STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 35.3 ฝนตกแล้ว (3)
ตอนที่ 35 ฝนตกแล้ว (3)
“จะลงมือเมื่อไร”
มีเสียงแว่วออกจากเงามืดอีกครั้ง
“ไม่ต้องรีบ รอก่อน!”
แล้วรออะไรล่ะ
มีทั้งคนที่รู้และไม่รู้ ท่ามกลางคนมากมายมีหน้ากากผีใหม่คนหนึ่งอดถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้หลิวหลงไม่อยู่ หยวนซั่วไม่ออกมา เวลากำลังดีแล้วต้องรออีกเหรอ”
ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดหรือ
“รออีกหน่อย แกไม่เข้าใจ…ตอนนี้เอาตัวเองยังไม่รอด รอฝนตกฟ้าผ่า น้ำฝนกลายเป็นสีฟ้า…ตอนนั้นก็จะถึงเวลาที่เราต้องลงมือแล้ว!”
สีฟ้าหรือ
มีน้ำฝนสีฟ้าด้วยหรือ
ใช่ว่าหน้ากากผีจะเคยมาเมืองหยินทุกคน และใช่ว่าทุกคนจะเคยออกปฏิบัติภารกิจแบบนี้ เวลานี้แต่ละคนต่างรู้สึกเหนือคาดและสงสัย
น้ำฝน…จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหรือ
ทำไมต้องรั้นจะทำแบบนี้นะ
……
ห้องชั้นใต้ดิน
หลี่ฮ่าวพรูลมหายใจออกมามองคนอื่นๆ แวบหนึ่งอย่างกระวนกระวายและไม่สบายใจ “พวกเขาล่อลูกพี่ไปแล้ว ยังไม่ยอมลงมือสักที…จะรอไปจนถึงเมื่อไรกันแน่”
เขาคิดว่าถ้าหลิวหลงไปแล้ว คนพวกนี้ก็ควรลงมือได้แล้ว
แต่เปล่าเลย!
ยังคงรอ!
ฝนตกแล้ว เงาโลหิตลงมือยังต้องมีเงื่อนไขอะไรอีกหรือ
ถ้ายังไม่มาอีก เขาจะเป็นฝ่ายร้อนใจแทนแล้วนะ
อย่างมากก็สู้กันสักตั้ง!
สู้ชนะก็ดีไป แต่ถ้าสู้แพ้จนตายก็ดีกว่าให้มานั่งรออย่างตอนนี้
จากมุมที่ไม่ไกลนัก หลิวเยี่ยนหัวเราะเสียงเบาทีหนึ่ง ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “นายรีบจะไปตายขนาดนี้เลยเหรอ”
“พี่ ไม่แน่อาจจะเป็นฝ่ายฆ่าเขาก็ได้”
หลี่ฮ่าวก็หัวเราะ ความกระวนกระวายหายไปบ้าง
“งั้นก็รอเถอะ!”
หลี่ฮ่าวพูดต่อ “หรือว่าเราเป็นฝ่ายบุกไปจุดที่นัดหมายเอาไว้ก่อน ในเมื่อพวกเขารอ…ก็เท่ากับยังไม่ถึงเวลา! ตอนนี้ต่อให้เราไป ใช่ว่าพวกเขาจะลงมือ!”
ฝ่ายเงาโลหิตยังต้องการเวลา
รอตายอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หลี่ฮ่าวอยากจะเห็น
“รอคำสั่งการจากลูกพี่!”
ปกติหลิวเยี่ยนไม่ค่อยฟังหลิวหลงนัก แต่ตอนนี้กลับเชื่อมั่นในตัวหลิวหลงเหลือเกิน ก่อนหลิวหลงไปออกคำสั่งไม่ให้พวกเขาไปจากที่นี่ หลิวเยี่ยนจึงไม่แนะนำให้ออกไปก่อน ต่อให้หลี่ฮ่าวพูดขนาดนี้แล้วเธอก็ยังยืนกรานจะอยู่ต่อ
……
นอกกองตรวจการณ์
หลิวหลงพาทีมเดินสำรวจหนึ่งรอบ เหลือคนกลุ่มหนึ่งไว้สะสางคดี ส่วนตัวเขาก็กลับมาอีกครั้ง
คราวนี้เขาไม่ได้กลับไปที่ห้องชั้นใต้ดิน
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ กระแสไฟเริ่มรวมตัวกันบนท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่นท่ามกลางความมืด หยาดฝนไหลไปตามแนวขนอันเรียบนุ่มของเจ้าเสือดำแล้วหยดลงพื้นจึงไม่ได้ทำให้เจ้าเสือดำเปียกโชกเหมือนหมาตกน้ำ
เขาเป็นฝ่ายถูกชักจูง!
