STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 25-2 พึงพอใจอย่างมาก (2)
ตอนที่ 25 พึงพอใจอย่างมาก (2)
หวังหมิงรีบข่มความหิวกระหายในใจอย่างรวดเร็ว
ของสิ่งนี่ใช่ว่าจะเอามาได้ง่ายๆ สักหน่อย
เขาสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารบางอย่างในกระบี่เล็กเล่มนี้อยู่รางๆ เกรงว่ากระบี่เล่มนี้คงไม่ธรรมดา ดูเหมือนจะลึกลับเสียยิ่งกว่าวัตถุเหนือธรรมชาติที่เขาเคยเจอมาเสียอีก
“เหมือนว่าจะถูกปิดผนึกไว้อยู่!”
เขาแอบรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่ากระบี่เล่มนี้น่าจะอยู่ในสภาวะปิดผนึก
มิน่าก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครสนใจอาวุธของแปดตระกูลใหญ่เหล่านี้เลย
อาจเป็นเพราะพลังเหนือธรรมชาติเพิ่งถูกขุดขึ้นมาไม่กี่ปีมานี้ อาวุธเหล่านี้เพิ่งหลุดพ้นจากเงามืด ค่อยๆ คลายผนึกที่ปิดไว้แล้วเผยไม้เด็ดที่แตกต่างจากคนอื่น จากนั้นก็ถูกคนสัมผัสได้ กระทั่งค้นพบพลังลี้ลับในนั้น
‘นี่ถึงสามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่แก่งแย่งกระบี่นี้ไปโต้งๆ อาจเพราะต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเปิดผนึกเจ้ากระบี่เล่มนี้!’
หวังหมิงแอบครุ่นคิดวิเคราะห์ในใจ เขาเองก็ไม่ได้โง่
เพราะไม่นานก็จับจุดสำคัญบางอย่างได้
จากนั้นเขาก็มองแผ่นหลังหลี่ฮ่าวอย่างนึกเสียดาย คนๆ นี้อาจเป็นลูกหลานของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมือฉมังในอดีตจริงๆ
น่าเสียดายจัง!
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไป สมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้กลับกลายเป็นยาพิษที่อันตรายถึงชีวิต
ผู้พิทักษ์รัตติกาลเคยตามสืบพบว่าในบรรดาแปดตระกูลใหญ่ บัดนี้ผู้สืบทอดที่แท้จริงอาจจะเหลือหลี่ฮ่าวเพียงคนเดียวแล้ว
อย่างแรกเลยก็คือหลี่ฮ่าวเป็นผู้สืบทอดกระบี่ของตระกูลหลี่
ก่อนหน้านี้เขายังไร้หนทางจะมั่นใจได้เต็มร้อย แต่ตอนนี้…หวังหมิงมั่นใจเต็มร้อยแล้ว
ตอนนี้ในมือของเขากำลังถือกระบี่ของตระกูลหลี่อยู่!
“พี่ฮ่าวครับ กระบี่เล่มนี้ดูดีมากจริงๆ!”
หวังหมิงแสดงท่าทีสนอกสนใจแล้วเปิดปากเอ่ยถาม “พี่ฮ่าวครับ ขายไหม?”
“ไม่ขายหรอก!”
หลี่ฮ่าวปฏิเสธโต้งๆ “อย่ามาสนใจกระบี่เล่มนี้เลย นี่เป็นสมบัติสืบทอดของตระกูล ถ้าฉันกล้าขาย พ่อฉันคงปีนขึ้นมาจากหลุมศพใต้ดินเพื่อตบฉันแล้ว! อีกอย่างความจริงฉันเคยลองทดสอบมาก่อน มันก็เป็นแค่เหล็กธรรมดาราคาไม่เท่าไรเอง…”
“จะว่าอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ แต่ละคนมีงานอดิเรกและความสนใจเป็นของตัวเอง ถ้าพี่ฮ่าวอยากขาย ผมเองก็สนใจพอดี ถ้าแพงไปคงไม่กล้ารับปาก แต่ถ้าสักแสนสองแสนผมยังพอสู้ไหวครับ!”
“แพงขนาดนั้นเชียว”
หลี่ฮ่าวตกใจสุดขีด “แสนสองแสนเลยเหรอ?”
ครั้นหวังหมิงสังเกตเห็นว่าเขาขี่รถช้าลงพลันก็ลอบถอดถอนใจ ท้องฟ้าหรือผืนดินที่ทุกคนมองเห็นล้วนไม่เหมือนกัน นับว่าพวกเขามองแตกต่างกันมากจริงๆ
แสนสองแสนอย่างนั้นเหรอ?
หากเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติขั้นสุริยะพรายจริงๆ อย่าว่าแต่แสนสองแสนเลย ต่อให้เพิ่มทวีคูณเป็นอีกร้อยเท่าเหล่าผู้กล้าขั้นสุริยะพรายก็ยังไม่มีปัญหาเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับเงินแค่ร้อยล้านเหรียญดารากันล่ะ?
ทั่วทั้งมณฑลหยินเยวี่ยมีประชากรนับร้อยล้าน แต่ผู้กล้าสุริยะพรายมีแค่กี่คนกัน?
มีใครไม่ปรารถนาอยากได้มันมาบ้าง แค่ไม่กี่เหรียญดาราเอง เงินแค่นี้แทบไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเขาไม่เสนอราคาสูงนัก ไม่อย่างนั้นหลี่ฮ่าวคงไม่หวั่นไหวแต่กลับคลางแคลงใจมากกว่า
“ใช่แล้ว ถ้าแสนสองแสนยังพอคุยกันได้ พี่ฮ่าวขายกระบี่เล่มนี่แล้ว ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนบ้านหลังใหม่ได้เลยนะ”
หลี่ฮ่าวรีบพยักหน้าแล้วรีบคำนวณอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกกล่าว “นายอย่ามาล้อฉันเล่นนะ ตอนนี้ย่านตัวเมืองของเมืองหยิน หมู่บ้านแถวๆ กองตรวจการณ์ของเราราคาประมาณ 3000 เอง ถ้าขายได้สองแสนจริงๆ เปลี่ยนเป็นบ้านชุดได้สองห้องเชียวล่ะ!”
หวังหมิงนึกว่าเขาสนใจขึ้นมาจริงๆ เลยยิ้มกล่าว “ใช่แล้ว! แน่นอนสิ แต่ช่วงนี้ผมยังไม่มีเงินหรอกนะครับ รอวันหยุดกลับบ้านไปก่อนค่อยขอจากทางบ้าน แล้วพี่ฮ่าวก็เล่าประวัติความเป็นมาของกระบี่เล่มนี้ให้ฟังด้วยนะครับ”
ตอนนี้เขายังเอาไปไม่ได้
เขาต้องใช้หลี่ฮ่าวเป็นหนูทดลองไปก่อน
หากตอนหลังหลี่ฮ่าวยังปลอดภัยดีและกระบี่ยังอยู่ในมือเขา แบบนั้นถึงจะคุยเรื่องซื้อขายกันได้
ส่วนเรื่องแก่งแย่งนั้น….ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่คุ้มที่จะเสี่ยงทำอยู่แล้ว
ในสถานการณ์ทั่วไปก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นเช่นกัน
ตอนนี้หวังหมิงรู้สึกว่าภารกิจของตนใกล้สำเร็จในเวลาอันสั้นนี้แล้ว
หลังจากมั่นใจในสถานะของหลี่ฮ่าวและยืนยันได้ว่ากระบี่ของตระกูลหลี่มีอยู่จริง กระทั่งเห็นเองกับตาและเล่นมาเองกับมือจนมั่นใจว่าเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติจริงๆ เช่นนั้นเป้าหมายต่อไปของอีกฝ่ายก็คือหลี่ฮ่าวแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!
ขณะที่พูดคุยกันไปก็มาถึงร้านอาหารแล้ว
หวังหมิงลงจากรถแล้วพุ่งเข้าไปสั่งอาหารในห้องอาหารส่วนตัวก่อน พร้อมถือโอกาสรอเฉินน่าด้วยเลย ส่วนหลี่ฮ่าวกำลังไปหาที่จอดรถจักรยาน
……
ณ ริมถนน
หลังจากหลี่ฮ่าวจอดรถจักรยานเสร็จก็หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา จากนั้นก็กดโทรไปยังเบอร์หนึ่ง
“ว่ามา!”
หลิวหลงยังคงเสียงเข้มเย็นชาเช่นเคย
หลี่ฮ่าวกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขากดเสียงต่ำลงแฝงไปด้วยความไม่สบายใจเอ่ยขึ้นว่า “ลูกพี่ครับ เครื่องสื่อสารของเราจะถูกดักฟังไหมครับ”
“ไม่หรอก!”
หลิวหลงพูดจากระชับสั้นๆ เหมือนเคย เวลานี้เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาแล้ว
“นายอยู่ที่ไหน?”
“ร้านอาหารอวี้เหอครับ!”
