STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 47-3 ข่าวดีของทีม (3)
ตอนที่ 47 ข่าวดีของทีม (3)
มีคนคาดเดาอยู่ไม่น้อยว่าหยวนซั่วฆ่าเซียนปรมาจารย์ดับสวรรค์เพราะอีกฝ่ายคาดไม่ถึงว่าเขาเลื่อนขั้นแล้ว ถึงได้ถูกโจมตีหนักในคราวเดียวจนถึงแก่ชีวิต หากปะทะกันซึ่งๆ หน้าใช่ว่าหยวนซั่วจะทัดเทียมผู้แข็งแกร่งลำดับไตรสุริยาได้สักหน่อย
หลี่ฮ่าวยิ้มกล่าว “พี่อวิ๋น ต่อให้ปรมาจารย์นักรบจะมีคนน้อยกว่าบ้าง แต่ทันทีที่เลื่อนขั้นเป็นทะลวงร้อยก็อาจจะมีโอกาสก้าวข้ามไปเป็นสุริยะพรายได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน นั่นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ ทีมเรามีปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ความสามารถก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว! เป็นเรื่องที่น่าฉลองนะ!”
เขาเห็นทุกคนดูมีเรื่องหนักใจจึงพูดเสริมไปไม่กี่ประโยค
หลิวเยี่ยนก้าวสู่ขอบเขตทะลวงร้อย บางทีเธออาจจะไม่ได้สดใสดีใจอย่างที่แสดงออกมา แต่หลี่ฮ่าวกลับรู้สึกจริงๆ ว่ามันไม่มีความแตกต่างอะไร
“ก็ถูก!”
ทันใดนั้นเองเฉินเจียนก็ยิ้มซื่อเอ่ยขึ้นว่า “ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยก็เก่งมากนะ! ลูกพี่ก็อยู่ขั้นทะลวงร้อย ดูลูกพี่สิ เขาแข็งแกร่งกว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลพวกนั้นเยอะเลย! แบบนี้ทีมเราก็มีสองคนที่เป็นทะลวงร้อยจากทั้งหมดหกคนแล้ว เมืองหยินไม่ใหญ่ ขอแค่ไม่ใช่การจู่โจมของพลังเหนือธรรมชาติขนาดใหญ่อย่างครั้งนี้ หากสถานการณ์ทั่วไปผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลำดับจันทราทมิฬมาไม่กี่คน เราก็คงรับมือไหว”
“ใช่ๆ!”
อู๋เชาก็ซ่อนความเศร้าไว้ในใจแล้วฝืนยิ้มออกมา “หัวหน้าหลิว ยินดีด้วย! เป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยคนที่สองของทีมเรา สุดยอดไปเลย!”
ตอนนั้นเองหลิวหลงก็เดินเข้ามา
เขากวาดตามองทุกคนแวบหนึ่งถึงหันไปมองหลิวเยี่ยน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องที่หลิวเยี่ยนเป็นทะลวงร้อย ทุกคนรู้หมดแล้วเหรอ”
“ครับ/ค่ะ!”
ทุกคนพยักหน้า
เห็นได้ชัดว่าหลิวหลงรู้ก่อนพวกเขา
หลิวหลงพูดเสียงเรียบว่า “เป็นเรื่องดี! ในเวลาคับขันเช่นนี้ ความสามารถพัฒนาขึ้นนับว่าเป็นเรื่องดี ส่วนพัฒนายาก…เมืองหยินเรามีปรมาจารย์นักรบอันดับหนึ่งของมณฑลหยินเยวี่ยอยู่ไม่ใช่เหรอ บางทีอาจจะขอคำแนะนำเผื่อได้ประโยชน์อะไรบ้าง! อีกอย่างทะลวงร้อยก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติอาจจะก้าวข้ามไปเป็นสุริยะพรายในครั้งเดียวเลยก็ได้ สุริยะพราย…ต่อให้ทั้งมณฑลหยินเยวี่ยก็มีไม่มาก ถึงตอนนั้นพวกเธอต้องอิจฉาแน่!”
สิ้นคำเขาก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก หากหลิวเยี่ยนก้าวข้ามไปขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเขาอาจจะพูดมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ในสายตาใครหลายๆ คนปรมาจารย์นักรบยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งห่างจากขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติมากเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลย
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว บอกข่าวดีเรื่องอื่นดีกว่า!”
