STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 12-2 ตัดสินใจ (2)
ตอนที่ 12 ตัดสินใจ (2)
ตู้มม!
เสียงดังสนั่น รถคันใหญ่โค่นบ้านเก่าแก่ของตระกูลจางล้มลง
ฝุ่นควันฟุ้งกระจายทั่วบริเวณนอกบ้านตระกูลจาง หลี่ฮ่าวมองดูอย่างเงียบๆ เขารู้สึกราวกับเห็นจางหย่วน
เสี่ยวหย่วน บ้านของนายไม่มีอีกต่อไปแล้ว
นายตายไปแล้ว บ้านนายก็ทลายลงไปแล้ว ร่องรอยสุดท้ายของนายที่หลงเหลืออยู่บนโลกนี้ค่อยๆ เลือนหายไป
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันจะแก้แค้นให้นายได้ก็คือเอาหัวของฆาตกรมาถวายให้นาย นอกนั้นฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้ว
ในตอนนี้เอง สมาชิกสาวทรงเสน่ห์ในทีมคนนั้นก็ค่อยๆ ย่องเข้าใกล้หลี่ฮ่าวอย่างเงียบๆ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะปลายจมูก
เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้นข้างหู “เสี่ยวฮ่าว ถ้าอยากเข้าร่วมหน่วยงานเรา พรุ่งนี้มาเจอพี่ได้นะ! พี่ชื่อหลิวเยี่ยนเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ เรายินดีต้อนรับนายเสมอ!”
‘หลิวเยี่ยน!’
หากเธอไม่แนะนำชื่อตัวเอง หลิวฮ่าวคงไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่พอเธอแนะนำชื่อ…หลี่ฮ่าวก็พอจะรู้บ้างแล้ว
เขาอยู่ในห้องเก็บแฟ้มคดีมาหนึ่งปี ถึงแม้เขาจะไม่ได้พบเจอใครมากนัก แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามและเรื่องซุบซิบของพวกเขามาบ้าง
หลิวเยี่ยนก็เป็นอีกหนึ่งชื่อที่คนในห้องเก็บแฟ้มคดีมักจะเอ่ยถึง
ว่ากันว่าเธอเป็นคู่ขาของหลิวหลง…แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องซุบซิบในห้องเก็บแฟ้มคดี แต่จะใช่เรื่องจริงหรือไม่หลี่ฮ่าวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พิจารณาจากเหตุการณ์วันนี้แล้วก็ใช่ว่าข่าวลือนี้จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ป้าๆ ในห้องเก็บแฟ้มคดีมักจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเสมอว่าเธอคนนี้ใช้หน้าตาไต่เต้าคว้าตำแหน่งรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการมา
ต้องรู้ไว้ด้วยว่าหากจะเป็นรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับหนึ่งแล้ว
แถมเหนือผู้ตรวจการณ์ขึ้นไป ยังมีผู้บังคับการตรวจตราอีก
จริงๆ แล้วหลิวหลงก็คือผู้บังคับการตรวจตรา ตำแหน่งของหลิวหลงต่างหากถึงจะนับได้ว่ามีอำนาจเด็ดขาดในการสั่งการ ตำแหน่งของเขาในกองตรวจการณ์อาจเป็นรองแค่ผู้อำนวยการ เพราะแม้แต่รองผู้อำนวยการบางรายยังมีอำนาจไม่เท่าหลิวหลงเลยด้วยซ้ำ
“ได้ครับ!”
หลี่ฮ่าวหยักหน้าเล็กน้อยพร้อมขานตอบในทันที
ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ!
ในสถานการณ์แบบนี้ปฏิเสธไม่ได้ และจนปัญญาจะปฏิเสธได้ด้วย
เขาต้องตอบตกลงเท่านั้น!
“รวดเร็วทันใจดี!”
ทันใดนั้นหลิวเยี่ยนก็ยิ้มหวานหยดย้อย “นายจะไม่มีวันเสียใจแน่นอน!”