“เกิดอะไรขึ้น”
หลี่ฮ่าวข่มอารมณ์ตื่นเต้นไว้ไม่ไหว เขาพยายามกดเสียงต่ำอีกครั้งจนแทบไม่ได้ยินว่า “ลูกพี่ครับ ผม…เหมือนผมจะถูกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจับตามองอยู่! ไม่ใช่ถูกจับตามองอย่างนั้นแต่อยู่ข้างกายผมเลยมากกว่า ห้องเก็บแฟ้มคดีของเรามีสมาชิกมาใหม่ชื่อหวังหมิง! เมื่อครู่เขาซ้อนจักรยานที่ผมขี่เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน คือว่า…ตระกูลผมมีของสืบทอดเก่าแก่อย่างหนึ่งซึ่งผมชอบพกติดตัวเสมอ เขารั้นจะขอดูให้ได้ ผมคิดว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าแค่ดูก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่า…ตอนที่เขาสัมผัสของสืบทอดเก่าแก่นั้น…ผมรู้สึกได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาครับ!”
ของสืบทอดเก่าแก่? หลิวหลงเข้าใจในทันทีว่านั่นคือกระบี่ของตระกูลหลี่นั่นเอง!
อีกอย่างหวังหมิงถูกวัตถุเหนือธรรมชาติกระตุ้นจนหลุดเผยพลังลี้ลับออกมาให้เห็น จนกระทั่งถูกหลี่ฮ่าวสัมผัสได้
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ!
หลิวหลงขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว “พยายามรักษาท่าทีไว้! อย่ากลัว! ก็แค่ติดตามเท่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หากเขาคิดจะฆ่าคุณจริงๆ คงฆ่าไปนานแล้ว”
จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า “อย่าหลุดพิรุธแปลกๆ ใดออกไปเด็ดขาด ผมเชื่อว่าคุณจะสงบสติอารมณ์ได้!”
“ลูกพี่ครับ ผมกังวล…”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก!”
หลิวหลงปลอบใจหลี่ฮ่าวอยู่ครู่หนึ่งพร้อมแอบขบคิดในใจอย่างรวดเร็ว กองตรวจการณ์ปรากฏตัวผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเช่นนี้…หรือว่าเป็นคนของผู้พิทักษ์รัตติกาลนะ
มีความเป็นไปได้สูง
เขารู้สึกโกรธและแอบไม่พอใจอยู่บ้าง ตอนนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลส่งคนมาแต่ยังคิดจะปิดบังเขาอีก พวกเขาคิดจะทำอะไร เขารู้กระจ่างแก่ใจดี ก็แค่แอบตามสืบลับๆ โดยเอาตนเป็นหินถามทางไม่ใช่หรือไร
ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องพวกนี้นานแล้ว แต่เวลานี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลกลับส่งคนมาก้าวก่าย แบบนี้ไม่รู้แจ้งแก่ใจตัวเองบ้างเลยเหรอ
อีกอย่างดูเหมือนผู้อำนวยการกองตรวจการณ์เองก็ไม่พอใจเขาเหมือนกันสินะ?
มิเช่นนั้นฝั่งทางผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่มีทางปิดบังผู้อำนวยการของกองตรวจการณ์ได้หรอก
เขาวิเคราะห์ครู่หนึ่ง ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือผู้พิทักษ์รัตติกาล แน่นอนว่าไม่อาจตัดฝ่ายศัตรูทิ้งได้เช่นกัน เพียงแต่ความเป็นไปได้นี้ไม่ค่อยมากเท่าไร
ขณะที่หลิวหลงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคร่งเครียดของหลี่ฮ่าวเอ่ยขึ้นว่า “ลูกพี่ ผมกังวล…แต่เจ้าเด็กนั่นบอกว่าจะจ่ายเงินซื้อกระบี่ผม…ลูกพี่ว่าผมขายไปเลยดีไหมครับ แบบนี้…แบบนี้ผมจะมีความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้นไหมครับ?”
หลี่ฮ่าวอธิบายเสียงเบาว่า “เมื่อกี้ผมลองไตร่ตรองดูแล้ว อีกฝ่ายน่าจะเป็นคนของผู้พิทักษ์รัตติกาล หากผมเอากระบี่ขายให้เขาคงล่อให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลกับอีกฝ่ายมาประชันกันได้ใช่ไหมครับ พวกเรานั่งดูเสือสองตัวสู้กันก็พอ แถมผมยังได้เงินมาอีกก้อนหนึ่งด้วย…”
ขายกระบี่อย่างนั้นหรือ?
หลิวหลงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที เอ่ยคำรามเสียงต่ำว่า “ไม่ได้! คุณขาดแคลนเงินนักหรือไง ขายเหรอ ขายบ้าอะไรกัน!”
