STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 10-3 หน่วยปฏิบัติการเมืองหยิน (3)
ตอนที่ 10 หน่วยปฏิบัติการเมืองหยิน (3)
ส่วนใบหน้าหลิวหลงยังคงเย็นชาแต่น้ำเสียงกลับสงบนิ่งขึ้น “ผมเห็นคุณฉลาดหลักแหลม มีความอดทนและมีความชอบธรรม ถือว่าใช้ได้! ย้ายมาหน่วยปฏิบัติการสิ ผมจะเลื่อนขั้นให้คุณเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสอง ทำงานวิเคราะห์คดีเป็นหลัก…”
หญิงคนเดิมกล่าวแทรกอีกครั้ง เจ้าหล่อนยิ้มอย่างมีจริต “พูดง่ายๆ ก็คือหน่วยปฏิบัติการต้องการคนฉลาด! โดยเฉพาะคนฉลาดและมีความละเอียดอ่อนแบบนายที่เจอเบาะแสสำคัญในคดีนับพันนับหมื่นจนเจอจุดเชื่อมโยงของคดีทั้งหกนี้! หน่วยปฏิบัติการของเรามีแต่คนหยาบใช้แค่แรงกายและประสบการณ์ในการทำงาน วิเคราะห์คดีไม่เก่งนักหรอก บางครั้งทั้งๆ ที่เจอเบาะแสแล้วแต่กลับสืบหาอะไรต่อไม่ได้เลยต้องจำใจปิดคดีไปก็มาก”
“รวมไปถึงคดีไฟคลอกของจางหย่วนด้วย ที่จริงหน่วยปฏิบัติการเราก็เจอความผิดปกติเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้เอามาใส่ใจ บวกกับตอนนั้นหน่วยปฏิบัติการไม่ได้สนใจทั้งห้าคดีจึงไม่สามารถเชื่อมโยงทั้งห้าคดีได้ มิฉะนั้นคงเริ่มจัดการคดีไปตั้งนานแล้ว! แล้วก็คงจะรู้ไปแล้วว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา”
คิดไม่ถึงว่าพวกเขากำลังดึงคนเข้าหน่วย!
ในขณะที่หลี่ฮ่าวกำลังพูดไม่ออกและประหลาดใจน้อยๆ อยู่นั้น
คิดไม่ถึงว่าหน่วยปฏิบัติการกำลังพยายามชักชวนเขาเข้าหน่วยปฏิบัติการ ต้องรู้ว่าตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้หัวหน้าหน่วยผู้นี้พูดจาเย็นชาจนตัวเองไพล่คิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พอใจเขานัก
แต่หลิวหลงก็กล่าวอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม “ถ้าคุณเข้าร่วมหน่วยเรา คดีไฟคลอกถึงจะมีหวังไขคดีได้เร็วยิ่งขึ้น! ต่อให้หน่วยปฏิบัติการไม่สามารถไขคดีได้จริงๆ อย่างมากก็ให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลมาจัดการ พวกเราติดต่อพวกเขาไปก็ถือเป็นเรื่องตามขั้นตอนที่ควรทำ! หากคุณหวังให้อาจารย์คุณติดต่อพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องติดค้างบุญคุณกันอีกเท่าไหร่!”
คำพูดนี้แทงใจดำหลี่ฮ่าวในทันที!
หัวหน้าหน่วยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!
แค่คำพูดนี้ก็ทำเอาหลี่ฮ่าวถอดใจที่จะขอความช่วยเหลือจากหยวนซั่ว เพราะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ เขาขอร้องให้อาจารย์ช่วย อาจารย์ของเขาจะต้องติดค้างหนี้บุญคุณคนเท่าไหร่!
หลิวหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างรวดเร็ว “เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน คุณคิดเอาเอง! เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย อยากย้ายมาก็ตามใจ! หน่วยปฏิบัติการไม่ได้ขาดแคลนคนเก่งหรอก! สถานการณ์เร่งด่วนตอนนี้คือการตามจับคนร้าย ประกาศกับทุกคนให้ระวังหน่อย เขาเป็นยอดฝีมือบางทีอาจจะเป็นพวกคนมีพลังเหนือธรรมชาติก็ได้!”