ทันทีที่พูดจบเธอก็เดินจากไป
ฝีเท้าว่องไวหายไปอย่างเงียบ ๆเช่นเคย ซึ่งทำเอาหลี่ฮ่าวรู้สึกตกใจมาก คนพวกนี้ดูผิวเผินเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ความจริงศักยภาพยอดเยี่ยมมากเชียวล่ะ
ภายนอกร่างกายของพวกเขาล้วนมีพลังแสงดาราปกคลุมอยู่จางๆ
มันเบาบางมากจนมองจากระยะไกลแทบไม่เห็น แต่พอเข้ามาใกล้ๆ หลี่ฮ่าวกลับมองเห็นอย่างชัดเจน
นี่เป็นพลังแสงดาราจากน้ำแช่จี้หยกกระบี่ เพราะหลังจากดื่มเข้าไปแล้วมันไม่ดูดซึมเลยคงไว้ในรูปแบบของพลังแสงดาราเช่นนี้
“เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติครึ่งตนงั้นเหรอ?”
หลี่ฮ่าวมั่นใจว่าคนพวกนี้คงเคยดูดพลังเข้าร่างกายแล้ว เพียงแต่ยังไม่สำเร็จจนถึงขั้นได้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้นเอง
หลิวหลงทำงานในหน่วยปฏิบัติการได้ไม่เลวเลย เขาสามารถปั้นผู้ช่วยยอดฝีมือได้หลายต่อหลายคนนัก
“แสดงว่าน้ำแช่จี้หยกกระบี่ก็คือพลังลี้ลับ!”
“พวกหลิวหลงอยากสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อจะได้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนใหม่ แต่เรา…อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น! เพราะจี้หยกกระบี่ของเราสามารถให้พลังลี้ลับได้ อีกอย่างมีดของตระกูลจางก็อยู่ในมือเราแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีดของตระกูลจางจะสามารถให้พลังลี้ลับนี้ได้หรือเปล่า”
เสียงขุดเจาะยังคงดำเนินต่อไป
สักพักเพลิงไฟก็โหมกระพือ
บ้านของตระกูลจางมอดไหม้อยู่ในกองเพลิง
หลี่ฮ่าวมองดูอย่างเงียบๆ เขาไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้เลย
วันนี้เขาได้ข้อมูลมากมาย แถมมากกว่าที่เขาคิดด้วย แม้ว่าอาจจะมีเรื่องของเขาถูกเปิดเผยไปบ้างก็ตาม
เรื่องที่เราเป็นผู้สืบทอดกระบี่ของตระกูลหลี่ ฝ่ายเงาโลหิตไม่รู้เรื่องจริงๆ เหรอ?
ไม่หรอกมั้ง!
‘เหตุที่ไม่ลงมือกับเราสักที พวกเขาอาจจะมีแผนการบางอย่างอยู่แล้ว’
‘หากพ่อแม่ของเราถูกพวกเขาฆ่าตายจริงๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าแซ่หลี่ของเราก็คือตระกูลหลี่ในบทเพลงพื้นบ้านนั้น!’
หากคิดว่าพวกเขาไม่รู้ มันก็คงเป็นการหลอกตัวเอง
“เสียงดังวุ่นวายขนาดนี้ อีกฝ่ายคงไม่กล้าปรากฏตัวหรอก!”
หลี่ฮ่าวจัดแจงเสื้อผ้าตนให้เรียบร้อยและเตะเจ้าเสือดำที่อยู่ข้างๆ ไปหนึ่งทีพร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า “ไปเถอะ กลับบ้านกัน!”
หลี่ฮ่าวไปโดยไม่ลาหลิวหลงสักคำ เขาอาศัยช่วงเวลาที่เสียงดังอึกทึกครึกโครมนี้จากไปอย่างเงียบๆ
…
“ลูกพี่!”
ในตอนนี้ข้างกายหลิวหลงรายล้อมไปด้วยผู้คน หลิวเยี่ยนมองหลิวหลงด้วยสีหน้าสงสัยพลางสลับมองหลี่ฮ่าวที่กำลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ พร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า “ลูกพี่อยากได้คนๆ นี้มาเข้าหน่วยเราจริงๆ เหรอ?”
