STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 24-3 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (3)
- Home
- STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา
- ตอนที่ 24-3 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (3)
ตอนที่ 24 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (3)
หลี่ฮ่าวทำหน้าให้ความสนใจ
หยวนซั่วพูดเสียงเบา “หากคนเบื้องหลังอ่อนแอ ฉันจัดการได้หมดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมาก แค่คำเดียว ฆ่าทิ้งซะ! แต่ถ้าอีกฝ่ายมีคนที่อยู่ระดับขั้นสุริยะพรายคงแย่หน่อย ต่อให้ฉันต่อกรได้บ้าง แต่ปัญหาใหญ่จะมาตกที่เธอ”
“ดังนั้นถ้ามีคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ตอนนี้อีกฝ่ายก็ไม่มีทางอยู่เมืองหยินแน่นอน! ฆ่าคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าสุริยะพรายทิ้ง แต่ต่อให้สุริยะพรายมาจริงๆ ก็จัดการก่อนแล้วค่อยบอกว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นฝ่ายฆ่าก็สิ้นเรื่อง!”
“ทางฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลก็มีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่เหมือนกัน สามถึงห้าคนที่แกร่งกว่าฉันตามที่ฉันบอก ครึ่งหนึ่งเป็นคนของผู้พิทักษ์รัตติกาลล่ะ!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า
อาจารย์จะทำอะไรก็คงดูแต่ละคนไป
รอบคอบหน่อยก็ดีเหมือนกัน!
อีกอย่างถึงเขากับหยวนซั่วไม่พูด แต่ในใจทั้งคู่ต่างรู้ดี
คนหนึ่งวางแผนมาได้ตั้งหลายปี อีกอย่างลองนึกถึงจุดแข็งของพลังแสงดาราในจี้หยกกระบี่ หากอีกฝ่ายแย่งชิงสมบัติชิ้นอื่นๆ ไปได้ก็แปลว่าแข็งแกร่งขึ้นมากไม่ใช่เหรอ
หยวนซั่วสามารถก้าวเป็นพันยุทธ์ได้ แล้วทำไมอีกฝ่ายจะไม่ถือโอกาสนี้ก้าวสู่ระดับขั้นที่สูงกว่าล่ะ
ทั้งสองคนไม่พูดอะไร เพราะกลัวจะทำลายความมั่นใจของกันและกัน
หยวนซั่วประเมินว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าตนจริงๆ ไม่อยู่เมืองหยินแน่ๆ กระทั่งไม่อยู่ในหยินเยวี่ยด้วยซ้ำ เช่นนั้นก็คงบงการอะไรได้ง่ายขึ้น
พอนึกถึงจุดนี้เขาก็พูดอีกว่า “อีกอย่างจี้หยกของเธอก็คือจี้หยก! เดี๋ยวออกจากที่นี่ไป ฉันจะเตรียมกระบี่ให้เธอหนึ่งเล่ม!”
“วัตถุเหนือธรรมชาติ!”
หยวนซั่วแสยะยิ้มเย็น “กระบี่ของเธอยังไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครเคยรู้ว่ากระบี่ตระกูลหลี่หน้าตาเป็นยังไงกันแน่ สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่เธอแล้วไม่ใช่หรือไง คนธรรมดาอย่างเธอ หากบนตัวมีวัตถุเหนือธรรมชาติอยู่หนึ่งอย่าง ก็ต้องเป็นกระบี่ตระกูลหลี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แน่นอนว่าต้องดีหน่อย จะเป็นของแย่ๆ ไม่ได้!”
นึกถึงจุดนี้แล้ว หยวนซั่วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา “ในช่วงเวลาที่ผู้พิทักษ์รัตติกาลคอยจับตาดูฉันตลอดหลายปีมานี้ ฉันเก็บสะสมของดียากมาก เอาเถอะๆ หลายปีก่อนฉันได้กระบี่เล่มงามมาหนึ่งเล่ม รับรองว่าเป็นของดีแน่นอน!”
