STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 16-3 ผู้เป็นอาจารย์ (3)
ตอนที่ 16 ผู้เป็นอาจารย์ (3)
เขาคิดๆ แล้วก็ถาม “อาจารย์ครับ ในวัตถุเหนือธรรมชาติมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติบางอย่างอยู่ใช่ไหมครับ”
“บางส่วนมี บางส่วนก็ไม่มี แล้วแต่กรณีไป”
หยวนซั่วตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘ถ้าเธอมีก็ลองดูดซึมดู แต่ใช่ว่าจะเห็นผลมากนะ!’
หลี่ฮ่าวชะงัก ไม่เกิดผลมากอย่างนั้นหรือ
แต่นี่เป็นสิ่งที่ตนฝากความหวังไว้มากเชียวนะ!
“อาจารย์ครับ ไหนว่ากันว่าหากดึงพลังเข้าสู่ร่างกายก็จะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ไม่ใช่เหรอครับ”
“คิดอะไรน่ะ! ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
หยวนซั่วคิดๆ แล้วก็กล่าว ‘แน่นอนว่าฝั่งเธอสถานการณ์เป็นยังไง ฉันไม่ค่อยรู้หรอก ฉันแค่อธิบายสถานการณ์ที่ฉันรู้คร่าวๆ ให้ฟังได้เท่านั้น วัตถุเหนือธรรมชาติมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติพวกนี้มันอ่อนมาก ถ้าเธอจะซึมซับมันเข้าไป บางทีอาจมีส่วนช่วยเรื่องศักยภาพร่างกายเธอ แต่ผลประโยชน์กลับไม่ได้มีมากอย่างที่คิดเอาไว้ ถ้าอยากอาศัยสิ่งนี้เพื่อเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติละก็ แทบไม่มีหวังเลยล่ะ!’
ดวงตาหลี่ฮ่าวฉายแววผิดหวังวูบหนึ่ง ไม่มีความหวังเลยอย่างนั้นหรือ?
“แน่นอนว่าก็พูดยากเหมือนกัน ในเมื่อเราศึกษาเรื่องพลังเหนือธรรมชาติน้อยเกินไป เวลาที่ออกมาก็น้อย ไม่มีตัวอย่างคดีให้วินิจฉัยละเอียดมากนัก”
หยวนซั่วหยุดเมื่อพูดถึงตรงนี้ แล้วก็พูดต่อ “นี่แหละประเด็นหลักที่ฉันจะพูด บางทีเธออาจจะมีของพวกนั้นอยู่จริงๆ งั้นวันนี้ฉันจะสอนวิธีคายรับที่ไม่เคยถูกบันทึกใน “ตำราใหม่ห้าปาณภูต” ให้เธอแล้วกัน!”
“วิธีคายรับเหรอครับ”
“ใช่ วิธีนี้จะสมบูรณ์กว่าวิธีหายใจหน่อยหนึ่ง เป็นวิธีที่ฉันใช้เวลาหลายปีในการผนวกจากตำราโบราณหลายเล่มแล้วเรียบเรียงใหม่”
“เพราะเธอดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไม่เป็นเลย!”
หยวนซั่วพูดเสียงขบขัน “เมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสพลังเหนือธรรมชาติมาก่อน สอนเรื่องนี้ไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์! วันนี้เธอไม่มาหาฉัน ฉันก็ต้องหาเธอในสักวันเพื่อสอน ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ อันใหม่ให้เธอเพื่อใช้ดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ เพียงแต่ในชีวิตประจำวันเราแทบจะไม่สามารถดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ แต่เธอไม่เหมือนกัน เธออาจจะได้สัมผัสมันตั้งแต่เด็ก นี่ละโอกาสของเธอ!’
‘อาจารย์ แล้วอาจารย์สามารถดูดซับ…’
‘ฉันเหรอ’
หยวนซั่วหัวเราะ “เธอจะแบ่งให้ฉันเหรอ ช่างเถอะ วัตถุเหนือธรรมชาติหนึ่งชิ้นใช่ว่าจะมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมากมาย สำหรับฉันแล้วมันไม่มีประโยชน์เท่าไร! พูดอย่างนี้กับเธอแล้วกัน ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งยากที่จะเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ! การเปลี่ยนแปลงของเราจะยากกว่าคนทั่วไป! ความจริงหลิวหลงมีความหวังที่จะเลื่อนขั้นได้โดยตรง แต่หมอนี่มีพลังบำเพ็ญเพียรวิชาการต่อสู้ดีไม่หยอก เขาถึงได้เลื่อนขั้นได้ยากเป็นพิเศษ! ถ้าเธอไม่มีพื้นฐานวิชาการต่อสู้เลยสักนิด กลับจะง่ายกว่าสักหน่อย…แน่นอนว่าหลังจากกลายเป็นปรมาจารย์แสงดาราก็จะมีพลังอ่อนกว่าหน่อย’
หลี่ฮ่าวสดใสขึ้นมาฉับพลัน!
