STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 44-5 ของรางวัลจากสงคราม (5)
ตอนที่ 44 ของรางวัลจากสงคราม (5)
“อาจารย์!”
หลี่ฮ่าวชูคอเถียงกลับ แต่ไม่กล้ามองเขาตรงๆ “ให้ผมเอาแต่ใจสักครั้งเถอะ ผม…ผมไม่อยากเห็นผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องสูญเสียเยอะกว่านี้หรือต้องมีคนตายเพราะราคาที่จ่ายไป! เงื่อนไขของอาจารย์ ผมคิดว่าขอลดได้ โดยเฉพาะข้อที่หัวหน้าเฮ่อต้องปกป้องด้วยตัวเองมันก็ยิ่งไม่จำเป็นเลย เขาเป็นผู้แข็งแกร่ง ต้องปกป้องทั้งมณฑลหยินเยวี่ยไม่ใช่ผมคนเดียว! พลังลี้ลับก็เหมือนกัน หมื่นลูกบาศก์…อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าหมื่นลูกบาศก์ต้องแลกมากับอะไรบ้าง ผมคิดว่า…อย่างมากก็หนึ่งส่วนสามก็พอครับ!”
หลี่ฮ่าวพูดอีก “อย่างอื่น ผมไม่รู้ว่ามีค่าหรือเปล่า ผมคิดว่าอย่างมากก็ขอแค่หนึ่งส่วนสาม!”
“…”
เฮ่อเหลียนชวนสบถในใจคำหนึ่ง หนึ่งส่วนสาม เจ้าเด็กนี่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งเหล่านี้จริงๆ ต่อให้เป็นแค่หนึ่งส่วนสาม แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลให้ไปก็ต้องกระอักเลือดมากทีเดียว
“ตามนี้แหละ!”
หลี่ฮ่าวกัดฟัน “อาจารย์ ผมรับเงื่อนไขได้มากที่สุดแค่นี้ ไม่อย่างนั้น…ผมจะให้ฟรีๆ แล้วนะ!”
เฮ่อเหลียนชวนนึกอยากจะบอกไปว่าแน่จริงก็ให้ฟรีๆ สิ ส่วนหยวนซั่วดูท่าทางคุกรุ่นปนระอา ผ่านไปพักใหญ่ถึงแค่นเสียงทีหนึ่งว่า “ของของเธอเธอตัดสินใจเอง งั้นก็หนึ่งส่วนสาม วันหน้าเธออย่าเสียใจภายหลังก็พอ! สมบัติชิ้นนี้ของเธอถูกเอาไปก็อาจจะเอาคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว! เท่าที่ฉันดูมันมีค่ามากกว่าที่ฉันขอไปสิบเท่า เจ้าโง่ความคิดตื้นเขิน รอเธอกลายเป็นผู้แข็งแกร่งก็จะรู้ว่าที่ฉันขอไปมันน้อยแค่ไหน!”
วินาทีนี้เฮ่อเหลียนชวนพูดปฏิเสธไม่ออก
รู้สึกอึดอัดขึ้นมาชั่วขณะ
นี่…จะยอมรับดีหรือไม่ยอมรับดีล่ะ
ดูหลี่ฮ่าวสิ เกือบจะแตกคอกับอาจารย์ตัวเองเพราะเรื่องนี้แล้ว
เขาทำท่าระอาใจหน่อยๆ เรื่องนี้ตัดสินใจยากจังแฮะ
ทำได้แค่ขอยื่นเรื่องดูแล้วล่ะ!
ตอนนี้เขาไม่พูดอะไรอีก ดูก่อนค่อยว่าอีกทีแล้วกัน
หยวนซั่วในตอนนี้เหมือนจะเดือดขึ้นมาหน่อยๆ สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง “ฉันกลับไปก่อนละ! อีกอย่างฉันเป็นคนฆ่า นอกจากส่วนที่พวกหลิวหลงเป็นคนฆ่า ของที่เหลือทั้งหมดส่งมาให้ฉัน! รางวัลของผู้พิทักษ์รัตติกาลฉันไม่อยากจะไปรับเอง!”
ความจริงถึงเขาขออีกฝ่ายก็ไม่มีทางให้
……
แล้วหยวนซั่วก็จากไปเสียอย่างนั้น
เฮ่อเหลียนชวนมองเขาจากไปอย่างหมดคำจะพูด
ท่านผู้นี้อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อก่อนยังดีที่อย่างน้อยก็ใช้อำนาจข่มได้บ้าง ตอนนี้…รับมือยากจัง
เขามองหลี่ฮ่าวอีกที เผยยิ้มออกมา “อยากเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไหม”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับอย่างตกใจ “อยาก!”