ขณะที่พูด แววตาก็วูบไหวพร้อมไปด้วย “จะว่าไปก็เหมาะสมมากจริงๆ นั่นแหละ! กระบี่เล่มนั้นถูกเปิดผนึกแล้ว ภายนอกไม่มีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอะไรปรากฏให้เห็น แต่ภายในกักเก็บพลังเอาไว้ ฉันยังสงสัยเลยว่าเป็นสมบัติที่สืบทอดของตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่ถูกค้นพบจากสถานโบราณเหมือนกัน”
หลี่ฮ่าวอดพูดไม่ได้ว่า “อาจารย์ครับ กระบี่ของอาจารย์ ไม่แน่อาจจะมีค่ามากกว่าของผม แบบนี้อาจารย์ก็ขาดทุนสิครับ”
เขาเข้าใจความหมายของหยวนซั่วดี กลยุทธ์หลี่ตายถาวไง![1]
แต่ถ้าของตนไม่ได้แพงเท่ากระบี่เล่มนั้น แบบนี้ก็ขาดทุนน่ะสิ
“เป็นไปไม่ได้หรอก!”
หยวนซั่วส่ายศีรษะ ของหลี่ฮ่าวย่อมมีค่ามากไม่น้อย อันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากอยู่แล้ว
เขาไม่อธิบายใดๆ อีกแต่รีบเอ่ยว่า “เดี๋ยวตอนเธอกลับไปอย่าลืมเอาไปด้วย! ฉันไม่ต้องบอกเธอก็น่าจะรู้ว่าเจ้าของสิ่งนี้ใช้อย่างไร ถ้าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ฉันก็ช่วยไม่ได้ เธอก็ทิ้งกระบี่ไปดูว่าจะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ไหม ถ้าศัตรูถูกฉันหรือคนของผู้พิทักษ์รัตติกาลฆ่าตาย…ทางที่ดีเธอก็ควรทิ้งกระบี่ไปซะ ทิ้งให้คนของผู้พิทักษ์รัตติกาล ไม่อย่างนั้นหายนะครั้งนี้คนของผู้พิทักษ์รัตติกาลคงเป็นแพะรับบาปแทนยาก!”
สองอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนตกลงกันเสร็จสรรพ
อ่อนแอก็กำจัดทิ้ง
แข็งแกร่งก็กำจัดทิ้งแล้วให้คนพิทักษ์รัตติกาลเป็นแพะรับบาปไป แน่นอนว่ามีเงื่อนไขคือถ้าคนของผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องการกระบี่เล่มนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นหายนะก็จะตกเป็นของหลี่ฮ่าวอยู่ดี
ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะต้องการไหมนะ
หยวนซั่วพูดขนาดนี้แล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะรับไว้ย่อมมีมาก
ส่วนเรื่องจะรู้สึกผิดหรือไม่นั้น หยวนซั่วไม่รู้สึกผิดสักนิด ความจริงหลี่ฮ่าวก็ไม่รู้สึกผิดเช่นกัน ในเมื่อผู้พิทักษ์รัตติกาลเอากระบี่ไปก็สมควรเป็นแพะรับบาป จะมาโทษเขาไม่ได้
……
กระทั่งพูดคุยไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
ณ ตอนนี้หยวนซั่วเอากระบี่ออกมาแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นหยวนซั่วยังย้อมผมตัวเองให้เป็นสีขาว ดูท่าทางคนแก่ท่านนี้ไม่คิดจะเปิดเผยความจริงในเวลาอันสั้นนี้
กระบี่ที่หยวนซั่วให้ก็ไม่ถือว่าใหญ่มาก
ขนาดใหญ่กว่าจี้หยกเล็กน้อย แค่มองปราดเดียวก็ดูออกว่าเป็นกระบี่หนึ่งเล่ม เพียงแต่ขนาดพอๆ กับมีดสั้น สามารถพกพาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงได้ ถือว่ากะทัดรัดพอตัว
หลี่ฮ่าวมองแวบหนึ่ง ความจริงเขาสามารถมองเห็นพลังลี้ลับแข็งแกร่งที่ปกคลุมอยู่หนึ่งขั้นได้อย่างเลือนราง
เขาทำใจรับกระบี่เล่มนี้ไว้ไม่ได้จริงๆ บางทีอาจารย์อาจมีของดีขนาดนี้แค่เพียงชิ้นเดียว แต่สุดท้ายก็ต้องมอบให้ตนเพื่อลดปัญหาความวุ่นวาย
“รีบกลับไปเถอะ!”