พูดจบหลิวหลงก็สาวเท้าเดินตรงไปที่ตัวบ้านจางหย่วนอย่างรวดเร็ว
ส่วนหลี่ฮ่าวก็รีบร้อนเดินตามไป เขากำลังครุ่นคิดว่าจะทำให้คนผู้นี้ถล่มบ้านตระกูลจางอย่างไร ถึงแม้ที่นี่จะเป็นบ้านของเสี่ยวหย่วนแต่เขาก็ตายไปแล้ว เขาแน่ใจว่าเพื่อนคงไม่ถือสาหาความเขาหรอก อีกอย่างที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อล้างแค้นให้อีกฝ่าย
จู่ๆ หลิวหลงก็ตะโกนสั่งโดยที่หลี่ฮ่าวยังไม่ทันได้เปิดปากพูด “ใครก็ได้ ค้นบ้านตระกูลจางหน่อย! ถ้าหาเบาะแสที่มีประโยชน์ไม่เจอก็ถล่มบ้านค้นให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม ถ้ายังไม่ได้อะไรก็เผาที่นี่ทิ้งไปเลย ผมอยากจะเห็นว่าคนที่จับตาดูมานานขนาดนี้อยากจะหาอะไรกันแน่? ถ้าผมเผาไป ต่อให้เป็นของที่มีพลังเหนือธรรมชาติก็ต้องโผล่ออกมาบ้างแหละ!”
“……”
หลี่ฮ่าวลอบสูดลมหายใจ เรายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เขาที่แลดูหยาบกระด้าง ที่จริงแล้ว..ก็หยาบกระด้างจริงๆ!
แน่นอนว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด
ไม่ว่าพวกแกจะหาอะไร แต่ถ้าฉันเผาที่นี่ทิ้ง ถ้าแกอยากได้จริงๆ จะยอมโผล่ออกมาไหม?
แนวทางในการทำคดีของคนผู้นี้ สุดยอดจริงๆ…ตรงใจเขาสุดๆ ไปเลย!
“หน่วยปฏิบัติการ…”
หลี่ฮ่าวเองก็เป็นคนในกองตรวจการณ์จึงพอจะคุ้นเคยกับหน่วยปฏิบัติการอยู่บ้าง
แต่วันนี้เหมือนจะได้ทำความรู้จักกับหน่วยปฏิบัติการที่เดิมทีไร้ความสามารถในสายตาเขาใหม่อีกครั้ง
หน่วยปฏิบัติการที่นำโดยหลิวหลงจะไร้ความสามารถขนาดนี้เลยจริงเหรอ?
แต่หน่วยปฏิบัติการเป็นเหมือนกระชอนรั่วก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน คดีที่หลี่ฮ่าวรายงานกับเบื้องบน เพียงแค่พริบตาเดียวก็มีคนรู้แล้ว นี่แปลว่าภายในหน่วยปฏิบัติการต้องเละเทะมากแน่
แต่ในตอนที่หลี่ฮ่าวกำลังครุ่นคิดพิจารณานั้นเอง หญิงสาวคนเดิมจู่ๆ ก็เข้าไปประชิดตัวเขาแล้วส่งยิ้มสดใส “เสี่ยวหลี่ หัวหน้าเขาก็นิสัยแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลยนะ! นายเองก็เป็นผู้ตรวจการณ์ พอรู้สไตล์การทำงานของหน่วยปฏิบัติการแล้ว หัวหน้าหน่วยเองก็หวังว่านายจะเข้าร่วมหน่วยเรา อย่ามองว่าเขาไม่สนใจนะ ความจริงแล้วเขาอยากได้นายมาเป็นสมาชิกของหน่วยเรามากเลยล่ะ”
“คือว่า…”
หลี่ฮ่าวงุนงงไปหมดจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?