“ขาดสิครับ ลูกพี่ ผมอยากลองถามดูว่าพอจะแลกกับพลังลี้ลับได้ไหม ผมกำลังคิดว่าบางทีหากผมดูดซับพลังลี้ลับเข้าไปมากหน่อย ผมอาจจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ และโอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็มากขึ้นด้วย…”
“แลกเปลี่ยนบ้าบออะไรกัน!”
หลิวหลงโมโหสุดขีด “ห้ามแลกด้วยเด็ดขาด! จำไว้นะว่าตอนนี้คุณเป็นคนของทีมล่าปีศาจ ไม่ใช่คนของผู้พิทักษ์รัตติกาล อีกอย่างคุณยังไม่แน่ใจสถานะของอีกฝ่ายด้วย ต่อให้คุณจะขายกระบี่นั่นไปก็มีโอกาสตายเหมือนกัน!
“แต่ไม่ขายก็ตายเหมือนกัน สู้ผมแลกเป็นพลังลี้ลับสักสองสามลูกบาศก์ยังดีเสียกว่า ผมจะได้เอามาพัฒนาเลื่อนขั้นตัวเองก่อน…”
“หุบปาก!”
หลิวหลงกลุ้มใจไม่น้อย เจ้าเด็กนี้หัวรั้นเหลือเกิน!
หลังจากหลิวหลงขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจแล้วเปิดปากเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ในทีมยังเก็บพลังลี้ลับบางส่วนไว้อยู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณ แต่เพราะกลัวคุณจะดูดซับมากเกินไปจนทำให้บาดเจ็บในระยะยาว กระทั่งร่างกายอาจระเบิดถึงตายได้ ตอนนี้พลังลี้ลับที่เหลือล้วนมีพลังธาตุทั้งสิ้น เอาอย่างนี้แล้วกัน ก่อนวันที่ฝนตกจะมาถึง หากคุณรู้สึกว่าตัวเองยังรับไว้ ผมสามารถแบ่งพลังลี้ลับที่มีพลังธาตุให้คุณได้สองลูกบาศก์ แต่ถ้าคุณขายกระบี่ก็ไม่ต้องเอา ต่อให้ขายไปแล้วคุณได้พลังลี้ลับมามากมายก็ใช่ว่าคุณจะหาวิธีดูดซับมันได้สักหน่อย!”
นัยน์ตาของหลี่ฮ่าวปรากฏความดีใจให้เห็น แบบนี้ก็ถูกแล้ว
เขารู้ว่าหลิวหลงไม่ให้ตนขายกระบี่นี้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นหากผู้พิทักษ์รัตติกาลยื่นมือเข้ามาแทรกแซงจริงๆ ก็คงไม่มีเรื่องให้เขาต้องยุ่งวุ่นวายด้วยแล้ว
อันตรายมักมาพร้อมโอกาสเสมอ!
หลิวหลงหวังอยากเลื่อนขั้นมีพลังเหนือธรรมชาติ ถึงแม้การฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะเสี่ยงมากก็ตาม แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด เขาหวังแค่ว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่านี้เท่านั้น
“ผมรู้อยู่แล้ว…”
หลี่ฮ่าวลองคำนวณดูแล้ว สองลูกบาศก์ก็ได้ ส่วนพลังลี้ลับที่มีพลังธาตุจะมีปัญหาอะไรหรือไม่นั้น หากได้ลองดูดซับดูก็คงรู้เอง
“งั้น…งั้นก็ได้ครับ ขอบคุณลูกพี่มากครับ ผมไม่ขายแล้ว ผมเองก็กังวลความปลอดภัยของพวกลูกพี่เหมือนกัน หากพวกผู้พิทักษ์รัตติกาลเข้ามาก้าวก่ายจริงๆ ไม่แน่อาจจะปลอดภัยกว่า”
“ไม่เป็นไร คุณเข้าใจก็ดีแล้ว!”
หลิวหลงสบายใจขึ้นมาก จากนั้นก็เอ่ยกำชับว่า “อย่าหลุดความลับออกไปเด็ดขาด หากอีกฝ่ายเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาลจริง เช่นนั้นแผนที่เราวางไว้ก็มีโอกาสที่จะสำเร็จมากขึ้น แถมความปลอดภัยก็รับประกันได้มากขึ้นด้วย บางครั้งการเสียแรงโดยที่ไม่ได้อะไรเลยก็เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์นักรบต้องทำเพื่อไขว่คว้าขอบเขตเหนือธรรมชาติมาให้ได้เช่นกัน!”
“เข้าใจแล้วครับ!”
“…”
……………………………………………………………………………