STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 46-5 ทะลวงร้อย (5)
ตอนที่ 46 ทะลวงร้อย (5)
จากนั้นพลังลี้ลับในกระดูกมนุษย์ก็ถูกดูดซับออกมาทีละนิดๆ
พอเข้าสู่ภายในร่างกายแล้วก็จะถูกพลังจากจี้หยกกระบี่คัดแยกอย่างรวดเร็ว พลังส่วนที่มีธาตุเริ่มเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับไต ซึ่งเป็นไปตามที่หลี่ฮ่าวคาดไว้ไม่มีผิดว่ามันช่วยอวัยวะภายในจริงๆ!
หยวนซั่วที่คอยสังเกตอยู่ตลอด สายตาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด
เขาผุดความคิดบางอย่างขึ้นมารางๆ เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะทดสอบ
รอกระทั่งหลี่ฮ่าวดูดซับพลังน้ำเข้าไปราวสองลูกบาศก์ ไม่นานเขาก็เริ่มดูดซับพลังโลหะกับพลังไม้
เมื่อเขาดูดซับพลังสี่สายไปอย่างละสองลูกบาศก์ หลี่ฮ่าวรู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในแข็งแรงขึ้น…นอกจากหัวใจ ตอนนี้เขารู้สึกแย่นิดๆ เพราะเลือดไหลเวียนเร็วกว่าเดิม อวัยวะภายในขยายใหญ่มากขึ้น ส่วนอื่นยังพอรับไหว แต่หัวใจ…ให้ความรู้สึกเหมือนเกินจะรับได้
ตึกตึกตึก!
หัวใจเต้นรัวๆ!
นี่จึงทำให้หลี่ฮ่าวรู้สึกแย่นิดๆ แต่ยังไม่ถือว่าเสียความสมดุลมากนัก
“ขาดพลังธาตุไฟ!”
หยวนซั่วเข้าใจทันทีพลันนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นได้ จากนั้นหยวนซั่วก็หายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
นอกห้อง
หยวนซั่วกระโดดขึ้นฟ้าวาบไปปรากฏตัวต่อหน้าเฮ่อเหลียนชวนในชั่วพริบตา “มีพลังธาตุไฟไหม”
“หืม ไม่มี…ทำไมเหรอ”
“ฉันจำได้ว่าแกธาตุไฟ”
“ใช่…”
“แล้วแกไม่มีพลังธาตุไฟเหรอ”
เฮ่อเหลียนชวนหมดคำจะพูด “ผมธาตุไฟก็จริงแต่ใช่ว่าผมจะมีพลังธาตุไฟ หรือว่าจะให้ผมแยกพลังลี้ลับผมออกมาเหรอ”
เขาไม่ได้พกพลังธาตุไฟออกมาสักหน่อย
“แกแยกออกมาหน่อย!”
“…”
เฮ่อเหลียนชวนเกือบจะโมโหตาย นี่หมายความว่าอย่างไร
ฉันยังมีชีวิตอยู่ แต่แกคิดจะแบ่งพลังลี้ลับของฉันไปแล้วงั้นหรือ
“เร็วหน่อย แกแยกออกมาหน่อย ฉันจะบอกความลับอย่างหนึ่งให้!”
“ความลับเหรอ”
“เร็วๆ!”
เอาเถอะ เฮ่อเหลียนชวนสงสัยความลับนี้มาก คิดๆ แล้วก็แยกพลังออกมานิดหน่อย หยวนซั่วขมวดคิ้ว “ไม่พอ สักยี่สิบลูกบาศก์แล้วกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับแกเท่าไรนี่!”
“…”
เฮ่อเหลียนชวนถอนหายใจ “ศาสตราจารย์อย่าหลอกผมนะ หวังว่าความลับนี้จะคุ้มค่ากับยี่สิบลูกบาศก์จริงๆ!”
หยวนซั่วคร้านจะสนใจ
พอรออีกฝ่ายแยกพลังธาตุไฟออกมาส่วนหนึ่งเขาก็รีบเก็บโดยใช้วัตถุเหนือธรรมชาติ เฮ่อเหลียนชวนทำเป็นมองไม่เห็น ตาแก่นี่ก็มีเงิน อีกทั้งหลายปีมานี้ยังเก็บของดีไว้ไม่น้อยด้วย
“ศาสตราจารย์หยวน ความลับอะไรเหรอ”
เฮ่อเหลียนชวนแปลกใจ ส่วนใช่ความลับใหญ่หรือไม่ก็ช่างปะไร ยี่สิบลูกบาศก์ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก ยิ่งกว่านั้นถ้าเขาไม่ให้หยวนซั่วอาจจะตีเขาตายได้ ถือว่าเป็นของแถมแลกกับความลับแล้วกัน
แต่แล้วหยวนซั่วกลับพูดอะไรบางอย่างที่สร้างความตะลึงแก่เขา “หัวใจของแกเกินจะรับไหวแล้ว! พลังธาตุไฟมีแรงกระตุ้นต่อหัวใจมาก! แกต้องดูดซับพลังอีกสี่สายที่เหลืออย่างเหมาะสม ต่อให้ดูดซับแค่ส่วนน้อยจนตีกันก็ไม่เป็นไร ดูดซับนิดหน่อยก็พอ ปรับความสมดุลให้กับหัวใจที่แบกรับภาระหนักบ้าง…ไม่งั้นแกอาจจะตายเพราะหัวใจปริแตกได้!”
