STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 40-4 สุริยะพราย (4)
ตอนที่ 40 สุริยะพราย (4)
“อ๊าก!”
อีกฝ่ายร้องเสียงโหยหวนอีกครั้ง ตอนนี้มีแค่ความคิดเดียวในหัว เจ็บ!
มีดของหลี่ฮ่าวแทงร่างกายโดยไม่มีอะไรมากีดขวาง!
เพราะ…หลี่ฮ่าวสามารถมองเห็นได้
ใช่แล้ว นี่ต่างหากของถนัดมือหลี่ฮ่าว เขาสามารถมองเห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติบนตัวอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงดูออกว่าตรงส่วนไหนบนร่างกายมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอ่อนแอมากที่สุด น้อยที่สุด และง่ายต่อการทำลายมากที่สุด
ตำแหน่งหัวใจ ลำคอ รอบๆ ดวงตาของอีกฝ่ายปกคลุมไปด้วยพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ ต่อให้ในเวลานี้ก็ยังไม่สลายหายไปไหน
ตอนนี้หากไปแทงตามจุดเหล่านี้ หลี่ฮ่าวอาจจะถูกพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติย้อนทำร้ายคืนเอาได้
คนปกติหรือต่อให้เป็นปรมาจารย์นักรบก็ตาม เวลาแบบนี้ต้องเลือกแทงจุดสำคัญ
แต่หลี่ฮ่าวดันไม่ทำอย่างนั้น!
เขาเอามีดแทงลงส่วนหัวไหล่ที่ไม่ได้รับการคุ้มกันจากพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของอีกฝ่าย สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและรุนแรง แล้วกดมีดลงจนแขนของอีกคนขาดไปหนึ่งข้าง!
จากนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายสลายตัวได้มากกว่าเดิม
หลี่ฮ่าวค่อยชักมีดขึ้นแล้วแทงลงไปอีกครั้ง!
ครั้งนี้เป็นส่วนเอว
“อ๊าก!”
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเรียกเสียงร้องโหยหวนจากอีกฝ่ายได้รัวๆ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนี้แทบไม่อยากจะเชื่อว่าทุกครั้งที่หลี่ฮ่าวแทงลงมาล้วนแทงโดนจุดที่มีการป้องกันอ่อนแอที่สุดในร่างกายเขาพอดี กระทั่งแขนอีกข้างที่ยังอยู่ครบสมบูรณ์ของเขาไม่ทันได้เอามาปิดกลางลำตัวอีกต่อไป เขาฝืนปะทุพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติหลอมรวมสร้างดาบนทีออกมาด้ามหนึ่งแล้วฟันลงไปที่ศีรษะของหลี่ฮ่าว!
ต่อให้ถูกบีบเจ้าน้องชายจนเละ ถูกฟันแขนจนขาด ถูกแทงจนเอวทะลุ หมอนี่ก็ยังมีพลังต่อสู้เหลืออยู่!
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลำดับขั้นจันทราทมิฬ พลังชีวิตแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์นักรบมากโข
ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยคนก่อนหน้า ถูกทำร้ายขนาดนี้คงโดนหลี่ฮ่าวฆ่าตายไปนานแล้ว
แต่คนนี้กลับยังสามารถตอบโต้ได้
ทว่าหลี่ฮ่าวกลับไม่คิดจะหลบหนี เขามีแผนในใจของตัวเองจึงหลบหนีไม่ได้ หากหลบหนีเมื่อไรแล้วถูกอีกฝ่ายทลายกระจกครอบผลึกเหมันต์ พลังเหนือธรรมชาติก็จะโลดแล่น บางทีอีกฝ่ายอาจไม่ตาย แต่ถ้าหนีไปได้นั่นแหละเป็นปัญหาใหญ่
เขามีพลังแสงดาราอยู่ ขอเพียงไม่ขาขาดแขนด้วน บาดแผลหนักหน่อยก็ยังพอได้รับการฟื้นฟู
ดังนั้นเขาปล่อยให้อีกฝ่ายเอาดาบแทงที่ช่วงท้องตัวเอง ความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมาทำให้เขาเสียอาการเล็กน้อย แต่หลี่ฮ่าวยังคงฮึบแรงเอาไว้ใช้สองมือจับคออีกฝ่ายแล้วไล่ขึ้นไปข้างบนพร้อมกำเส้นผมอีกฝ่ายไว้แน่น ก่อนจะใช้มืออีกข้างถือมีดเล่มเล็กแทงเข้าตรงท้ายทอยของเขาทีเดียว!