หลิวหลงรู้ว่าตนในเวลานี้เป็นฝ่ายถูกชักจูงอย่างเห็นได้ชัด และถูกจูงไปเรื่อยๆ
ความกดดันจากเมืองหยิน ความกดดันจากกลุ่มคนไร้ความเกรงกลัวพวกนี้ ทำให้หลิวหลงต้องเดินไปตามทางความคิดของพวกเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้
แววตาของหลิวหลงกลับไม่ได้ดูประหม่าหรือกังวลใจเท่าไร
มีเพียงความใจเย็นกับเย็นชาเท่านั้น
เพิ่งลงจากรถยังไม่ทันดื่มน้ำสักอึก ไม่นานก็มีคนวิ่งฝ่าฝนจากห้องโถงใหญ่ของกองตรวจการณ์มา พูดอย่างร้อนรนใจว่า “หัวหน้า ตรงชายแดนทางเหนือเกิดคดีไฟไหม้อีกแล้ว มีคนถูกขังอยู่ในตึกไม่น้อย หน่วยดับเพลิงออกเดินทางแล้ว แต่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยปฏิบัติการ…”
อีกแล้ว!
คอยล่อให้หลิวหลงออกไปแล้วปั่นหัวเขาเล่นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ข่มขู่เขาว่าทางที่ดีแกอย่าได้กลับมาจะดีกว่า ถ้ากลับมา…ก็รอออกเดินทางไปสะสางคดีใหม่ได้เลย!
“กองตรวจการณ์…”
หลิวหลงพึมพำคำหนึ่ง!
ครั้งนี้ถ้าไม่สามารถจัดการได้ บารมีความน่าเชื่อถือของกองตรวจการณ์ก็จะหายสาบสูญไม่มีเหลืออีกต่อไป!
เกรงว่าแม้แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ต้องอับอายขายหน้ากันหมด
พวกเขาน่าจะรู้ แต่ไม่รู้ว่าเตรียมการพร้อมมาอย่างดีหรือเปล่า
“ไปกับผม!”
หลิวหลงเอ่ยเสียงต่ำอีกครั้งแล้วฝ่าฝนมุ่งไปข้างหน้า พาคนของหน่วยปฏิบัติการขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ดำเนินต่อไปเช่นนี้!
อย่างไรเสียพวกแกก็เป็นคนนอกถิ่น ต่อให้มีการเตรียมการมาก่อนแต่จะรู้จักเมืองหยินดีไปกว่าฉันได้เหรอ
“ฉันใกล้ล็อกตำแหน่งของพวกแกได้แล้ว!”
พอขึ้นรถ หลิวหลงก็ลูบหัวเจ้าเสือดำไปมาพร้อมเผยยิ้มบาง
ส่วนเจ้าเสือดำขยับจมูกน้อยๆ แล้วออกเดินทางไปพร้อมกับรถท่ามกลางสายฝน ส่วนรถคันนี้ก็วนเวียนอยู่ตามถนนตรอกซอยเส้นเล็กเส้นใหญ่ของเมืองหยินไม่หยุด
ไฟลุกลามไม่เร็วนัก อาจจะเพราะฝนตกหนักขึ้นเลยทำให้ไฟดับไปหลายครั้ง
ทุกครั้งที่ดับไฟ หลิวหลงก็จะหงุดหงิดขึ้นประมาณหนึ่ง
เขาลงจากรถสูบบุหรี่พลางคำรามตำหนิเจ้าหน้าที่เสียงเบา ทำเอาคนของหน่วยปฏิบัติการตกใจจนไม่กล้าปริปาก
ส่วนเรื่องที่ฝนตกแต่หัวหน้ายังพาสุนัขตัวหนึ่งมาด้วย…คงมีแต่ผีเท่านั้นที่รู้ว่าหัวหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
กระทั่งรถยนต์ขับไปละแวกโบสถ์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง รถดับเพลิงทำการดับเพลิงอีกครั้ง หลิวหลงลงจากรถใช้เท้าเตะรถจนสั่นไปทั้งคันพลางส่งเสียงคำรามต่ำ “ให้ตาย ทำไมไม่เปลี่ยนรถ ทำไมพอฝนตกต้องเกิดปัญหาทุกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว สวะ พวกสวะ! คนสารเลวที่อยู่เบื้องบนพวกนั้นไม่เห็นความลำบากของหน่วยปฏิบัติการเหรอถึงให้งบน้อยลงเรื่อยๆ มีแต่สวะทั้งนั้น! พวกคุณก็เหมือนกัน!”
