STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 46 ทะลวงร้อย (1)
ตอนที่ 46 ทะลวงร้อย (1)
ณ โกดังของกองตรวจการณ์
รางวัลหลังสงครามในครั้งนี้อยู่ที่นี่ทั้งหมด
ฟ้ามืดแล้ว แต่เพราะครั้งนี้โกดังของกองตรวจการณ์มีมูลค่าสูงเกินไป ต่อให้จะมีผู้แข็งแกร่งอยู่ภายในเมือง แต่กองตรวจการณ์ก็ไม่กล้าชะล่าใจ กระทั่งมู่เซินพาคนมาเฝ้าโกดังนี้เองด้วยซ้ำ
หากหยวนซั่วไม่มาเอาของกลับหนึ่งวัน เขาก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่วันเดียว
พลังลี้ลับหนึ่งพันกว่าลูกบาศก์เชียวนะ!
เมืองเล็กๆ อย่างเมืองหยิน ต่อให้มู่เซินจะมีอำนาจใหญ่โตเพียงใดก็ไม่เคยเห็นเยอะขนาดนี้มาก่อน
นอกจากเมืองไป๋เยวี่ยกับเมืองเย่ากวง เกรงว่าเมืองอื่นๆ คงเห็นได้ยากไม่ต่างกัน
โกดังของกองตรวจการณ์มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างมาก ขณะที่หลี่ฮ่าวก้าวเข้ามาในอาณาเขตโกดังนี้ก็พอรู้สึกได้รางๆ ว่ามีปืนเล็งมาที่ตนมากมาย แถมผู้อำนวยการอย่างมู่เซินก็อยู่ด้วย ต่อให้มีสุริยะพรายโผล่มาก็เกรงว่ายากจะช่วงชิงไปได้
“หลี่ฮ่าวจากหน่วยปฏิบัติการ รายงานตัวครับ!”
หลี่ฮ่าวทำความเคารพมู่เซินตรงหน้าประตู
เขาไม่ค่อยรู้จักผู้อำนวยการคนนี้มากนัก แต่ความประทับใจครั้งแรกยังนับว่าใช้ได้อยู่ เมื่อครั้นที่หลี่ฮ่าวลาออกมาทำงานที่ห้องเก็บแฟ้มคดี มู่เซินยังเคยโน้มน้าวให้เขาเรียนจบก่อนค่อยเข้ามาทำงานที่กองตรวจการณ์เลย
ครั้งที่สองที่ได้รู้จักก็คือเมื่อคืน แม้ว่าท้ายที่สุดผู้อำนวยการจะไม่ได้ออกนอกเมืองไปเป็นกำลังหนุน แต่ก็ถือว่าช่วยให้หลิวหลงรอดพ้นจากสถานการณ์ในเมืองมาได้อย่างสุดความสามารถแล้ว
ส่วนบทสนทนาระหว่างมู่เซินกับเฮ่อเหลียนชวนในวันนี้เขากลับไม่ได้ฟัง
“หลี่ฮ่าวเองเหรอ!”
มู่เซินคลี่ยิ้มสดใสออกมา “ใช้ได้ๆ!”
พยักหน้าพูดชมเชยหลี่ฮ่าวคำหนึ่ง ส่วนใช้ได้ตรงไหนนั้นหลี่ฮ่าวก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
“มาเอาพลังลี้ลับเหรอ”
“ครับ”
หลี่ฮ่าวหยักหน้ารับ
“ส่วนของอาจารย์เธอ หรือส่วนของทีมล่าปีศาจล่ะ”
“ส่วนที่แบ่งให้ผมครับ ส่วนของอาจารย์ผมคงไม่กล้าข้ามหน้าข้ามตาไปเอามาหรอกครับ”
หลี่ฮ่าวยิ้มเขินทีหนึ่ง ดูท่าทางเหนียมอายอยู่หน่อยๆ
“ได้ยินมาว่าครั้งนี้เธอทำผลงานไว้ดีไม่หยอก ก่อนหน้านี้หลิวหลงเปรยไว้แล้วว่าเธอจะได้รับส่วนแบ่งสามสิบสองลูกบาศก์ น่าอิจฉาจริงๆ เลยนะ!”
ถึงปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่ความจริงเขาเองก็ได้รับส่วนแบ่งอยู่บ้าง ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติดำดินในเมืองคนนั้นเขาเป็นคนนำทีมไปฆ่า เขาย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้วจึงกั๊กไว้ตั้งแต่ทีแรก
ขณะที่สนทนากันมู่เซินก็ยิ้มถาม “ฉันพาเธอเข้าไปเอง จะดูดซับวันนี้เลยเหรอ”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า
มู่เซินเปิดประตูโกดังก่อนที่ไฟข้างในจะสว่างพรึบ ไม่นานหลี่ฮ่าวก็เห็นกระจกครอบผลึกเหมันต์ร่ายเรียงตรงหน้า ยามทอดสายตามองไป…มีไม่ถึงหนึ่งพันลูกบาศก์อย่างแน่นอน!
หลี่ฮ่าวแอบสงสัย หรือว่าส่วนอื่นๆ ไม่อยู่ที่นี่หรือ
มู่เซินก็เดินเข้ามาในโกดังตามหลัง พอเห็นหลี่ฮ่าวมองไปทางนั้นก็จุดยิ้ม “ข้องใจสินะว่าทำไมในนี้ดูเหมือนไม่มีพลังลี้ลับเยอะขนาดนั้น”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า
“พลังลี้ลับใช่ว่าจะเก็บรักษาอยู่ในกระจกครอบผลึกเหมันต์ได้เสมอไป กระจกครอบผลึกเหมันต์ช่วยป้องกันไม่ให้พลังลี้ลับสลายก็จริง แต่ก็มีข้อเสียอย่างหนึ่ง…คือต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่! อยู่ข้างนอกเธอฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปหนึ่งคน หรือว่าจะต้องใช้กระจกครอบผลึกเหมันต์แบบนี้ในการเก็บรักษาพลังลี้ลับเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก!”
สิ้นคำหลี่ฮ่าวก็พยักหน้าตาม
ใช่แล้ว!
ขั้นไตรสุริยาหนึ่งคนน่าจะเก็บพลังลี้ลับได้หนึ่งพันลูกบาศก์ ฆ่าไตรสุริยาหนึ่งคน ใครเล่าจะพกกระจกครอบผลึกเหมันต์ที่จะเก็บพลังลี้ลับให้พอถึงหนึ่งพันลูกบาศก์
“รวมถึงพลังลี้ลับที่พวกเธอจะเก็บกลับไปเหมือนกัน”
มู่เซินอธิบายต่อ “อย่างครั้งนี้เธอได้พลังลี้ลับสามสิบสองลูกบาศก์ หรือเธอทำได้แค่ดูดซับพลังที่นี่เหรอ ปรมาจารย์นักรบและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนไม่มีใครหวังอยากจะให้มีใครเห็นขั้นตอนการฝึกพลังของตนหรอก ดังนั้นจึงมีวิธีการเก็บกลับไปเหมือนกัน!”
หลี่ฮ่าวชักสนใจขึ้นมารีบถามว่า “ผู้อำนวยการ แล้วจะเก็บยังไงเหรอครับ ใช้ของอะไรถึงจะป้องกันไม่ให้พลังลี้ลับสลายได้ครับ”
เขาก็คิดอยู่ว่าถ้าดูดซับพลังที่นี่ แต่มีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกตั้งมากมายมันไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด
หากเขาดูดซับหมดในเวลาอันรวดเร็ว ก็เท่ากับบอกคนอื่นว่าตนแตกต่างจากคนทั่วไปสิ
“เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง!”
