชั่วคราว ต้องวางแผนในระยะยาว
ความจริงด้วยความสามารถของพวกเขาจัดการชนเผ่ากลุ่มเสือดาวได้ แค่จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างมาก อาจทำให้เรื่องกระจายไปได้ง่าย
ครั้งนี้มาถึงเมืองเจ็ดสี ซุนฉีหมิงกังวลว่าบ่อน้ำตะวันตกจะลงมือแล้ว จึงเข้าไปดูในภูเขาทรงพลัง
และแล้ว กลุ่มเสือดาวทั้งหมดของภูเขาทรงพลังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชนเผ่าทั้งหมดหายไปยังไม่เท่าไร ที่สำคัญที่สุดคือแหล่งวิญญาณกลับถูกแย่งไปด้วย!!!
ซุนฉีหมิงร้องด้วยความโกรธเคืองนานมาก เขากับหลัวเฮมีโทษหนักอยู่ ถ้าถูกเปิดโปงละก็ ดวงวิญญาณจะถูกผนึกเอาไว้ แม้แต่ตัวพวกเขาเองยังต้องเข้าไปในคุกอลวนด้วย
เสี่ยงขนาดนี้ก็เพื่อให้ได้สิ่งนี้มาได้ทันเวลา สุดท้ายกลับไม่ได้สักอย่าง ไม่ว่าใครก็ต้องบ้าคลั่ง
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ซุนฉีหมิงถึงค่อยๆ สงบสติลง
“ที่นี่ไม่มีศพกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานของพวกบ่อน้ำตะวันตก บ่อน้ำตะวันตกไม่มีทางตัดหน้าแน่นอน หรือว่าจะเป็นเจ้าโง่ชิวตี๋เอาไป แล้วทำเป็นไม่รู้…เป็นไปไม่ได้ ชิวตี๋น่าจะเพิ่งถึงโลกตะวันตก ไม่มีทางรู้เรื่องแหล่งวิญญาณ อีกทั้งเขาไม่เคยมาเมืองเจ็ดสีมาก่อน…”
“หรือว่า…หรือว่าจะเป็นสามหมื่นคนที่มีชีวิตรอดของเมืองเจ็ดสี”
“หุบเขาทรงพลังมีกลุ่มเสือดาวฝูงใหญ่อาศัยอยู่เช่นกัน พวกเขาอยู่ในหุบเขาทรงพลังก็ต้องตายอยู่ดี ถ้ารอดมาได้ละก็ แปลว่าในนั้นต้องมีผู้แข็งแกร่งแน่นอน…หึหึ กล้าที่จะเอาของข้าซุนฉีหมิงไป ไม่อยากมีชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร จะต้องให้เจ้าคายออกมาให้ได้!!!” ซุนฉีหมิงพูดด้วยใบหน้าที่โกรธจนแดง!
หลังจากพูดจบ ซุนฉีหมิงได้พุ่งไปยังหุบเขาทรงพลังพร้อมความอาฆาต!
————————————————————————–