เขาตะคอกอย่างเดือดดาลทีหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องสนั่นปะทุดังขึ้น ราวกับคิงคองที่บันดาลโทสะเอ่ยคำรามว่า “ไปเลย! พรุ่งนี้ทุบรถคันนี้ให้เละด้วย!”
สิ้นคำ หลิวหลงก็พาทีมวิ่งฝ่าฝนไปยังจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ระยะทางยังไกลนัก แต่พอเขาวิ่งก็เร็วมากเช่นกัน
ท่ามกลางความมืด เจ้าเสือดำก็หายไปจากข้างกายเขา
ในคืนวันฝนตก ไม่มีใครคิดจะใส่ใจสุนัขตัวหนึ่งอยู่แล้ว
หลิวหลงพาสมาชิกหน่วยปฏิบัติการกว่ายี่สิบคนวิ่งมุ่งหน้าไปพร้อมปล่อยให้เม็ดฝนปะทะใบหน้า ทว่ากลับกลบเกลื่อนความเดือดและโทสะในสายตาเขาไม่มิด!
อยู่ใกล้ๆ นี้!
เจ้าเสือดำสามารถมองเห็นมันได้ ไม่ใช่แค่มองเห็น มันเป็นสุนัขตัวหนึ่ง สุนัขที่ไม่ต้องฝึก สุนัขที่ใกล้จะกลายเป็นภูตเต็มทีแล้ว
“พวกคุณ…รอเดี๋ยว!”
ท่ามกลางคืนวันฝนตก หลิวหลงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดโทรหาเบอร์หนึ่งพลางวิ่งไปข้างหน้าแล้วตะโกนเสียงต่ำ “พวกเธอออกจากเมือง! ออกไปแล้วภายในเมืองถึงจะสงบ ฉันจะส่งคนปกป้องพวกเธอเอง!”
“รับทราบ!”
สายถูกกดตัดไปอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเสียงของหลิวเยี่ยน
……
ห้องชั้นใต้ดิน
หลิวเยี่ยนกดวางสายแล้วสวมเครื่องแบบเต็มยศ ตะโกนเสียงต่ำ “ออกจากเมือง!”
ตอนนี้แหละ!
หลี่ฮ่าวไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงตัดสินใจออกจากเมือง แต่เขาไม่พูดอะไรแล้วรีบตามหลิวเยี่ยนไปพร้อมคนอื่นๆ รวมถึงอวิ๋นเหยาก็ถือกล่องปฐมพยาบาลของตัวเองตามหลิวเยี่ยนไปโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน
……
นอกโบสถ์ขนาดใหญ่
หลังจากหลิวหลงวางสายไป ไม่นานจากนั้นก็มีเงาผีปรากฏตัวพร้อมเงาโลหิตที่ปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆ
เจ้าเสือดำปล่อยให้เม็ดฝนกระทบร่างจนขนเปียกชุ่มไปทั้งตัวคอยสอดส่องจากตรงมุมหนึ่งอยู่เงียบๆ
เพียงแค่พริบตาเดียวเจ้าเสือดำก็วิ่งหางจุกตูดท่ามกลางสายฝนราวกับสุนัขจรจัด เดิมทีมันก็เป็นสุนัขจรจัดอยู่แล้วเลยไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอะไร สุนัขจรจัดก็วิ่งแบบนี้แหละ!
“หงิงๆ…”
มันวิ่งไปก็ส่งเสียงร้องครางหงิงๆ ไป เจ้าเสือดำคิดว่าหากตนสร้างคุณงามความดีได้สำเร็จ ไม่แน่เจ้าร่างยักษ์ที่เพิ่งรู้จักกันอาจจะถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้มันมากกว่านี้ เขาแกร่งกล้ากว่าหลี่ฮ่าวมาก อีกอย่างหลี่ฮ่าวก็ไม่ยอมสอนวิชาการต่อสู้ให้สุนัขอย่างมันเลย!
………………………………………………….