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง!
“ดังนั้นสำหรับเธอแล้วพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเพียงน้อยนิดเป็นเรื่องดี สำหรับฉันแล้ว…ไม่ได้ผลเท่าไร! ความจริงก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เธอดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ ถ้าหาทางกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ พื้นฐานวิชาการต่อสู้ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้าเธอก็จะเลื่อนขั้นยากขึ้นแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ!”
หลี่ฮ่าวกลับไม่ค่อยสนใจเท่าไร เขาแค่สงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง “อาจารย์ครับ ความหมายของอาจารย์คือยิ่งมีพื้นฐานการต่อสู้มากเท่าไร หลังเลื่อนขั้นได้แล้วก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหรือครับ’
“ไร้สาระ! ดูจากฉันสิ ปรมาจารย์นักรบระดับทะลวงร้อย ถ้าฉันได้เลื่อนขั้นแล้วยังอยู่ระดับเดียวกับปรมาจารย์แสงดาราที่อ่อนที่สุดแล้วฉันจะเลื่อนไปทำไม หากปรมาจารย์แสงดาราที่ฝีมือห่วยที่สุดโผล่มาจริงๆ ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังพูดยากเลย!’
หยวนซั่วไม่ได้เล่าเรื่องตัวเองไปมากนักแต่เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “พอแล้ว หยุดถามเรื่องไร้สาระพวกนี้! และอย่าคิดจะตามฉัน เธออ่อนแอเกินไป คิดไปก็เสียเปล่า! ฟังฉันพูดก่อน ฉันจะสอน ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ให้เธอ แต่เธอจำไว้นะ ห้ามแพร่งพรายออกไปไม่ว่าจะกับใครก็ตาม! ผลลัพธ์จากการศึกษาตลอดหลายปีของอาจารย์เธออยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว พลังเหนือธรรมชาติเพิ่งมีการพัฒนามายี่สิบปี สิ่งที่องค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลศึกษาวิจัยใช่ว่าจะดีไปกว่าของฉัน!”
“นี่ก็คือพลังของความรู้ พวกเขารู้เรื่องพลังเหนือธรรมชาติเสียที่ไหน ถึงฉันไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ฉันรู้ถึงการมีอยู่ของพลังเหนือธรรมชาติก่อนด้วยซ้ำ ตั้งแต่สี่สิบปีก่อนฉันก็เคยอ่านเจอในตำรามาแล้ว…”
หยวนซั่วชมเชยตัวเองให้ฟังระลอกหนึ่ง ไม่นานก็หยุดพูดไร้สาระก่อนจะเริ่มอธิบาย ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ของตน
ส่วนตอนนี้หลี่ฮ่าวกำลังตั้งใจฟังอยู่
รู้สึกว่ามันง่ายมาก!
