STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 4-3 ม่านหมอกแห่งความงุนงงคลี่คลาย (3)
ตอนที่ 4 ม่านหมอกแห่งความงุนงงคลี่คลาย (3)
เหล่าป้าๆ ในกองตรวจการณ์ใจดีทีเดียว มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ใคร่จะดีนักก็คือมักจะแนะนำลูกสาวให้เขา
ไม่ลูกก็หลาน หรือไม่อย่างนั้นก็ลูกบ้านไหนสักหลัง
ใครใช้ให้เขาเคยสอบผ่านมหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยิน ถึงจะลาออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความนิยมที่ผู้คนมีต่อเขาแต่อย่างใดเลย
เมื่อหลี่ฮ่าวได้รายชื่อมาแล้วก็เริ่มพลิกค้นอย่างรวดเร็ว
รายชื่อคนหลายร้อยไม่ได้เยอะ รวมๆ ก็จะบอกสาเหตุการตาย นี่คือรายชื่อคนตาย ลำดับต่อไปหลี่ฮ่าวยังต้องตัดรายชื่อบางส่วนออกแล้วประกอบกับรายละเอียดในเอกสารอื่นๆ ถึงจะสามารถยืนยันได้ว่ามีคนตระกูลเจิ้งที่เขาต้องการจะตามหาหรือไม่
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาคาดหวังเอาไว้ก็คือมีการจดสาเหตุการตายเอาไว้ว่าไฟคลอก ก็จะดีที่สุดและสะดวกที่สุดด้วย
สุดท้ายหลี่ฮ่าวรู้แล้วว่าเงาโลหิตฆ่าคน หรือไม่ก็ถ้าหากว่าเบื้องหลังของเงาโลหิตนี้มีผู้มีอิทธิพลอะไรอยู่เบื้องหลังแล้วล่ะก็ พวกเขาฆ่าคนในแปดตระกูล และฆ่าพวกลูกคนโตและลูกคนเดียวของทั้งแปดตระกูล โดยเลือกใช้วิธีเผาในการลงมือทั้งสิ้น
หากไม่ใช่เช่นนั้นหลี่ฮ่าวก็จะไม่สามารถยืนยันคนเหล่านั้นจากในรายชื่อตรงหน้า
ซึ่งในนี้อาจจะมีความลับบางอย่างที่ซ่อนงำเอาไว้ ที่หลี่ฮ่าวมิอาจล่วงรู้ได้ในตอนนี้
“ในปี 1720 เคยมีคดีไฟคลอกเกิดขึ้น หลังจากนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 1723 ดังนั้นเวลาในการเกิดเหตุก่อนหน้าน่าจะเป็นเวลาสามปีก่อน หรือไม่ก็นานกว่านั้น เป็นไปได้อย่างที่สุดน่าจะเกิดก่อนปี 1717”
หลี่ฮ่าวเดินไปพลางเปิดแฟ้มคดีดูไปด้วย เขาจะต้องยืนยันให้ได้ว่าคนบ้านตระกูลเจิ้งตายแล้วหรือยัง
ถ้าหากว่าตายแล้วนั้นแปลว่าข้อสันนิษฐานก่อนนี้ถูกต้อง
ถ้าหากไม่ฆ่าคนตระกูลเจิ้งหรือหากว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ใช่ว่าจะส่งผลเสียไปทั้งหมด หากว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่พวกเขาอาจจะให้เบาะแสกับหลี่ฮ่าวได้มากขึ้น เขาถึงกระทั่งรู้สึกด้วยซ้ำว่าถ้าคนตระกูลเจิ้งยังมีชีวิตอยู่คงดีกว่ามาก นั่นแปลว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเงาโลหิต
‘ในบทเพลงพื้นบ้านร้องเอาไว้ว่านายน้อยตระกูลเจิ้งเป็นตัวถ่วง ซึ่งนั่นออกจะแตกต่างจากตระกูลอื่นๆ บางทีตระกูลเจิ้งอาจจะมีอะไรที่ต่างไปจากตระกูลอื่นก็ได้’
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นหลี่ฮ่าวก็เปิดไปที่หน้าหนึ่ง
“เจิ้งอวิ๋นฉี มรณะเมื่อวันที่ 12 เดือนกันยายน ปี 1715 สาเหตุการตาย : แก๊สระเบิด”
ในทันใดนั้นเองหลี่ฮ่าวก็แววตาเป็นประกายวาบหนึ่ง แก๊สระเบิดเหรอ?
