STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 20-2 ค้นพบเรื่องใหม่ๆ (2)
ตอนที่ 20 ค้นพบเรื่องใหม่ๆ (2)
ตุบ ตุบ ตุบ!
เสียงสนั่นดังขึ้นติดต่อกัน พลังในร่างกายส่งผ่านมายังสองมือ เคล็ดวิชายุทธ์หมีให้ความสำคัญกับกำลังท่อนแขน เคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์แขนขาต้องทรงตัวได้ดี ส่วนเคล็ดวิชาลิงให้ความสำคัญเรื่องพลังขามากกว่า
หลิวหลงจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา จากนั้นเอ่ยเสียงเบาอย่างตื่นตาตื่นใจว่า “ศักยภาพร่างกาย…ไม่เลวเลยจริงๆ! เจ้าหมอนี่ดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปสองลูกบาศก์เท่านั้น แต่กลับสามารถก้าวกระโดดไปขั้นสิบสังหารได้จริงๆ!”
น่าเหลือเชื่อไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ศักยภาพร่างกายของหลี่ฮ่าวดีเกินไปจริงๆ
จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการเลือดไหลจากเจ็ดทวารโผล่มาเลยสักนิด
นับว่าเห็นได้ยากนัก!
นี่บ่งบอกว่าศักยภาพร่างกายของเขาอยู่ในระดับยอดเยี่ยม หลิวหลงไม่เข้าใจว่าวิชาห้าปาณภูตสุดยอดขนาดนี้เชียวหรือ
ต่อให้เป็นหยวนซั่ว ศักยภาพร่างกายก็สู้ไม่ได้หรอก
“วิชาห้าปาณภูตมีผลดีต่อศักยภาพร่างกายขนาดนี้ ทำไมร่างกายของหยวนซั่วถึงแย่ลงเรื่อยๆ ล่ะ”
หลิวหลงเอ่ยเสียงพึมพำ “หรือว่าภายหลังเขาเรียบเรียงตำราใหม่ห้าปาณภูตขึ้นใหม่ แล้วฉบับที่หลี่ฮ่าวเรียนเป็นอีกฉบับหนึ่งหรือเปล่านะ”
อวิ๋นเหยาส่ายหน้า เพราะเธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน
สุขภาพของหลี่ฮ่าวดี นั่นเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยกับตา
“น่าเสียดาย!”
ฉับพลันหลิวหลงก็ถอนหายใจส่ายหน้าเอ่ยว่า “ถ้าตอนที่หยวนซั่วยังหนุ่มๆ แล้วฝึกวิชาห้าปาณภูตฉบับนี้ ปูพื้นฐานร่างกายให้ดีไม่ให้แย่ลง ไม่ทิ้งรอยบาดแผลที่ลับๆ ไว้มากขนาดนั้น บางทีอาจจะข้ามไปอยู่ขั้นพันยุทธ์ได้ด้วยซ้ำ! ถ้าอยู่ในขั้นพันยุทธ์แล้วก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ…ปัจจุบันหยวนซั่วคงเป็นอีกหนึ่งหัวเรือใหญ่ในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติแล้ว!”
พวกเขายิ่งเห็นก็ยิ่งทึ่ง
กระทั่งหลิวเยี่ยนลงมาเห็นหลี่ฮ่าวกำลังต่อยหมัดอย่างบ้าคลั่งพลางกระโดดโลดเต้นเหมือนลิงเป็นระยะๆ หลิวเยี่ยนก็ตกใจเช่นกัน “เริ่มไปนานเท่าไรแล้ว”
“ครึ่งชั่วโมง!”
หลิวเยี่ยนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจแทบแย่ “ยังไม่ล้มไปกองกับพื้นอีกเหรอ ดูดซับได้ผลดีเกินไปหรือเปล่า! ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้บางคนดูดซับไปนิดเดียวก็ล้มแทบขยับตัวกันไม่ได้แล้ว ประสิทธิภาพการดูดซับพลังแย่จนน่าตกใจ!”
บางคนดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเส้นเลือดแตกได้จนไม่สามารถดูดซับต่อได้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องย่อยสลายเลย
หลี่ฮ่าวกลับตรงกันข้าม เขาดูดซับพลังจนตอนนี้ต่อยมวยไปราวครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปเท่าไรแล้ว นี่กลับตาลปัตรได้ผลดีเกินคาดแฮะ
หลิวหลงก็นิ่งงันไป คิดๆ แล้วก็เปิดปากเอ่ยว่า “เขาฝึกเปล่าๆ แบบนี้ไม่ได้ เธอไปเป็นคู่ซ้อมให้เขาหน่อย”
“ฉันเหรอ”
หลิวเยี่ยนหมดคำจะพูด หล่อนมองหลิวหลงแล้วมองอวิ๋นเหยาที่ยิ้มกว้างอีกที จากนั้นก็ลอบสบถในใจคำหนึ่ง นี่รังแกกันชัดๆ!