แม้อาจารย์จะคุยโวไว้มากมาก แต่เขากลับรู้สึกแค่ว่าเจ๋งกว่าวิธีหายใจอยู่หน่อยหนึ่ง ส่วนเจ๋งกว่าขนาดไหนยังไม่รู้ซึ้งเท่าไรนัก
แต่แล้วหลี่ฮ่าวกลับไม่รู้ว่าในฐานะที่เป็นผู้รับรู้เรื่องพลังเหนือธรรมชาติมาก่อนกาล แถมยังศึกษาพลังเหนือธรรมชาติจากอารยธรรมโบราณอย่างหยวนซั่ว การศึกษาตลอดหลายปีนี้ไม่เพียงแค่มีตะกอนความรู้สึกของเขาอยู่ในนั้น แต่ยังหลอมรวมไปด้วยระบบพลังเหนือธรรมชาติของอารยธรรมโบราณจำนวนมากมาย
‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ฟังดูง่าย แต่บางทีอาจเป็นวิธีดูดซับพลังที่สุดยอดที่สุดของทั้งขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติก็เป็นได้
ส่วนขณะที่หลี่ฮ่าวฟังไปก็เริ่มปรับจังหวะหายใจไปไม่หยุด
วิธีคายรับไม่ใช่แค่ต่างกันเรื่องจังหวะหายใจ ทว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ รวมอยู่ด้วย อย่างเช่นการปรับท่า ซึ่งหลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็เหมือนกบตัวใหญ่ก็ไม่ปาน หงายหน้าท้องขึ้นนั่งท่าขัดสมาธิ ดูจากท่าทางแล้วน่าขันไม่น้อยเลย
แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าจู่ๆ ก็ปรากฏแสงดาราฉายวาบขึ้นมาจากกระบี่ดาราพรายที่ใช้แช่น้ำดึงพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติครู่หนึ่ง ซึ่งขณะนี้กำลังแขวนอยู่บนคอของหลี่ฮ่าว
วินาทีถัดมาพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเข้มข้นก็หลั่งสู่ร่างกายของหลี่ฮ่าว
เดิมทีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเหล่านี้จะไหลออกอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เหมือนทุกอณูรูขุมขนทั้งตัวของหลี่ฮ่าวกำลังหายใจ พยายามดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมหาศาลเข้าสู่ร่างกาย
รูขุมขนนับไม่ถ้วนกำลังซึมซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่!
เร็วเกินความคาดหมาย และมากเกินความคาดหมายด้วย!
ปลายสาย พอหยวนซั่วพูดจบก็พบว่าไร้เสียงตอบรับจากหลี่ฮ่าว จากนั้นเขาก็อดส่ายศีรษะไม่ได้
“พ่อหนุ่มน้อย ใจร้อยเสียจริง นี่ฟังไปก็ฝึกไปเลยเหรอ”
คิดๆ แล้วก็คาดว่าหมอนั่นคงซึมซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้บางส่วนแล้ว
หยวนซั่วหัวเราะเสียงร่วนแล้วกดตัดสายไปพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย “ยังอายุน้อยเกินไป ดูเหมือนจะฉลาดแต่ความจริงโง่เหลือเกิน! พอฝึกก็เสียงหาย ชัดเจนแล้วว่าซึมซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้แล้ว แบบนี้ก็หมายความว่ากระบี่ตระกูลหลี่ก็อยู่รอบๆ ตัวหรือพกติดตัวตลอดเลยอย่างนั้นน่ะสิ”
“ถ้าไว้ข้างตัวคงชัดเจนเกินไป…งั้นแปลว่าพกติดตัวสินะ’
หยวนซั่วครุ่นคิด จากนั้นก็รู้สึกเหนือคาดเล็กน้อย “หน็อยแน่ กระบี่ตระกูลหลี่ไม่ธรรมดาเลย! ฉันนึกว่าเป็นกระบี่เล่มใหญ่จริงๆ แต่กลับเป็นแค่จี้หยกเล็กๆ เองเหรอ”
หากหลี่ฮ่าวอยู่ด้วย เกรงว่าได้ยินแล้วคงหนังศีรษะชาวาบไปแล้ว!
ส่วนหยวนซั่วนึกถึงจี้หยกที่หลี่ฮ่าวเคยพกติดตัวก็ส่ายศีรษะอีกครั้งและหลุดเสียงขำออกมา “เก่งจริงๆ กระบี่เล่มนี้คงไม่ธรรมดา! ฉันไม่รู้สึกถึงความต่างอะไร แถมยังเล็กขนาดนี้…ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเคยเห็นมาก่อน ฉันคงเดาไม่ได้ว่าเป็นกระบี่ของตระกูลหลี่ด้วยซ้ำ!”
“สืบทอด ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ให้หมอนี่ไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นใดบ้าง…ปิดผนึกมาตั้งหลายปี ใช่ว่ากระบี่เล่มนั้นจะเหลือพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่มาก โชคดีอาจจะเกินความคาดหมาย แต่ถ้าโชคร้ายหลังจากดูดซับเข้าไปแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงระดับสิบสังหาร อย่างน้อยระดับห้าสังหารหรือระดับหกสังหารก็คงถึงละมั้ง?”