ถ้าเป็นแบบนี้ตอนตายก็อาจจะไม่มีศพหลงเหลือ คล้ายคลึงกับไฟคลอกมากทีเดียว
อีกทั้งการตายแบบนี้ไม่ตกเป็นเป้าสนใจมากนัก
“เขาเองเหรอเนี่ย?”
หลี่ฮ่าวพึมพำเสียงเบา แก๊สระเบิดอาจจะทำให้มีคนตายมากกว่าคนเดียว ถ้าทำแบบนี้แล้ว คนตระกูลเจิ้งก็อาจจะตายยกครัวในครั้งเดียว!
เมื่อพลิกดูรายชื่อจำนวนหลายร้อยแล้ว ก็พบว่าคนผู้นี้มีความเป็นไปได้ที่สุดแล้วที่จะเป็นตระกูลเจิ้งในบทเพลงพื้นบ้าน
“บางทีน่าจะไปดูสักหน่อย”
หลี่ฮ่าวคิด ด้านบนเอกสารมีที่อยู่ของอีกฝ่าย แน่นอนว่าสิบห้าปีผ่านไปก็ยากจะพูดว่าสถานที่ดังกล่าวจะยังมีอยู่หรือไม่นั้น
วันนี้บทเพลงพื้นบ้านบทหนึ่งของเฉินน่าทำให้หลี่ฮ่าวได้เบาะแสมากมายอย่างรวดเร็ว
เบาะแสที่สำคัญในคดีไฟคลอกนี้ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาในหัวเขา
ถ้าหากว่าเจิ้งอวิ๋นฉีเป็นคนตระกูลเจิ้งที่หลี่ฮ่าวตามหา เช่นนั้นแล้วก็แปลว่าตนเองเป็นคนเดียวในทั้งแปดตระกูลที่ยังรอดชีวิตอยู่
“ล้างแค้นหรือ? หรือมีเหตุผลอื่น?”
“เงาโลหิตเป็นคน หรือว่าเป็นพลังพิเศษบางอย่าง หรือว่าเป็นแค่ลูกไม้เท่านั้น?”
หลี่ฮ่าวลูบจี้หยกรูปกระบี่ที่อกอีกครั้ง กระบี่หยกที่สืบทอดมาจากบรรพชนชิ้นนี้ เป็นเพียงแค่สมบัติที่สืบทอดมาของตระกูลเท่านั้น หรือว่าจะมีประโยชน์อย่างอื่นอีก?
‘คนจากทั้งเจ็ดตระกูลตายกันไปหมด เช่นนั้นแล้วคนต่อไปก็น่าจะเป็นตัวเราแน่ ส่วนที่ศัตรูหาเราเจอ หรือหาคนอื่นๆ เจอได้อย่างไรนั้น พวกเราไม่ได้มีอะไรพิเศษทำไมเงาโลหิตถึงได้เล็งเป้ามาที่พวกเราได้นะ?’
เหมือนว่าอันตรายถึงแก่ชีวิตกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
ในวินาทีนี้หลี่ฮ่าวสัมผัสได้ถึงลมพายุที่โหมกระหน่ำ เขารีบค้นการสนทนาในมือถืออย่างรวดเร็ว เขารีบต้องดูว่าในช่วงนี้มีวันไหนบ้างที่ฝนตก เพื่อคาดคะเนการปรากฏตัวในครั้งต่อไปของเงาโลหิตจากวันที่ฝนตก
“วันที่ 18 เดือนกรกฎาคม ฝนตก!”