ช่างเถอะ ตรงนี้ตนน่าสงสารที่สุดแล้ว
……
หลี่ฮ่าวยังคงปล่อยหมัดออกมาไม่หยุด
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังแว่วข้างหู “พี่จะเป็นคู่ซ้อมให้นายเอง!”
หลี่ฮ่าวไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด
มีเพียงความตื่นเต้นเท่านั้น!
มาได้เวลาพอดี!
เขาในตอนนี้คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงเหนื่อยแย่ พลังในร่างกายเขายังย่อยสลายไม่หมด จนตอนนี้ก็เพิ่งหายไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังเหลืออีกครึ่งแหน่ะ
จะได้ลองซ้อมมือด้วยเลย!
“รองหัวหน้าหลิวระวังตัวล่ะ!”
หลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็คิดว่าตนแข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่พูดพร่ำทำเพลงหันหลังปล่อยกระบวนท่าใส่ทันที!
เขาไม่กลัวพลาดทำใครเจ็บตัวทั้งสิ้น เพราะพวกที่อยู่ในทีมล่าปีศาจเก่งกาจกันทุกคน
ใครเริ่มลงมือก่อนได้เปรียบ!
“พยัคฆ์ทมิฬล้วงใจ!”
หลี่ฮ่าวตะโกนเสียงดัง สองมือกางออกเหมือนกรงเล็บเสือเผยให้เห็นเส้นเลือด จากนั้นก็ตะปบหลิวเยี่ยนโดยตรง
“เสี่ยวหลี่ฮ่าว นายจะไปไหนน่ะ”
หลิวเยี่ยนยิ้มหน้าบานเป็นดอกไม้เคลื่อนตัวหนีหลี่ฮ่าวได้ในชั่วเวลาพริบตาเดียว เขายืดอกแล้วหัวเราะอย่างสดใส “มีคนมองอยู่นะ อย่าควักอะไรใครซี้ซั้วเชียว!”
หลี่ฮ่าวทำเป็นหูทวนลม!
อาจารย์เคยบอกแล้วว่าการฝึกวิชาต่อสู้ต้องมีสมาธิ อย่าสมาธิหลุดเด็ดขาด
อย่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย!
“วานรทะยานฟ้า!”
หลี่ฮ่าวตะโกนอีกที สองเท้าถีบกระโดดเด้งตัวขึ้นกลางอากาศ
หลิวเยี่ยนหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เคยสอนว่าอย่ายกเท้าเหนือพื้น นายลืมไปแล้วเหรอ”
เจ้าหมอนี่กระโดดอีกแล้ว!
นี่เป็นข้อห้ามสำคัญเลย!
เพิ่งจะยื่นแขนกระชากตัวหลี่ฮ่าวลงมา ฉับพลันหลี่ฮ่าวที่อยู่กลางอากาศก็อาศัยแรงสองข้างตะกายไปมาเหมือนอุ้งมือแมว จากนั้นก็ดันร่างตนให้สูงขึ้นไปอีกจนจับหลอดไฟบนเพดานได้
หลอดไฟเปราะบางมาก หลี่ฮ่าวแค่อาศัยแรงคว้าเพียงเล็กน้อย สองมือก็จับหมับแล้วกระโดดข้ามร่างของหลิวเยี่ยนไป
“ทำได้สวยมาก!”
อวิ๋นเหยาตะโกนขึ้นมากะทันหันพลางทำหน้าตกใจ
หลิวหลงก็พยักหน้าเช่นกัน พูดเสียงเบาว่า “กระโดดขั้นสอง อาศัยแรงกลางอากาศแล้วกระโดด เห็นได้ยากจริงๆ! แต่ว่า…นี่อยู่ภายในห้อง ถ้าอยู่ข้างนอกไม่มีเพดานช่วยหรอกนะ”
อวิ๋นเหยาหัวเราะพลางตอบเสียงเบา “ข้างนอก บางทีเขาอาจจะไม่ทำอย่างนี้แล้วก็ได้”
ไม่ว่าอย่างไรหลี่ฮ่าวก็จดจำบทเรียนครั้งก่อนได้อย่างขึ้นใจ เขาไม่ยอมถูกหลิวเยี่ยนกระชากตัวลงมากลางคัน แต่เลือกกระโดดข้ามหลิวเยี่ยนไปแล้วตะปบแผ่นหลังของหลิวเยี่ยนแทน!