พรวด!
ทันใดนั้นเองมีดเล่มเล็กก็ถูกชักออกแล้วเกิดเสียงกระทบกันดังเสียดหู ปลายมีดฟันเส้นเอ็นหลังคอของเขาจนขาดสะบั้น!
“อ๊าก!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง
พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของอีกฝ่ายแทบจะสลายไปจนหมดสิ้น หลี่ฮ่าวกระชากผมเขาไว้ไม่ปล่อยแล้วใช้มีดกรีดทับแผลของเขาซ้ำอีกรอบ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกรีดมันลงมา!
กรอบ!
มีดหักแล้วด้วยซ้ำ กระดูกสันคอของอีกฝ่ายแทบจะถูกหลี่ฮ่าวฟันขาดไปทั้งแถบ
เลือดพุ่งกระฉูด!
ศีรษะทรุดลงทันที อีกนิดก็เกือบหลุดออกมารอมร่อแล้ว!
ฉากสยองนี้ทำเอาหลี่ฮ่าวรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง
ทว่าเขากลับไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้
พลังภายในพุ่งกระจายจนมีดเล่มสั้นสั่นสะเทือน ก่อนที่มีดเล่มสั้นจะแทงเข้าแล้วชักออกครั้งแล้วครั้งเล่า!
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนถึงมีเสียงตะโกนเบาๆ ดังแว่วมาจากข้างนอก “หลี่ฮ่าว”
ความอาฆาตในตาของหลี่ฮ่าวมลายหายไป เขาก้มมองผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ตัวกับศีรษะขาดออกเป็นสองท่อนแวบหนึ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วโยนสิ่งที่ถืออยู่ในมือออกไป ปาดเช็ดเลือดบนเสื้ออีกฝ่ายจนสะอาดแล้วถึงก้าวเท้าออกจากตู้สินค้า
……
“ตายแล้วเหรอ”
ข้างนอกตู้สินค้า พวกหลิวเยี่ยนค่อยๆ เข้าใกล้อย่างระมัดระวังและรอบคอบ
รอจนเห็นหลี่ฮ่าวเดินออกมา หลิวเยี่ยนถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง
จากนั้นพวกเขาก็รีบพุ่งเข้าไปในตู้สินค้า ยกเว้นหลี่ฮ่าว
ผ่านไปครู่หนึ่งหลิวเยี่ยนกับอวิ๋นเหยาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียวประมาณหนึ่ง
ส่วนเฉินเจียนก็มองหลี่ฮ่าวด้วยสายตาแปลกๆ
ลงมือ…ได้โหดเหี้ยมมากจริงๆ!
หมอนี่เป็นมือใหม่จริงหรือ
นี่แทงไปกี่ครั้งกัน
แทบจะหั่นศพอีกคนเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว!
อย่าว่าแต่หลิวเยี่ยนกับอวิ๋นเหยาเลย เขาเห็นแล้วยังรู้สึกขนลุกซู่ ยากจะจินตนาการได้ว่าเมื่อครู่หลี่ฮ่าวทำมันได้อย่างไร นี่เขากระชากหัวอีกฝ่ายแล้วแทงซ้ำๆ หรือเปล่านะ
โหดเหี้ยมเสียจริง!
ครั้งนี้หลิวเยี่ยนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงกลับมาเหมือนเดิมได้ หล่อนผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่งถึงถามเสียงเบา “นายไม่เป็นไรใช่ไหม”
จันทราทมิฬเชียว!
แต่กลับถูกหลี่ฮ่าวฆ่าตายไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวก็ตลบหลังฆ่าทะลวงร้อยไปคนหนึ่ง คืนนี้เขาฆ่าทะลวงร้อยกับจันทราทมิฬไปสองคน ผลลัพธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่มือสิบสังหารทำได้จริงๆ หรือ
ต่อให้สองคนนั้นจะดูถูกเขาจนเมินเขาไป แต่ก็ต้องใจกล้ามีความละเอียดรวมถึงสภาวะทางจิตใจที่เข้มแข็งอย่างมาก ไม่อย่างนั้นหากพูดโกหกหลอกลวงหน้าตายแบบนั้น คิดจะหลอกให้อีกฝ่ายเชื่อใจ…ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้เลย เกรงว่าตัวหลิวเยี่ยนเองก็คงทำไม่ได้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรครับ!”