ในใจกลับคิดว่าเราดูดซับพลังลี้ลับไปก็แค่ช่วยเพิ่มศักยภาพร่างกาย แต่เหมือนจะปลดกลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ อาจารย์เองก็บอกว่าอย่าเพิ่งคิดจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในเร็วๆ นี้…ตอบรับไปก่อนแล้วกัน
นี่เป็นบุคคลที่อยู่ระดับไตรสุริยาเชียว แสร้งทำตัวเป็นนักเรียนที่ดีก่อน
“หวงอวิ๋น คุณรับผิดชอบเก็บพลังลี้ลับที่อื่น ที่นี่ผมเก็บเอง คนอื่นๆ กลับไปก่อนเถอะ!”
เฮ่อเหลียนชวนพูดขึ้นประโยคหนึ่ง สุดท้ายมองไปทางหลิวหลงพลางกล่าว “สิ่งที่ทีมล่าปีศาจทำไปผมเห็นอยู่ในสายตา…แต่ผมก็ต้องพูดอีกว่าบางทีการอพยพจะเป็นการหลักประกันที่ดีที่สุด! ความวุ่นวายเมื่อคืนคุณก็ได้สัมผัสเองแล้ว ทะลวงร้อยคนเดียว ไม่สามารถยืนได้มั่นคงเมื่ออยู่ในโลกที่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน! นอกจากว่าคุณจะเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้อย่างศาสตราจารย์หยวน!”
หลิวหลงตอบเสียงนิ่ง “เข้าใจ! แต่ผมยังคงยืนยันคำเดิม อพยพ…ใช่ว่าจะทำไม่ได้! แต่เงื่อนไขก่อนอพยพคือต้องสร้างเมืองใกล้ๆ เมืองไป๋เยวี่ย! ไม่ใช่อพยพเขาไปเมืองใหญ่แล้วไม่สนใจอะไรอีก! ต้องรับผิดชอบพวกเขาทุกอย่าง ปัจจัยทั้งสี่ รวมถึงงาน…ไม่อย่างนั้น ต้องมีคนถูกพรากจากครอบครัว ครอบครัวแตกแยกตั้งเท่าไร”
“เบื้องบนย่อมมีความคิดของพวกเขา ส่วนเราก็มีความคิดของเราเช่นกัน ไม่งั้น…ผมก็ยังขอปักหลักอยู่เมืองหยินเหมือนเดิม ถึงความสามารถมีไม่มาก แต่ก็ขอปกป้องแผ่นดินสุดท้ายของเมืองหยินไว้!”
เฮ่อเหลียนชวนถอนเสียงเฮือกหนึ่งไม่เกลี้ยกล่อมอีก
พวกหัวรั้น!
แม้จะเป็นเรื่องยากหากต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไป แต่โลกปัจจุบันปั่นป่วนขึ้นทุกวัน ภัยวิกฤตพร้อมจะมาถึงตัวได้เสมอ
ส่วนสิ่งที่หลิวหลงพูดมาถือว่าเป็นเรื่องยากหากจะต้องรับผิดชอบประชากรนับล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่แค่เมืองเดียว แต่ยังมีเมืองเล็กๆ อีกมากมายต้องอพยพเหมือนเมืองหยินซึ่งอาจให้การดูแลได้ไม่ทั่วถึง!
หลิวหลงก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เขารู้ว่าทางเบื้องบนไม่มีวันตอบตกลง จากนั้นก็มองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงต่ำว่า “กลับกันก่อน!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าหมายจะเดินตามไป ก่อนจะไปยังไม่ลืมยิ้มลาให้พวกเฮ่อเหลียนชวน ทั้งเอ่ยต่อหวังหมิงว่า “เสี่ยวหมิง…ไม่สิ หัวหน้าหวัง คราวหน้ามีโอกาสฉันจะเลี้ยงข้าวนะ ครั้งนี้ขอบคุณทุกท่านที่สละชีวิตเพื่อมาช่วยผม!”
หวังหมิงหน้าแดงระเรื่อหน่อยๆ
สละชีวิตเพื่อช่วยนายหรือ
นี่…เราเข้าร่วมสงครามแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับซับซ้อน
อับอาบขายหน้าสิไม่ว่า
ดีที่หลี่ฮ่าวไม่เห็น เขาทำได้แค่ยิ้มยิงฟันให้ “ไม่เป็นไร หน้าที่น่ะ!”
ส่วนเฮ่อเหลียนชวนก็ยิ้มพยักหน้าให้ และเป็นอีกครั้งที่คิดว่าหลี่ฮ่าวเป็นเด็กดีมากคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เข้าไปเกี่ยวพันกับองค์กรใหญ่อย่างชาดจันทรา อนาคตยากจะเอื้อนเอ่ย
……
สักพักหลี่ฮ่าวกับหลิวหลงก็ไปจากตรงนั้น
หลิวหลงเดินไปก็พูดเสียงนิ่ง “เดิมทีคิดจะฝึกฝนคุณอีกสักหน่อย…แต่เท่าที่ดูตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว ไม่นานคุณอาจจะไปจากไปเมืองหยิน ก็ดี เมืองไป๋เยวี่ยปลอดภัยกว่า”
หลี่ฮ่าวหัวเราะ หัวเราะอย่างใสซื่อ “พี่ใหญ่คิดจะทอดทิ้งผมเหรอ ทำไมถึงต้องไป”
“หืม”
หลิวหลงชะงัก ไม่ไปหรือ
“คุณต้องรู้ว่าเมืองหยินไม่ปลอดภัยแล้ว…”
หลี่ฮ่าวยิ้มอีก “ก็ไม่แน่หรอก!”