สิ้นคำเขาก็ก้าวขาย่ำอากาศหายตัวไปในพริบตา
แต่เฮ่อเหลียนชวนกลับรู้สึกสะเทือนใจ
หัวใจแบกรับภาระหนักเกินไป!
ดูดซับพลังอีกสี่สายอย่างเหมาะสม หยวนซั่วพูดไม่ผิดสักนิด ช่วงนี้เขารู้สึกหัวใจเจ็บแปลบๆ อยู่บ้างแต่เขาแค่ไม่สนใจมันเท่านั้น
“พลังธาตุทั้งห้าสายงั้นเหรอ”
เฮ่อเหลียนชวนจมอยู่ในห้วงความคิด วินาทีนี้พลันก็คิดว่าพลังธาตุไฟยี่สิบลูกบาศก์ให้ไปคุ้มค่าเหลือเกิน ตาแก่นี่มีความลับน่าตกใจตามคาดจริงๆ แค่พูดตามใจชอบสักประโยคก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุ้มค่าแล้ว
……
ภายในห้อง
เดิมทีหลี่ฮ่าวไม่คิดจะดูดซับต่อแล้ว แต่ปรากฏว่าหยวนซั่วยื่นสิ่งที่เหมือนกาต้มน้ำทรงกลมเล็กๆ มาให้ “พลังธาตุไฟ!”
หลี่ฮ่าวดวงตาเป็นประกาย อาจารย์สุดยอดจริงๆ คิดอะไรก็ได้อย่างนั้นเลย
จากนั้นเขาก็เริ่มดูดซับพลังต่อ
ทันใดนั้นหลี่ฮ่าวก็รู้สึกว่าหัวใจแข็งแรงขึ้นช้าๆ ตอนนี้ภายในร่างกายเข้าสู่ระบบหมุนเวียนอย่างมั่นคง อวัยวะภายในทั้งห้าต่างแข็งแรงทั้งหมด
เมื่ออวัยวะภายในทั้งห้าอยู่ในระบบสมดุลโดยสมบูรณ์ หลี่ฮ่าวก็นึกประหลาดใจอยู่บ้างเพราะรู้สึกว่าพลังภายในเพิ่มพูนขึ้นมากลางๆ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำตัวระเบิด
หลี่ฮ่าวไม่สนใจก่อนเริ่มทำการดูดซับต่อทีละสองลูกบาศก์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พลังธาตุทั้งห้าจำนวนสามสิบลูกบาศก์ที่เขาได้มาบวกกับพลังธาตุไฟแปดลูกบาศก์ที่หยวนซั่วให้…ครั้งนี้หลี่ฮ่าวดูดซับพลังธาตุทั้งห้าไปถึงสามสิบแปดลูกบาศก์ บวกกับพลังธาตุดินสองลูกบาศก์ที่ดูดซับไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาดูดซับไปทั้งหมดสี่สิบลูกบาศก์แล้ว!
ซึ่งจำนวนนี้เป็นสิ่งที่พวกหลิวเยี่ยนไม่เคยได้มาตลอดหลายปีและไม่มีให้พวกเขาดูดซับมากขนาดนั้นด้วย
เมื่อหลี่ฮ่าวดูดซับหมด เขาก็เกิดความรู้สึกว่า…พลังภายในแผ่ทะลุออกมาจากร่างกายได้แล้ว!
วินาทีถัดมาหลี่ฮ่าวก็คำรามเสียงต่ำทีหนึ่งแล้วต่อยหมัด
แต่ยังไม่พอ!
เขาไม่สนพลางระเบิดพลังเก้าหลอมแรงปราณ หลังจากปล่อยพลังภายในหนึ่งครั้งไม่พอก็ต่อครั้งที่สอง!
สองพลังซ้อน!
ครั้งนี้เหมือนพลังภายในเพิ่มพูนขึ้น เกิดเสียงดังตู้ม หมัดหลี่ฮ่าวเหมือนมีประกายแสงวิบวับ เมื่อปล่อยหมัดไปก็ทำเอาอิฐพื้นตรงหน้าแตกละเอียด!