หน้าหลี่ฮ่าวเปลี่ยนสีน้อยๆ วันนี้เป็นวันที่ 12 หลายวันจากนี้อากาศดี จนวันที่ 18 ถึงจะอึมครึมลงไป จากนั้นฝนจะตกอยู่ช่วงหนึ่ง
‘นั่นแปลว่าอย่างเร็วที่สุดล่ะก็เงาโลหิตอาจจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในอีกหกวันข้างหน้าเหรอ? แต่ต่อให้ไม่ใช่อีกหกวันแต่ก็อาจจะโผ่ออกมาในช่วงวันฝนตก’
ในวินาทีนี้ใจหลี่ฮ่าวเหมือนโดนบีบ!
ก่อนนี้เขายังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตามหาตนเองหรือไม่ หรือเป้าหมายต่อไปจะใช่ตนเองหรือเปล่า แต่ในวินาทีนี้เขาแน่ใจอย่างมากว่าเป้าหมายต่อไปของเงาโลหิตก็คือตัวเขาเอง
‘ที่สุดท้ายเสี่ยวหย่วนบอกให้เราหนี หรือเป็นเพราะเขาเดาได้ หรือไม่ก็รู้มาจากเงาโลหิตว่าเราเป็นเป้าหมายต่อไปที่เงาโลหิตจะตามสังหาร?’
‘แล้วทำไมเงาโลหิตไม่ฆ่าเราตั้งแต่คราวก่อน ทำไมต้องรออีกปีถึงจะมาตามฆ่าเรา?’
‘หรือบางทีถ้าเงาโลหิตจะฆ่าคนจะต้องมีเงื่อนไขและข้อจำกัดบางอย่างหรือการใช้แผนไฟคลอกนั้นจะอาจจะทำได้เพียงแค่ครั้งเดียว แถมวิธีจะฆ่าเราต้องใช้ไฟเท่านั้นเหรอเปล่านะ?’
จู่ๆ หลี่ฮ่าวก็ยิ้มออกขณะนวดขมับตนเอง
“สบายใจแล้ว!”
ที่จริงแล้วความหวาดกลัวจากสิ่งที่ไม่รู้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าอันตรายในอนาคตที่ล่วงรู้ได้
ก่อนนี้เขารู้เรื่องเงาโลหิตน้อยเกินไป จุดประสงค์ ที่มา เป้าหมาย เขาไม่รู้อะไรพวกนี้เลย ดังนั้นตลอดปีที่ผ่านมาเขาถึงได้กลัวมาก
ทว่าเมื่อเขาคลำเจอเบาะแสบ้างแล้ว และรู้แน่ชัดว่าเป้าหมายของอีกฝ่าคือตนเอง หลี่ฮ่าวก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้นอีกต่อไป
เหลือไว้เพียงแค่โทสะและความเกลียดชัง!
หนี้เลือดต้องชำระด้วยเลือด!
ครั้งนี้หากว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ ถึงต้องเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัว แต่เขาก็ต้องไปหาผู้พิทักษ์รัตติกาลไปหาพวกเขา บอกพวกเขาว่าตนเองมองเห็นเงาโลหิต!
หากว่าสังหารเงาโลหิตได้ เกรงว่าต่อให้ตนเองต้องตายก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!
“เสี่ยวหย่วนแล้วก็พ่อกับแม่ หากว่าพวกเขาก็ตายด้วยน้ำมือของเงาโลหิต ฉันจะเอาคืนให้ทุกคนเอง!”
หลี่ฮ่าวพึมพำ ขณะกำมือแน่น ใบหน้าอบอุ่นนุ่มนวลเผยร่องรอยโหดเหี้ยม
………………………………………………………………..