มู่เซินหัวเราะ รอยยิ้มดูมีเลศนัย “เมื่อก่อนเมืองหยินเราก็ไม่มีวิธีเก็บ แต่ตอนนี้…ทำได้แล้ว!”
สักพักทั้งคู่ก็เดินเข้าในพื้นที่ที่มีกระจกครอบผลึกเหมันต์
พลังลี้ลับร้อยกว่าลูกบาศก์มีทุกพลังธาตุ
และมีส่วนหนึ่งที่ไม่มีพลังธาตุอยู่ด้วย!
มู่เซินปริปากเอ่ย “เธอเลือกเองว่าสามสิบสองลูกบาศก์จะเอาพลังธาตุไหน…หรือเอาไร้ธาตุก็ไม่เป็นไร! ความจริงราคาไม่ต่างกันมาก ไร้ธาตุจะดูดซับง่ายหน่อย หากมีพลังธาตุจะรุนแรงกว่าหน่อย แต่ดูดซับสู่ร่างกายทำลายโครงสร้างให้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ง่ายกว่า”
ครั้งนี้หลี่ฮ่าวเล็งไปที่พลังธาตุทั้งห้าสายเลย
พลังธาตุดินเมื่อคราวก่อนก็ช่วยปรับสภาพม้ามให้เขา
ครั้งนี้นอกจากพลังธาตุไฟก็มีทั้งธาตุโลหะ ไม้ น้ำ ดินครบครัน เว้นแต่เพียงพลังธาตุไฟที่ไม่มี เนื่องจากไม่มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติธาตุไฟโผล่มาในสงครามครั้งนี้ เพราะไม่สะดวกที่ทำการโจมตีกลางสายฝน หากคืนฝนตกใช้พลังธาตุไฟกลับจะลดทอนพลังทำลายล้างลงไปครึ่งหนึ่งทำให้ยากที่จะเอาชนะได้
ส่วนธาตุอื่นๆ ก็เป็นลมและสายฟ้า พลังที่บินได้ก็เป็นชนิดหนึ่งของพลังธาตุลม
“ขาดพลังธาตุไฟไป…หากว่าตามหลักพลังทั้งห้าสาย ไฟเปรียบเสมือนหัวใจ แปลว่าถ้าครั้งนี้พลังทั้งห้าสายเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับอวัยวะทั้งห้าได้ แต่หัวใจกลับจะไม่ได้รับการบำรุงให้แข็งแรงขึ้น”
หลี่ฮ่าวมองปราดหนึ่ง ไม่นานก็เปิดปากกล่าวว่า “ผู้อำนวยการ ผมอยากขอพลังธาตุโลหะ ไม้ น้ำอย่างละแปดลูกบาศก์และพลังธาตุดินหกลูกบาศก์ครับ”
ครั้งก่อนดูดซับพลังธาตุดินไปสองลูกบาศก์ หลี่ฮ่าวคิดว่าต้องทำให้มันสมดุลสักหน่อย
ส่วนพลังธาตุไฟ ตอนนี้ไม่มีก็ยังเหลืออีกสองลูกบาศก์ให้เลือก หลี่ฮ่าวคิดๆ แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า “พลังธาตุสายฟ้ากับธาตุลมอีกอย่างละหนึ่งลูกบาศก์ครับ”
มู่เซินไม่ได้รู้สึกเหนือคาดกับคำตอบนี้สักนิด แค่พูดเป็นการเตือนว่า “การดูดซับพลังดั้งเดิมจะช่วยให้เธอมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็จริง แต่ต้องมีการจับคู่ที่สมดุลกัน! ถ้าเดิมทีเธอมีพลังธาตุไฟ ดูดซับพลังธาตุน้ำเข้าไปเมื่อไรก็จะถูกกลืนกินได้ง่าย ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะ!”