หยวนซั่วจัดการทุกอย่างเสร็จก็พูดย้ำอีกครั้ง “อย่ากังวลมากไป ฉันจะไม่ติดตามเธอตลอด แต่ถ้ามีเรื่องเมื่อไรฉันจะโผล่ไปหาทันที! สิ่งที่เธอต้องทำก็คือห้ามถูกอีกฝ่ายกำจัดทิ้งในเวลาชั่วพริบตาเดียวก็พอ!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า
หยวนซั่วคิดๆ แล้วก็พูดอีก “การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องจำเป็นเหมือนกัน! เธอเข้าสู่ระดับสิบสังหารก็จริงแต่ใช่ว่าจะเก่งแล้ว สิบสังหารเองก็แบ่งระดับคนแข็งแกร่งและอ่อนแอชัดเจนมาก เก้าสิบเก้าสังหารก็นับว่าเป็นสิบสังหาร แน่นอนว่าแค่พูดเกินจริงไปอย่างนั้น แต่ระยะห่างก็ยังมีมากพอควร”
จากนั้นก็คิดได้ว่าในระยะอันสั้นแค่นี้ เกรงว่าหลี่ฮ่าวคงยากจะพัฒนาตัวเองได้
เดิมทีหยวนซั่วคิดจะให้หลี่ฮ่าวกลับไปเสีย แต่ฉับพลันก็เอ่ยรั้งเขาไว้ก่อน “ช่างเถอะ เธอไม่เคยผ่านการต่อสู้จริงๆ มาก่อน ความจริงเมื่อก่อนสิ่งที่สอนเธอไปเป็นแค่วิธีการดูแลตัวเอง การต่อสู้ที่แท้จริง บางอย่างก็ใช้งานไม่ได้จริง หลังจากจบเรื่องนี้ฉันจะสอนชดเชยให้เธอแน่นอน!”
ตอนนี้มีเวลาไม่มากพอ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจ “ตอนนี้ฉันจะสอนวิธีโจมตีอันร้ายกาจวิธีหนึ่งให้เธอหน่อย! นี่ไม่ใช่หนึ่งในเคล็ดวิชาห้าปาณภูต เรียนไม่ยาก แต่ใช้ปกป้องชีวิตได้!”
หลี่ฮ่าวดวงตาเป็นประกาย!
ร้ายกาจหรือ
ไม่ได้ยินสักนิด!
เราไม่สนหรอก เราแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น
หยวนซั่วไม่ได้ออกไปข้างนอกแต่ยืนอยู่กลางห้องรับแขก ตั้งท่าที่ดูเหมือนท่าปกติทั่วไป
“ปรมาจารย์นักรบรับมือกับศัตรูยังจำเป็นต้องเข้าไปประชิดตัว โดยเฉพาะปรมาจารย์นักรบระดับสามอย่างเธอ!”
“เธอไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการโจมตีรุนแรงอะไรเพราะเธออาจจะไม่ได้ใช้ ถ้าโจมตีรุนแรงได้จริงคงไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว…”
“วันนี้จะสอนท่า ‘มือหมอคืนชีวิต’ ให้เธอก่อน นี่เป็นวิธีหนึ่งที่ฉันค้นพบจากตำราโบราณ”
มือหมอคืนชีวิต!
ชื่อนี้ฟังดูตรงไปตรงมาจัง ถึงขั้นเหมือนเป็นทักษะเฉพาะของสายอาชีพแพทย์
แต่แล้วสิ่งที่หยวนซั่วทำให้ดู หลี่ฮ่าวก็รู้แล้วว่ามือหมอคืนชีวิตหมายถึงอะไร
เขาเห็นเพียงหยวนซั่วโบกไม้โบกมือไปมาเหมือนกำลังเริงระบำอะไรสักอย่าง ทั้งที่มีแค่มือสองข้าง แต่วินาทีถัดมาพลันก็โผล่แขนข้างที่สามมาให้เห็น!
ใช่แล้ว แขนข้างที่สาม!
ในชั่วขณะที่แขนข้างที่สามปรากฏ แขนข้างนี้ก็ล้วงไปตรงเป้ากางเกงของหลี่ฮ่าวแล้ว!
โดยไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ!