ความจริงหลี่ฮ่าวก็หน้าซีดอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิมได้ ฉีกยิ้มเห็นฟัน “พวกเขาเป็นคนร้าย! ความชั่วร้ายไม่มีวันเอาชนะความยุติธรรมได้!”
“เราเป็นฝ่ายยุติธรรม!”
หลี่ฮ่าวพูดสะกดจิตตัวเองทีหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาฮึดสู้ดังเดิม หัวเราะเสียงร่ากล่าว “ความเที่ยงธรรมย่อมชนะ! เราจะธำรงความเที่ยงธรรมเพื่อขจัดมารปีศาจ!”
ตอนนี้จู่ๆ เขาก็ชอบประโยคนี้สุดๆ ไปเลย
ขอเพียงเรายืนอยู่ในมุมของฝ่ายเที่ยงธรรม ต่อให้เราฆ่าพวกเขาไปก็เป็นสิ่งที่สมควรและสมเหตุสมผลแล้ว!
ครั้นเห็นเขากลับมาเหมือนเดิมได้หลิวเยี่ยนก็สบายใจขึ้นบ้าง ทว่าอีกด้านกลับกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ
กลัวว่าเจ้าหมอนี่จะกลายเป็นโรคจิตไปแล้วจริงๆ
นายฟื้นฟูจิตใจได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ในขณะที่เห็นฉากตรงหน้า…หัวใจของนายทำด้วยอะไรกันแน่
ผู้มากประสบการณ์ด้านการสู้รบอย่างเธอ เมื่อกี้ตอนเห็นสถานการณ์ข้างในยังรับไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ
ส่วนอวิ๋นเหยาที่ปกติดูเป็นผู้หญิงอ่อนโยนก็อดเปรยเสียงเบาไม่ได้ว่า “ครั้งนี้ถ้ายังมีชีวิตรอดกลับไปได้…ฉันจะช่วยปรับสภาพจิตใจให้นายหน่อยแล้วกัน”
หลิวเยี่ยนเอาแต่พร่ำบอกว่าหล่อนเป็นโรคจิตมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เธอคิดว่าหลิวเหยี่ยนคิดผิดแล้ว เพราะเธอยังไม่เคยเห็นใครที่โรคจิตได้มากกว่านี้เลย
หลี่ฮ่าวก็คือคนๆ นั้น!
เขาเป็นแค่มือใหม่นะ!
เจ้าหมอนี่ไม่ได้มีปัญหาด้านจิตใจใช่ไหม
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “อืม ได้เลยครับ!”
เขาไม่รังเกียจที่จะยอมรับความช่วยเหลือของเพื่อนร่วมทีม ฟื้นฟูก็ฟื้นฟูสิ ความจริงหลี่ฮ่าวคิดว่าไม่มีอะไร เพียงแค่เมื่อกี้รู้สึกแย่ไปสักหน่อย ตอนนี้พอไม่เห็นแล้วก็ไม่มีอะไรมากแล้ว
“หลี่ฮ่าว ถ้าครั้งนี้นายรอดชีวิตกลับไปได้…ฉันเชื่อว่า ไม่ว่าจะขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติหรือปรมาจารย์นักรบ สักวันก็ต้องมีที่ของนาย!”
ตอนนี้อวิ๋นเหยาก็พูดเสริมอีกประโยค
เธอมองหลี่ฮ่าวด้วยแววตาที่ต่างไปจากเดิม
หมอนี่ถ้าไม่ตาย คนที่ต้องกลัวจนนอนไม่หลับคงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
หลี่ฮ่าวทำท่าขัดเขินหน่อยๆ แล้วพูดแก้เก้อว่า “พี่อวิ๋นอย่าพูดอย่างนี้เลย ผมแค่มือสิบสังหารหมาดๆ ไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยซ้ำ น่าอายจะแย่…”
จากนั้นแต่ละคนไม่พูดอะไรอีก
………………………………………………………………..