อู๋เชาในร่างผอมสูงเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ลูกพี่ย่อมมีความคิดและเหตุผลของตัวเองอยู่แล้ว! หลี่ฮ่าวคนนี้มีคนหนุนหลังอยู่ แม้ว่าหยวนซั่วจะไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแต่ในตัวหยวนซั่วมีห้าปาณภูต ความสามารถของเขาก็ใช่ย่อย! ยิ่งไปกว่านั้น เขาทำงานร่วมกับผู้พิทักษ์รัตติกาลมาตลอด นับว่าเก่งมากด้วย หากดึงหลี่ฮ่าวมาร่วมงานกันก็ไม่ใช่เรื่องแย่”
เจ้าอ้วนที่แทบมองไม่เห็นดวงตาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอันบูดบึ้งว่า ”แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นเรื่องที่ดี! หยวนซั่วเป็นคนหยิ่งยโส ก่อนหน้านี้ลูกพี่เองก็เคยชวนเขามาร่วมทีมกับเราเพื่อล่าตัวผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนกัน แต่หยวนซั่วกลับเพิกเฉย ลูกพี่ดึงหลี่ฮ่าวเข้าร่วมแบบนี้ระวังจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้พิทักษ์รัตติกาลล่ะ…”
เขายังพูดไม่ทันจบ หลิวหลงก็เอ่ยเสียงเยือกเย็นว่า “ผู้พิทักษ์รัตติกาล? แกคิดว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่รู้เรื่องนี้งั้นเหรอ? กองตรวจการณ์ของเมืองหยินอย่างพวกเราลอบสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาหลายต่อหลายครั้ง จะเป็นไปได้เหรอที่พวกเขาจะไม่รู้อะไรเลย?”
หลังจากนั้นหลิวหลงก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “รู้แล้วยังไง? ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เราสังหารล้วนแต่ทำเรื่องทุจริตผิดอาญามาทั้งนั้น! อีกอย่างสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อชิงพลังลี้ลับนี้ก็เป็นคำบอกเล่าที่ผู้พิทักษ์รัตติกาลแพร่งพรายออกมาเองต่างหาก! หึหึ…”
หลิวหลงหัวเราะอย่างเยือกเย็น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่แยแสใดๆ ทั้งสิ้น
“สาเหตุที่พวกเขาปล่อยข่าวลือนี้ออกมาก็เพื่อจะให้คนที่โหยหาและต้องการเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างพวกเราช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักหนาของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะงานหนักและไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องต่างๆ มากนัก แต่หากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก่อคดีขึ้นเอง แล้วยังไม่ใส่ใจอีก นั่นแหละถึงจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอย่างแท้จริง! แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะจัดการได้ ส่วนจะให้มนุษย์ธรรมดาไปจัดการกับพวกมีพลังเหนือธรรมชาติก็อันตรายเกินไป คนส่วนใหญ่หากเลี่ยงได้คงไม่ยุ่ง ใครจะกล้ารุกรานผู้มีพลังเหนือธรรมชาติล่ะ?”
“ทว่าจู่ๆ ก็มีข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่า หากสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติและดูดพลังเข้าร่างกายตัวเองหลายครั้งก็อาจจะมีโอกาสสำเร็จได้…พวกแกคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ล่ะ?”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
‘จะเกิดอะไรขึ้น’
‘คนที่ไม่พอใจที่จะเป็นมนุษย์ธรรมดาย่อมอยากลองเสี่ยงดูสักตั้งอยู่แล้ว!’
สู้ให้สุดไปเลยดีกว่า!
หากมีวิธี มีอาวุธ มีสมอง ย่อมต้องเอาชนะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้บ้างแหละ
พวกเขาก็คือตัวยืนยันอย่างไรล่ะ!
แล้วเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ที่เมืองหยินเท่านั้นเหรอ?
เกรงว่าจะไม่ใช่!
กลุ่มผู้พิทักษ์รัตติกาลปล่อยข่าวลือแบบนี้ก็เพื่อยืมมือพวกที่ไม่พอใจอยากเป็นมนุษย์ธรรมดาให้ตกเป็นเหยื่อ แล้วช่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลจัดการปัญหาบางส่วนก็เท่านั้น
หลิวหลงเอ่ยอีกว่า “แผนการของผู้พิทักษ์รัตติกาลช่างหลักแหลมจริงๆ! ถ้าคนอย่างพวกเราเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมาจริงๆ นายคิดว่าพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน?”
หลิวเยี่ยนหัวเราะ“ผู้พิทักษ์รัตติกาล!”
ทุกคนต่างพยักหน้า
คนของกองตรวจการณ์ หากไม่ไปเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาล แล้วจะให้ไปเป็นพวกลัทธินอกรีดหรืออย่างไร?
เจ้าอ้วนสูดหายใจเข้าลึกเอ่ย “แผนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แสดงว่าพวกเขาไม่ต้องเสียแรงเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันยังได้มนุษย์ธรรมดาที่กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนหนึ่งมาเข้าร่วมทีมด้วยอีกต่างหาก แถมสามารถกำจัดผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ก่อเรื่องวุ่นวายได้ด้วย!”
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแหนะ!
…………………………………………………….