ไปหรือ
ไม่ค่อยอยากไปนี่นา
แม้อาจารย์จะเคยโน้มน้าวให้ตนรีบไป แต่หลี่ฮ่าวก็มีความคิดเป็นของตัวเอง
ครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายแก่อีกฝ่ายมหาศาล คงไม่คิดจะบุกมาอีกครั้งในเวลาอันใกล้นี้หรอก เขาไปเมืองไป๋เยวี่ยก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี ผู้แข็งแกร่งมีมากเกินไป ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การจับตามองของพวกเขา เรื่องบางอย่างคงปกปิดได้ยาก อย่างเช่นเรื่องกระบี่เล่มเล็กนี้
แน่นอนว่าอยู่เมืองหยินต่อก็อันตรายมากเช่นกัน นี่คือความจริง
ทว่าภายในนามตอนนี้กระบี่เล่มเล็กถูกเอาไปแล้ว ถึงอย่างไรองค์กรชาดจันทราก็ต้องการกระบี่และเลือดของเขา ส่วนฝนสีฟ้าจะตกอีกเมื่อไรล้วนเป็นเรื่องที่พูดยาก
หากเป็นไปตามระยะห่างความถี่ ครั้งนี้เว้นไปหนึ่งปี ครั้งหน้าอาจจะครึ่งปี…อย่างน้อยก็มีเวลาอีกครึ่งปีที่ยังอยู่รอดปลอดภัย ไม่อย่างนั้นปกติต่อให้ฆ่าตนไปก็เปล่าประโยชน์
‘อย่างน้อยภายในครึ่งปีนี้เราใช่ว่าจะจำเป็นต้องไป!’
หลี่ฮ่าวคิดในใจ พานนึกถึงว่าบางทีภายในเมืองหยินอาจจะมีเงาโลหิตหลงเหลืออยู่ ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะไปจัดการ ไว้รอผู้แข็งแกร่งผู้พิทักษ์รัตติกาลกลับไปแล้วค่อยว่ากัน
ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกจับสังเกตได้
นี่เป็นวัตถุชิ้นใหญ่เชียว ตัวก่อนหน้าขนาดใหญ่เกินไปทำให้ตนย่อยสลายยาก แต่ถ้ายังมีเงาโลหิตตัวอื่นๆ หลงเหลืออยู่ตนน่าจะย่อยสลายได้
บางทีตนอาจจะเข้าสู่ขอบเขตทะลวงร้อยในไม่ช้า ถึงเมื่อนั้นต่อให้ไปเมืองไป๋เยวี่ยก็มีพลังป้องกันตัวบ้าง
‘ของรางวัลแห่งชัยชนะในครั้งนี้…อาจารย์แบ่งเอาส่วนมากเราเอาส่วนน้อยก็ได้ พลังห้าสายเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อวัยวะภายในทั้งห้า เรายังไม่เคยลองพลังลี้ลับครบทุกสายเลย ต่อไปเราสามารถพัฒนาฝีมือตัวเองอย่างสบายใจได้อีกสักระยะแล้ว’
ความคิดวาบเข้ามาในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า หลี่ฮ่าวยังไม่อยากไปจากที่นี่ในเร็วๆ นี้เลยจริงๆ
หลิวหลงที่อยู่ข้างๆ มองด้วยสายตาซับซ้อนประมาณหนึ่ง
ไม่ไปหรือ
เจ้าหมอนี่ใจกล้าจริงๆ
เท่าที่ฟังหลิวเยี่ยนเล่า ครั้งนี้เจ้าหมอนี่ลอบฆ่าผู้แข็งแกร่งไปถึงสองคน พอคิดถึงเรื่องนี้หลิวหลงก็รู้สึกทึ่งในใจ บางที…ไม่ไปก็ดี ไม่แน่ตนอาจจะมีหวังเห็นหลี่ฮ่าวกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ กลายเป็นจันทราทมิฬถึงขั้นสุริยะพรายก็ได้
หากมีสุริยะพรายคนหนึ่งยอมอยู่เมืองหยินจริงๆ บางทีเมืองหยินอาจจะได้รับความสำคัญมากขึ้นบ้าง
ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเองแล้วเดินเงียบตลอดทางจนถึงกองตรวจการณ์
……………………………………………………………………………….