หยวนซั่วคาดคะเนจากประสบการณ์ตนสักหน่อย แต่ก็ยังไม่รับประกันอยู่ดี
เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น
พลังเหนือธรรมชาติที่ปรากฏตั้งแต่สิบห้าปีก่อน ต่อให้ในสิบห้าปีนี้ไม่มีการพัฒนาอะไรเลย เกรงว่าระดับที่อ่อนที่สุดก็คงเป็นขั้นทะลวงร้อยไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับมือไหว
กระทั่งเลยขั้นทะลวงร้อยไปแล้ว หรือบรรลุวิถีนักสู้ขั้นพันยุทธ์ไปแล้วก็ได้!
ถ้าเช่นนั้นอาวุธปืนก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย
อานุภาพรุนแรงเกินไป ยังไม่ทันฆ่าศัตรูก็ถูกศัตรูชิงฆ่าไปเสียก่อน
……
ขณะเดียวกับที่หยวนซั่วคิดเรื่องพวกนี้อยู่ หลี่ฮ่าวก็ดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไม่หยุดหย่อน
เยอะจัง!
ดีกว่าน้ำแช่จี้หยกกระบี่ตั้งมากโข หลี่ฮ่าวยังมีสติครบถ้วนดี ณ ตอนนี้เขานอนเงยหน้าขึ้นฟ้า ในใจก็สั่นไหวพลางคิดว่า ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ของอาจารย์สุดยอดจริงๆ ซึมซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้จริงและรวดเร็วมากด้วย
ศักยภาพร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่เนืองๆ
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวถึงขั้นรู้สึกได้ถึงโซ่ตรวนเป็นเส้นๆ ดำรงอยู่ภายในร่างกายกำลังปิดผนึกพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่ ไม่อย่างนั้นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติก็จะเข้าไปในจุดสำคัญของร่างกายเช่นหัวใจหรือสมอง
“กลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ”
หลี่ฮ่าวคาดเดาในใจ หรือว่านี่ก็คือกลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติที่หลิวเยี่ยนเคยพูดเอาไว้ กลอนที่ล็อกพลังเหนือธรรมชาติกับกักกันให้ห่างไกลจากโลกมนุษย์ธรรมดาหรือเปล่านั้น
“คิดมากไปแล้ว!”
ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก จากนั้นหลี่ฮ่าวก็รู้สึกเหมือนจะดูดซับเข้าไปมากแล้วจนร่างกายแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ความรู้สึกนี้เหมือนดื่มน้ำที่ผสมพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปมากกว่าสิบแก้วด้วยซ้ำ!
“ฝึกศิลปะการต่อสู้!”
วินาทีถัดมาหลี่ฮ่าวก็เด้งตัวลุกในทีเดียวจนเอาศีรษะไปชนเข้าอย่างจัง
แสงดาราบนตัวเฉิดฉาย!
เจ้าเสือดำข้างๆ เบิกตากว้างแล้วแลบลิ้นเลียไม่หยุด
ไม่เพียงเท่านี้เพราะเหมือนเจ้าเสือดำจะรู้อะไรบางอย่างเข้า จู่ๆ ขาทั้งสี่ก็ชี้ขึ้นฟ้า จังหวะหายใจของมันกลับเป็นจังหวะเดียวกับหลี่ฮ่าว ตอนที่หลี่ฮ่าวฝึก ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ แต่ไม่ได้ปิดบังเจ้าหมอนี่ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะปิดบังสุนัขตัวหนึ่งอยู่แล้ว
วินาทีนี้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติที่แผ่ออกจากตัวหลี่ฮ่าว อยู่ๆ ก็ไม่กระจายออก แต่ทะลักสู่ตัวเจ้าเสือดำแทน
เจ้าเสือดำนอนหงายยกขาขึ้นชี้ฟ้าทั้งสี่ข้าง ปรับจังหวะหายใจ ระหว่างที่หายใจเข้าออกก็มีแสงดาราแผ่ออกจากตัว!
ภายในห้องเล็กๆ คนๆ หนึ่งกระโดดห้อยโหนตัวเหมือนลิงไม่หยุด
ส่วนอีกหนึ่งสุนัขกลับเหมือนคนนอนหงายยกขาชี้ขึ้นฟ้าทั้งสี่ข้าง กำลังคายและกลืนแสงดารา ภาพชวนให้รู้สึกสยองไม่น้อย!
……………………………………………………..