ปฏิกิริยาไหวพริบเช่นนี้ สำหรับมือใหม่คนหนึ่งถือว่ายากมากแล้ว!
……
ฝั่งสนามประลอง
หลี่ฮ่าวกระโดดข้ามหลิวเยี่ยนไป แล้วหันหลังกลับตะปบแผ่นหลังหลิวเยี่ยนทันที!
ครั้นเห็นว่าตนใกล้ถูกตะปบเต็มที หลิวเยี่ยนก็คำรามเสียงต่ำทีหนึ่ง จู่ๆ ตรงหน้าหลี่ฮ่าวก็มีขายาวข้างหนึ่งโผล่มา!
หลิวเยี่ยนเตะเท้ามาด้านหลังเหมือนมีดวงตาอีกข้างอยู่ตรงก้นก็ไม่ปาน หนำซ้ำขายังคล่องแคล่วเกินคาด คนปกติเตะมาด้านหลังต้องเสียการทรงตัวและไม่มีทางเตะได้สูงแน่นอน เตะสูงถึงก้นตัวเองก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่ขณะนี้หลิวเยี่ยนเหมือนขาไร้กระดูก หล่อนเตะประชันหน้าหลี่ฮ่าวได้!
น่าอัศจรรย์จริงๆ!
การโต้กลับครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของหลี่ฮ่าว เขาคาดว่าหลิวเยี่ยนจะถอยหนี หมุนตัว หรือก้มตัว…
เพียงแต่ไม่คาดว่าอยู่ดีๆ จะยื่นเท้าเตะมาด้านหลัง!
ตู้ม!
หลี่ฮ่าวหลบไม่ทันเลยถูกปลายเท้าเตะโดนกลางจมูกเข้าอย่างจัง
พลั่ก!
เลือดกำเดาทะลักออกมาในพริบตา!
ในเวลาเดียวกันน้ำตาก็ทะลักออกมาเช่นกัน หลี่ฮ่าวทั้งเจ็บทั้งปวด น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
ให้ตายเถอะ!
เสียงสบถด่าผุดขึ้นในใจ หลี่ฮ่าวใจร้อนเลยพลาดท่าไป ตอนนี้เขาย่อตัวนั่งลงกับพื้นโดยไม่ได้กุมจมูก เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ตนเสียเปรียบ
หลิวเยี่ยนอาจจะคิดว่าเตะโดนหลี่ฮ่าวเข้าแล้ว หลี่ฮ่าวคงยอมรามือ
แต่ใครจะคิดว่าหลี่ฮ่าวอยากขอเอาคืนสักตั้งในเมื่อเสียเปรียบไปแล้ว
ชั่ววินาทีที่หลิวเยี่ยนชักขากลับ หลี่ฮ่าวเลือดกำเดาพุ่ง น้ำตาไหลจนภาพตรงหน้าพร่ามัว แต่ยังคงยื่นเท้าเตะไปอย่างแรงซึ่งครั้งนี้ไม่ได้เตะสูงเท่าไรนัก
ทว่าเตะโดนบั้นท้ายหลิวเยี่ยนพอดี!
หลิวเยี่ยนที่กำลังผ่อนแรงชักขากลับไม่ทันหลบ ยังไม่ทันทรงตัวดีก็ถูกหลี่ฮ่าวเตะใส่โดยไม่ทันตั้งตัว หล่อนเลยตัวไถลไปข้างหน้าเจ็ดแปดก้าวถึงหยุดทรงตัวได้
สายตาอาฆาตของหลิวเยี่ยนที่หันมองไปทางหลี่ฮ่าวแทบลุกเป็นไฟ!
ส่วนหลิวหลงกับอวิ๋นเหยาที่อยู่ข้างๆ กลับทำสีหน้าตกตะลึง ทั้งคู่ต่างยืนเงียบกริบท่ามกลางความเงียบในห้องใต้ดินที่น่าตกใจนี้
หลี่ฮ่าวตอบโต้กลับในขณะที่โดนเตะจมูกเลยเหรอ!
อีกทั้ง…ยังเตะโดนบั้นท้ายหลิวเยี่ยนทีหนึ่งจนทำเอาอีกฝ่ายกระเด็นไปข้างหน้า นี่…เป็นสิ่งที่หลิวหลงคิดไม่ถึง
“หลี่ฮ่าว!”