ความจริงในเคล็ดวิชาลิงก็มีกระบวนท่าลิงขโมยลูกท้อ เพียงแต่ไม่ได้สร้างความงุนงงมากเท่านี้ พอลงมืออีกฝ่ายก็อาจรู้ทันได้ว่าเจาะจงเล็งมาที่ส่วนล่างของเขา
แต่ ‘มือหมอคืนชีวิต’ นี้กลับปรากฏแขนข้างที่สามโผล่มา!
หลี่ฮ่าวตกใจจนหน้าซีดเผือด!
ขณะนี้หยวนซั่วอมยิ้ม เก็บมือแล้วยิ้มเอ่ย “มือหมอคืนชีวิต จุดสำคัญอยู่ที่มือซึ่งทำให้คนตั้งตัวไม่ทัน! ความจริงในตำราโบราณบันทึกไว้ว่าเป็นวิชาโจรอย่างหนึ่ง! ในยุคอารยธรรมโบราณก็มีคนลามกจกเปรตแบบนี้เหมือนกัน เอาไว้ขโมยปล้นของ! ฉันแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ปรับแก้เป็นกระบวนท่าที่เหมาะกับการจู่โจมซึ่งๆ หน้า!”
ขณะที่ประลองกัน จู่ๆ มีมืออีกข้างโผล่มา แล้วแบบนี้ใครจะป้องกันตัวได้ทัน
“อาจารย์ ทำไมถึงมีแขนอีกข้างโผล่มาได้ล่ะครับ”
หลี่ฮ่าวยังสงสัยไม่หาย วิชานี้ดูเหมือนไม่ยาก แต่แขนอีกข้างที่โผล่มา มาจากไหนกันนะ
เขามองละเอียดดีแล้ว ตอนนี้หยวนซั่วมีแขนแค่สองข้างเท่านั้น
“นี่ละแก่นแท้ ความจริงง่ายมาก มนุษย์มีแขนแค่สองข้าง แขนข้างที่สามย่อมเป็นของปลอม!”
หยวนซั่วเริ่มอธิบายให้หลี่ฮ่าวฟัง หนึ่งในสามแขนนี้มีของปลอม แต่จำเป็นต้องทำของปลอมให้ดูเหมือนของจริง หนำซ้ำยังต้องคอยเก็บซ่อนไว้กับตัวอย่างดี นี่ต่างหากความยากของมัน
สองคนอาจารย์ลูกศิษย์ศึกษากันอยู่พักหนึ่ง กระทั่งหลี่ฮ่าวพอจะเรียนรู้ได้คร่าวๆ เข้าใจถึงแก่นแท้ของมันถึงยอมรามือจากเรื่องนี้ไป
……
ไม่นานหลี่ฮ่าวก็ออกมาจากลานบ้านเล็ก
ข้างนอกคนที่เคยขวางทางก็หายไปแล้ว
กระทั่งออกห่างจากลานบ้านมาสักระยะ หลี่ฮ่าวถึงรู้สึกถึงการสะกดรอยตามของใครบางคน เขาพอจะสัมผัสได้เพราะเขาเห็นประกายแสงดาราแวบๆ ซึ่งก็คือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ!
คงเป็นผู้ชายคนก่อนหน้านี้ ผู้หญิงถูกอาจารย์เตะจนบาดเจ็บสาหัสคงไม่หายดีในเวลาอันสั้นนี้หรอก
หลี่ฮ่าวทำหน้าเฉยเมยราวกับมองไม่เห็น จากนั้นก็ปั่นจักรยานหายตัวไปอย่างว่องไว
……
จวบจนหลี่ฮ่าวจากไป หูฮ่าวถึงปรากฏตัว
เขามองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่ลานบ้านเล็กอีกทีด้วยความฉงนน้อยๆ หยวนซั่วสอนอะไรหลี่ฮ่าวกันนะ อาจารย์ลูกศิษย์อยู่ด้วยกันตั้งหลายชั่วโมง
“ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าหยวนอาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้างแล้ว…”
เขาถอนหายใจเสียงเบาเฮือกหนึ่งอย่างระอาใจเล็กน้อย อย่าตายเชียว ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เขากับหลี่เมิ่งต้องซวยแน่
………………………………………………………………..
[1] กลยุทธ์หลี่ตายแทนถาว เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึงการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เสียเปรียบในศึกสงคราม