หลี่ฮ่าวทำหน้าตกใจ!
ทะลวงร้อยแล้วหรือ
ทว่าหยวนซั่วกลับขมวดคิ้วนิดๆ “ยังใช้ได้ เกือบแล้ว…ต้องปล่อยพลังซ้อนสองครั้งรวดเดียวถึงจะพอนับว่าปล่อยออกมา…แต่ก็ถือว่าอยู่ในลำดับขั้นทะลวงร้อยแล้ว! แต่…นี่เธอต่อยพื้นฉันทำไม”
เจ้าเด็กนรกนี่!
หยวนซั่วทำหน้าไม่พอใจ ฉันเสียเงินตั้งเยอะกว่าจะปูพื้นอิฐได้ ทว่ากลับถูกหมอนี่ทำพัง ทำไมมือเธอถึงอยู่ไม่สุขขนาดนี้
“อาจารย์ ผมทะลวงร้อยแล้ว!”
หลี่ฮ่าวกลับตื่นเต้นอย่างมากแล้วจะว่างมาสนใจเรื่องนี้อีกเสียเมื่อไร
หยวนซั่วกลับพูดเสียงเข้มว่า “ทะลวงร้อยแล้วยังไง เพิ่งจะทะลวงร้อยซึ่งฝืนอยู่มากด้วยซ้ำ ถ้าพูดกันตามจริงตอนนี้ยังไม่นับว่าใช่! หวังหมิงที่อายุเท่าเธอ เขาอยู่ระดับสุดยอดของจันทราครึ่งซีกใกล้จะเข้าสู่จันทราเต็มดวงแล้ว นั่นก็คือช่วงระดับปลายของทะลวงร้อย! เธอคิดว่าเธอเก่งมากเหรอ”
ไม่ข่มหน่อยหมอนี่คงได้ใจจนตัวลอย
“อาจารย์ ผม…”
หลี่ฮ่าวทำหน้าจ๋อย ผมขอตื่นเต้นหน่อยไม่ได้หรือ
ผมทะลวงร้อยแล้วนะ!
“แล้วก็ความสามารถการต่อสู้ในสนามจริงยังแย่มาก เอาเถอะ ตอนนี้ก็พอแค่นี้ก่อน!”
หยวนซั่วพูดเสียงจริงจัง “วันนี้ทำตัวให้คุ้นชินก่อน!”
สิ้นคำเขาก็ยกฝีเท้าเดินออกจากห้องฝึกซ้อมไป
พอเดินออกจากประตูใบหน้าของเขาก็ผุดยิ้มสดใสราวกับดอกไม้บานสะพรั่งพลางกำหมัดแน่น!
ทะลวงร้อยแล้ว!
คิดไม่ถึงว่าตนแก่ขนาดนี้จะยังฝึกปรมาจารย์นักรบลำดับขั้นพันยุทธ์คนต่อไปได้จริงๆ!
ถึงเจ้าหมอนี่จะอาศัยพลังภายนอก แต่ขอแค่หยั่งถึงพลังจิตวิญญาณก็จะไม่กระทบอะไรจนสามารถเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้…เช่นนั้นก็เท่ากับมีสองพันยุทธ์ในสำนักแล้ว!
“เก็บอารมณ์หน่อย!”
หยวนซั่วลอบพูดกับตัวเองทั้งๆ ที่ปลื้มใจสุดๆ
จะแสดงอารมณ์ออกมาไม่ได้!
เราเป็นผู้แข็งแกร่งพันยุทธ์ เคยฆ่าไตรสุริยามาแล้ว แค่ทะลวงร้อยเองแถมยังเพิ่งเริ่มต้นอีกต่างหาก หลี่ฮ่าวยังเป็นไก่อ่อนคนหนึ่งซึ่งตบฝ่ามือเดียวก็ตายได้…พอคิดเช่นนี้อารมณ์ก็สงบลงอย่างมาก
ใช่ อย่างนี้ล่ะ!
วินาทีถัดมาหยวนซั่วก็เหยียบพื้นอิฐที่แตกละเอียด แค่นเสียงทีหนึ่ง “พรุ่งนี้ให้คนมาปูพื้นให้ฉัน! เปลี่ยนใหม่หมด! เธอจ่ายเงิน!
“…”
ภายในห้องหลี่ฮ่าวทำหน้าเจื่อน ผม…ผมไม่มีเงินสักหน่อย
พื้นอิฐของอาจารย์ราคาแพงลิ่วขนาดนั้น
ถึงตอนนี้เขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนยังเป็นแค่ยาจกคนหนึ่ง ท่าทีดีอกดีใจที่เข้าสู่ขอบเขตทะลวงร้อยได้ก็หม่นลงมากไม่น้อย ผมไม่มีเงินหรอกนะ!
……………………………………………………………………..