หลิวหลงก็จุดยิ้ม “เช้าวันนี้หัวหน้าเฮ่อมาหาฉัน! เบื้องต้นเขาอนุญาตที่จะสร้างหน่วยงานย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลที่เมืองหยิน ถ้าหน่วยงานย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งขึ้นเมื่อไร เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่พูด”
เขามองหลี่ฮ่าว บางทีอาจมีแค่หลี่ฮ่าวที่ไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายว่า “หน่วยงานย่อย เบื้องบนจะจัดสรรผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนหนึ่งกับทรัพยากรที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติต้องการมาให้ส่วนหนึ่ง รวมถึงพลังลี้ลับ! ถ้าไม่สำเร็จ สำหรับกองตรวจการณ์ก็จะมีแต่เพิ่มเงินเดือนให้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับเราแล้วเงินเดือน…นอกจากใช้ซื้อข้าวกิน นอน ซื้อเสื้อผ้าใส่ ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกเหรอ”
พวกเขาไม่ได้ต้องการเงินทอง!
เงินมากหน่อยก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมาก มีเงินใช่ว่าจะซื้อพลังลี้ลับได้
พลังลี้ลับตามท้องตลาดมืดล้วนต้องใช้เงินในช่องทางอื่น อย่างเช่นซื้อสินค้าทรัพยากรที่องค์กรต้องการ พวกข้าวของเครื่องใช้ทั้งสี่ปัจจัย
สิ่งนี้พวกหลิวหลงล้วนมีทางการอำนวยความสะดวก
ดังนั้นเงินทองไม่ใช่สิ่งสำคัญในสายตาพวกเขา
หากหน่วยงานย่อยก่อตั้งสำเร็จ ถึงตอนนั้นเงินเดือนอาจจะไม่ใช่เงินทองอีกแต่เป็นพลังลี้ลับ พลังพัฒนาขึ้นไม่พอ เบื้องบนอาจจะส่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนหนึ่งมาปกป้องเมืองหยินมากขึ้นด้วย
อีกทั้งก่อตั้งหน่วยงานย่อยสำเร็จ บ่งบอกว่าเบื้องบนก็จะล้มเลิกความคิดที่จะอพยพชาวเมืองแล้ว
มีข้อดีมากมายเต็มไปหมด!
ว่าแล้วหลิงหลงก็ยิ้มเอ่ยว่า “หัวหน้าเฮ่อมาหาฉันและเกริ่นบ่อยเป็นพิเศษ บ่งบอกว่าเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ นี่เป็นเรื่องดี อย่างน้อยตอนนี้ก็มีหัวหน้าเฮ่อยอมรับ เขามีตำแหน่งในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลสูงมาก เป็นรองแค่หัวหน้าเซี่ยเท่านั้น! นี่บ่งบอกว่าโอกาสที่จะก่อตั้งหน่วยงานย่อยก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!”
หลิวเยี่ยนกลับไม่สนใจเรื่องนี้ ถามเสียงเรียบว่า “แล้วผู้บัญชาการประจำหน่วยงานย่อยคือลูกพี่เหรอ”
หัวหน้าของหน่วยงานย่อย หากแบ่งตามตำแหน่งควรเป็นผู้บัญชาการระดับหนึ่ง ซึ่งก็คือระดับเดียวกับมู่เซิน
หากหน่วยงานย่อยก่อตั้งสำเร็จเป็นเรื่องดีก็จริง กลัวก็แต่เบื้องบนกลัวหลิวหลงจะไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแต่เป็นปรมาจารย์นักรบเลยเลือกส่งคนอื่นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแทน ถ้าอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสียทีเดียว
หลิวหลงตอบเสียงเรียบ “ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้! เป้าหมายของเราใช่ว่าจะเป็นผู้ครองอำนาจหน่วยงานย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลสักหน่อย ถ้าหน่วยงานย่อยผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งสำเร็จก็สื่อว่าที่นี่เป็นที่ที่ควรปกป้องคุ้มครอง! มีอีกจุดหนึ่ง ถ้าทางนั้นอนุญาตให้ก่อตั้งหน่วยงานย่อยแล้วส่งคนอื่นมาเป็นผู้บัญชาการประจำหน่วย งั้นอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ต้องเป็นจันทราทมิฬระดับจันทราเต็มดวง! นี่เป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องแย่เลย!”
ทุกคนคิดตาม แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คาดเอาไว้
นอกเสียจากจะมีคำสั่งชัดเจนว่าหลิวหลงได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยถึงจะน่าดีใจต่างหาก
พอคิดถึงจุดนี้ หลิวเยี่ยนก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาแล้วปริปากถาม “หรือว่าเชิญศาสตราจารย์หยวนเข้าร่วมทีมกับเราดีไหม หากมีเขาอยู่ ตำแหน่งผู้บัญชาการประจำหน่วยคงไม่ให้คนอื่น…”
หลิวหลงมองเธออยู่พักใหญ่ถึงถามออกเสียง “เธอคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหม”
คิดได้อย่างไรกัน!