หลิวเยี่ยนเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย
ส่วนวินาทีถัดไป หลี่ฮ่าวก็กุมจมูกย่อตัวนั่งกับพื้นร้องโอดครวญ
“อ๊าก! เจ็บ! พี่หลิว สันจมูกผมหักเพราะพี่เลย…”
ไฟโทสะที่สุมเต็มอกดับมอดลงไปไม่น้อย
หลิวเยี่ยนทั้งโมโหทั้งโกรธ แต่ก็ระอาใจหน่อยๆ สันจมูกโดนเตะหักอย่างนั้นเหรอ?
หล่อนก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำหมอนี่เจ็บตัวสักหน่อย ใครใช้ให้หลี่ฮ่าวกระโดดข้ามไปที่ด้านหลังเธอแบบนั้นล่ะ เธอก็ต้องตอบโต้กลับตามสัญชาตญาณ ผลปรากฏว่า…เตะสันจมูกหักจริงๆ
เธอไม่ได้แรงน้อยเลย!
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
พูดยังไม่ทันจบจู่ๆ ก็นึกถึงการตอบโต้ของหลี่ฮ่าวเมื่อครู่ขึ้นมาได้ หลิวเยี่ยนก็มีน้ำโหขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะนี้เองอวิ๋นเหยาก็ถลาเข้ามา จับมือหลี่ฮ่าวออกแล้วลูบจมูกเขาเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “ไม่หัก ไม่เป็นอะไรมาก พักสักก็หายแล้ว!”
“…”
หลี่ฮ่าวมองอวิ๋นเหยาในสภาพน้ำตาคลอเบ้า!
ผู้หญิงคนนี้จงใจสินะ
รู้น่าว่าไม่ได้หัก!
ไม่ใช่เพราะว่าเตะหลิวเยี่ยนจนตัวปลิวหรือไง แถมเตะในตำแหน่งที่ไม่ค่อยถูกต้องด้วยถึงได้ตั้งใจทำตัวให้ดูน่าสงสาร
เวลานี้แบบนี้จะมาเช็กดูอาการเราทำไมกันเล่า!
หลิวเยี่ยนที่ได้ยินก็เลิกคิ้ว ขณะที่ไฟโทสะกำลังจะปะทุหลิวหลงก็เอ่ยเสียงน่าเกรงขามออกมา “พอได้แล้ว หลี่ฮ่าว ทำได้ดีมาก!”
ว่าแล้วก็มองไปทางหลิวเยี่ยน พูดเสียงนิ่งว่า “การตอบโต้จากคนที่ไม่ใช่ปรมาจารย์นักรบคนหนึ่ง เธอกลับถูกเตะได้!”
หลิวเยี่ยนทำท่าอึกอักพูดไม่ออก
หลิวหลงพูดเสียงนิ่งขรึม “หลิวเยี่ยน ภารกิจของเราอันตรายแค่ไหนเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ! เธอชะล่าใจไปนะ!”
หลิวเยี่ยนเงียบ
ชะล่าใจไปหรือ
เข้าใจผิดแล้ว
เธอออมแรงไว้เพราะหลี่ฮ่าวไม่ใช่ศัตรูต่างหาก หนำซ้ำยังอ่อนแอมากด้วย เธอกลัวจะทำหมอนี่ตาย แต่ว่า…เมื่อกี้เธอก็พลาดไปจริงๆ ที่ถูกหลี่ฮ่าวเตะเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว
ถ้าอยู่ระหว่างภารกิจ เธอตายแน่!
“ฉัน…”
สุดท้ายหลิวเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรพลางรู้สึกขุ่นมัวใจเล็กน้อยปนระอาแล้วหันหลังเดินจากไป
ส่วนหลี่ฮ่าวที่น้ำตาคลอเบ้ามองแวบหนึ่งโดยไม่กล้าปริเสียง
คือว่า…ตรงก้นของหลิวเยี่ยนยังมีรอยเท้าอยู่แหนะ!
หลิวหลงก็ไม่บอกอะไร ถือว่ามองไม่เห็นแล้วกัน
อวิ๋นเหยากลับมองแวบหนึ่งแล้วหัวเราะพลางตบไหล่หลี่ฮ่าวแล้วหัวเราะพูดเสียงเบาว่า “น้อยคนที่จะทำเธอเสียเปรียบได้ นายเกินคาดมากจริงๆ!”
หลี่ฮ่าวคิดในใจ เขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย
อีกอย่างนี่เป็นการประลองนี่นา หากจะเกิดอุบัติเหตุบ้างก็เป็นธรรมดา
เราเสียเปรียบมากกว่าอีก!
………………………………………………………………………