ตนเองแค่รายงานคดีต่อเบื้องบนเท่านั้น
หญิงผู้นั้นยิ้มน้อยๆ แล้วลดเสียงเบาลง “ก่อนนี้หัวหน้าบอกว่าหน่วยปฏิบัติการเรามีครบถ้วน ไม่ขาดคนออกสนาม ไม่ขาดอาวุธ ไม่ขาดอำนาจ แต่ขาดคนฉลาดที่ละเอียดรอบคอบแถมยังไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรมากมายกับหน่วยปฏิบัติการสักคนมากกว่า!”
หลี่ฮ่าวพิจารณาความหมายของคำพูดนี้อย่างรวดเร็ว แต่เขายังไม่ทันคิดแล้ว หญิงคนนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ “ในหน่วยปฏิบัติการต้องมีหนอนไม่น้อยเลย! หัวหน้าหน่วยอยากจะจัดการหน่วยเรา เสียดายที่มีความตั้งใจแต่ไร้ความสามารถ เขาเก่งกล้าสามารถ แต่กระทั่งคนยังหาไม่ได้ แถมยังไม่อยากจะทำร้ายจิตใจทุกคนจึงไม่สามารถทำเรื่องนี้อย่างเปิดเผยได้…เหตุที่ให้คุณย้ายมาที่หน่วยเราบางทีอาจเพราะเป้าหมายนี้ เขาหวังว่าจะนายจะใช้ความฉลาดหลักแหลมและความละเอียดรอบคอบในการสืบคดีไฟคลอกมาสืบหาความจริงทีละน้อย เพื่อจะหาหนอนที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยปฏิบัติการของเรา!”
หลี่ฮ่าวชะงักนิ่งไป!
หลิวหลงรู้ดี!
ไม่เพียงแต่รู้ว่าในหน่วยปฏิบัติการมีหนอนแต่ยังตั้งใจตรวจสอบ เพียงแต่เหมือนว่าเขาจะมีเรื่องต้องกังวลมากดังนั้นจึงยังไม่ได้ลงมือ
คิดไม่ถึงว่าหลิวหลงชักชวนตนเอง เพราะหวังจะให้ตนเองเป็นมีดด้ามนี้ นี่คือสิ่งที่หลี่ฮ่าวคาดไม่ถึง
และในวินาทีที่หลี่ฮ่าวกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง หญิงสาวคนเดิมก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ลองคิดดูหน่อยเถอะ! บางทีคดีเพื่อนนายอาจจะยุ่งยากมากทีเดียว คืนนี้ก็แสดงให้จบๆ ไปเถอะนะ ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วอาจจะจำเป็นต้องให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเข้ามายุ่งจริงๆ ก็ได้ ส่วนนายก็มาเข้าหน่วยเราถึงจะมีโอกาสได้เข้าร่วมกับผู้พิทักษ์รัตติกาล ทำงานในห้องแฟ้มคดีไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมไขคดีนี้หรอกนะ!”
“นายยอมลาออกเพื่อเพื่อนแล้วสมัครทำงานในห้องแฟ้มคดีไล่ตามสืบคดีเก่าๆ เช่นนี้ระยะเวลาหนึ่งปีน่าจะเพียงพอแล้ว หรือว่านายอยากจะแช่อยู่ในห้องแฟ้มคดีไปจนแก่หรือไง?”
หลี่ฮ่าวความคิดล่องลอยไปไกลอีกครั้ง เขาพบว่าคืนนี้ตนเองเหม่อลอยไปหลายครั้งทีเดียว
หน่วยปฏิบัติการที่ไร้ความสามารถในความทรงจำของเขากลับทำลายสิ่งที่เขาจินตนาการไปครั้งแล้วครั้งเล่า
คนตรงหน้าเขาไม่มีใครธรรมดาเลยสักคน
ขนาดแค่ชักชวนเขายังพูดจี้ใจดำไม่หยุด
ในวินาทีนี้จู่ๆ หลี่ฮ่าวเองก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา เมื่อครู่เพิ่งเอาหินมีดออกมา หน่วยปฏิบัติการจะจับได้ไหมนะ?