อีกอย่างด้วยนิสัยของหยวนซั่ว ถ้าเขามาจริงๆ คงไม่ใช่ผู้ดูแล ไม่แน่อาจจะสร้างปัญหาเพิ่มด้วยซ้ำไป ช่างเถอะ หลิวหลงยอมให้ทางนั้นส่งผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดจันทราทมิฬมาดีกว่า
พูดจบหลิวหลงก็หันไปมองหลี่ฮ่าว ระบายยิ้มอ่อน “เมื่อคืนดูดซับพลังลี้ลับเหรอ”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับ
“รู้สึกยังไงบ้าง รู้สึกว่ากลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติขยับบ้างไหม”
หลี่ฮ่าวส่ายหน้า “ไม่เลย ยังเหมือนเดิม!”
ทีนี้ถึงคราวหลิวหลงที่ขมวดคิ้วบ้าง
แม้ว่าการปรากฏตัวของหยวนซั่วจะสร้างความหวั่นไหวให้แก่เขาบ้าง แต่นั่นเพราะเขาไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้สักที ถึงได้อยากเดินบนเส้นทางปรมาจารย์นักรบต่อไป
แต่หลี่ฮ่าวยังอ่อนเยาว์ ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขาแล้ว
หากหลี่ฮ่าวในตอนนี้ยังไม่สามารถก้าวข้ามไปอยู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้…แต่คอยเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ร่างกายอยู่ตลอด ภายหลังหากคิดจะก้าวข้ามขอบเขตคงจะยากขึ้นเท่าตัว
“ช่างเถอะ ไม่ต้องรีบ!”
หลิวหลงไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ บางคนยังไม่เจอพลังลี้ลับที่เหมาะสมกับตัวเองเลยไม่สามารถก้าวข้ามขอบเขตไปได้สักที นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ทำได้แค่รอเท่านั้น!
บางทีหากโอกาสที่เหมาะสมมาถึง หลี่ฮ่าวอาจก้าวข้ามไปอยู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้อย่างง่ายดายก็เป็นได้
สมาชิกทีมหกคนได้ผลประโยชน์ไม่น้อย รอทุกคนรักษาตัวหายดี หลังจากนี้ต่อให้ไม่สามารถก้าวข้ามสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้แต่ความสามารถก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย ทางฝั่งเมืองหยินมีทีมล่าปีศาจที่ความสามารถเพิ่มขึ้น ถ้าส่งผู้พิทักษ์รัตติกาลมาอีกหลายๆ คน กำลังปกป้องก็คงแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว
ทว่าขณะนี้หลี่ฮ่าวกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เขาถามเสียงเคอะเขินว่า “พี่ใหญ่ ตอนนี้ผมเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสาม! คำสั่งเลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสองไม่มาสักที ครั้งนี้ผม…ถือว่าสร้างคุณงามความดีหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ คงจะได้เลื่อนเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับหนึ่งสินะ”
“…”
เงียบ!
หลิวหลงยังพลอยชะงักไปด้วย เวลานี้หมอนี่กลับเป็นห่วงเรื่องนี้เหรอ!
ให้ตายเถอะ!
บอกตามตรงเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทแล้ว เพราะเขาเป็นผู้ตรวจการณ์ที่อีกก้าวเดียวก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการแล้ว ถ้าหน่วยงานย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อตั้งไม่สำเร็จ เขาคงไม่มีสิทธิ์เป็นผู้บัญชาการ ทั้งเมืองหยินในตอนนี้คงมีผู้บัญชาการเพียงคนเดียวก็คือมู่เซิน
“คุณ…”
หลิวหลงผงะไปพักใหญ่ถึงตอบกลับ “ได้! เดี๋ยวผมจะไปรายงานเรื่องของคุณให้ ครั้งนี้คุณสร้างคุณงามความดีไว้ ดังนั้นยังไม่พูดถึงตำแหน่งผู้บังคับการตรวจตรานะ แต่ถ้าเลื่อนเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับหนึ่งละก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”
หลี่ฮ่าวยิ้มกว้าง “งั้นเงินเดือนก็เพิ่มเป็นหลักหมื่นแล้วสินะครับ”
หลิวหลงเริ่มทนไม่ไหวชักโมโหขึ้นมาแล้ว “เมื่อวานคุณเพิ่งแบ่งพลังลี้ลับไปสามสิบสองลูกบาศก์ ถ้าคุณวัดด้วยเงินก็หลักสิบล้าน! คุณต้องการเงินแค่นี้ด้วยเหรอ”
ทำไมบางทีเจ้าหมอนี่ถึงไม่รู้จักแยกแยะบ้างนะ!
…………………………………………………………………….