หลี่ฮ่าวไม่ต้องการพลังธาตุชนิดเดียวกันมันเป็นเรื่องปกติมาก
เพราะการดูดซับพลังเข้าสู่ร่างกาย ทางที่ดีต้องเป็นพลังที่เหมาะสมกับร่างกายตัวเองถึงจะกระตุ้นให้กลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติของตัวเองปลดล็อก
แต่เจ้านี่ไม่สามารถตรวจสอบก่อนได้จึงทำได้เพียงค่อยๆ ลองไปทีละนิดๆ
หากหลี่ฮ่าวลองพลังหลายธาตุในคราวเดียวจะทำให้เกิดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ได้ง่าย…แต่แน่นอนว่าเขาก็จะไม่ยุ่งกับการตัดสินใจของหลี่ฮ่าวเช่นกัน
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “ผู้อำนวยการ ผมรู้! ถ้าสถานการณ์ไม่ดีผมก็จะล้มเลิก!”
“อืม ฉันเชื่อว่าเธอไม่โง่ขนาดนั้น…แต่ว่าเธอคิดแต่จะดูดซับพลังธาตุแบบนี้หมายความว่าล้มเลิกความคิดที่จะพัฒนาตัวเองบนเส้นทางนักรบแล้วเหรอ”
เขายังรู้สึกเสียดายนิดๆ “อาจารย์ของเธอ ตอนนี้เข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ เป็นตำนานของปรมาจารย์นักรบ! เดิมทีฉันคิดว่าเธอจะเลือกดูดซับพลังลี้ลับไร้ธาตุเพื่อเลือกเส้นทางนักรบไปอีกสักระยะเหมือนอาจารย์ของเธอซะอีก เห็นที…ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไร”
หลี่ฮ่าวตอบเสียงซื่อ “ผู้อำนวยการ ระยะเวลาที่ผมฝึกวิชายุทธ์สั้นเกินไป! นับรวมๆ กันก็แค่สามปีแต่ได้เรียนจริงๆ กลับไม่กี่วันเท่านั้น…ความจริงจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากพลังเหนือธรรมชาติเลย พลังเหนือธรรมชาติยังเริ่มต้นได้เร็วกว่า ฉะนั้นผมก็หวังว่าจะเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติให้ไวที่สุด!”
มู่เซินพยักหน้ารับอีกครั้งและไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรอีก
ใช่แล้ว ระยะเวลาในการร่ำเรียนวิชายุทธ์น้อยเกินไป หากเขาจะเลือกพลังเหนือธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
“ทางที่ดีรอให้เธอเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารก่อนค่อยเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แบบนี้เธอถึงจะมีโอกาสก้าวข้ามขอบเขตแสงดารา…แน่นอนว่าขึ้นอยู่สถานการณ์ เพราะต่อให้เข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารไปก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน”
หลิวหลงไม่เคยรายงานเรื่องหลี่ฮ่าวให้เบื้องบนรับรู้มาก่อน
ดังนั้นมู่เซินจึงไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของหลี่ฮ่าว ส่วนเหตุผลที่หลี่ฮ่าวได้รับส่วนแบ่งพลังลี้ลับไปมากขนาดนี้หลิวหลงก็ไม่ให้เหตุผลอะไร มู่เซินถามไปหนึ่งประโยค หลิวหลงก็ตอบแค่ว่าใช้หลี่ฮ่าวเป็นเหยื่อล่อเลยมีคุณงามความดีอยู่มาก
ส่วนเรื่องที่หลี่ฮ่าวฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้นกับฆ่าปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยคนนั้น มีเพียงคนในทีมที่รู้กันเองเท่านั้น
เพราะเหตุนี้ต่อให้ตอนนี้มู่เซินเองก็ยังไม่รู้ว่าหลี่ฮ่าวก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารแล้ว กระทั่งใกล้บรรลุขอบเขตทะลวงร้อยในอีกไม่ช้าด้วยซ้ำ
……………………………………………………………………………….