ก่อนนี้เขากังวลว่าเงาโลหิตจะจับได้แต่กลับไม่กังวลว่าหน่วยปฏิบัติการจะพบ
จนเมื่อครู่หลิวหลงบอกว่าจะรื้อจะเผา หลี่ฮ่าวพลันรู้สึกว่าไม่น่ามีอะไรแล้ว แต่ว่า…หน่วยปฏิบัติการคงจะไม่เจอปัญหาอะไรบนปล่องไฟใช่ไหมนะ?
หินที่ใช้สับเปลี่ยนแทนที่จะปิดบังพวกเขาได้ไหมนะ?
“เอาเถอะ ผลักเรื่องทั้งหมดไปให้เงาโลหิต อย่างไรเสียเราก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
หลี่ฮ่าวพึมพำในใจแต่ก็เกิดหวาดระแวงขึ้นมา
และเป็นตามคาดคนเราจะเชื่อมั่นในตัวเองมากไปไม่ได้ เขาคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่นแต่คิดไม่ถึงว่าหน่วยปฏิบัติการจะทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน ตนเองอยู่ในห้องแฟ้มคดีหนึ่งปีเท่านั้น สงสัยตนเองจะดูถูกกองตรวจการณ์มากไปจริงๆ
“เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการ…”
หลี่ฮ่าวเดินตามพวกเขาไปก็จริง แต่ว่าตัวเขาเองนั้นใจลอยไปแล้ว
หัวหน้าหน่วยที่เย็นชาวางอำนาจ ทุกคำพูดของหญิงสาวที่ทิ่มแทงใจดำเขา อู๋เชาที่มองแค่ปราดเดียวก็มองเห็นเบาะแสนับไม่ถ้วน… หน่วยปฏิบัติการนี้เป็นเสือซ่อนมังกรหมอบจริง[1]ๆ!
ขนาดหน่วยปฏิบัติการที่ตนเองดูถูกยังเป็นแบบนี้ แล้วผู้พิทักษ์รัตติกาลล่ะ?
ก่อนนี้ตนเองยังเคยฝันว่าจะได้เป็นผู้พิทักษ์รัตติกาล… หลี่ฮ่าวกลัวจริงๆ ว่าตนเองตายแล้วอาจจะไม่รู้ว่าตายอย่างไรด้วยซ้ำ คนเหล่านี้เจนสนามมากจริงๆ อยู่กับพวกเขานานวันเข้าหลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตนคงจะปิดบังอะไรพวกเขาไม่ได้แน่
ในวินาทีนี้จู่ๆ หลี่ฮ่าวก็รู้สึกหนาวจับใจ
“โลกด้านนอกนี้น่ากลัวจริงๆ ห้องแฟ้มคดีเป็นแค่สนามเด็กเล่น ห้องแฟ้มคดีสบายกว่าจริงๆ!”
หลี่ฮ่าวสะบัดหัวแล้วมองหลิวหลงที่อยู่ตรงหน้าตนเองอีกครั้ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเหตุที่เขาคนนั้นพูดว่าจะรื้อจะเผาบ้านเพราะจงใจหยั่งเชิงตนเองหรือเปล่า
ตั้งแต่เริ่มบทสนทนาเขาไม่เคยถามตนเจออะไรไหมหรือหาอะไรอยู่ เหมือนว่าทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องถาม
พอเป็นเช่นนี้กลายเป็นว่าทำให้ตนเองกังวลใจมากกว่าเดิม
“เมื่อครู่ตัวเราเองคงไม่ได้ยิ้มอยู่ใช่ไหม? น่าจะไม่นะ!”
หลี่ฮ่าวย้อนคิดแล้วก็แอบดีใจน้อยๆ โชคดีที่ตัวเองยังหัวไว ต่อให้หลิวหลงพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการแต่ตนยังแสดงสีหน้าแน่นิ่งได้ อืม ควรค่าให้ชื่นชมจริงๆ!
……………………………………………………………………
[1] คมในฝัก