STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 50-3 เห่อตำแหน่งใหม่ (3)
ตอนที่ 50 เห่อตำแหน่งใหม่ (3)
หลิวเยี่ยนเอ่ยเสียงขรึม “เบื้องหน้าเป็นกิจการเหมืองแร่ แต่ความจริงกลับแอบเปิดบริษัทสำรวจซากอารยธรรมโบราณ! กิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปมีทีมขุดเจาะมืออาชีพ…หรือจะกล่าวว่าเป็นทีมขโมยซากอารยธรรมโบราณก็ได้ แน่นอนว่าซากอารยธรรมโบราณไม่ได้สำรวจขุดเจอได้ง่ายดายขนาดนั้น ที่สำคัญคือฉันสงสัยว่าพวกเขาน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรพลังเหนือธรรมชาติสักที่…และอาจจะเป็นพวกชาดจันทราด้วยซ้ำ!”
หลี่ฮ่าวขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมถึงพูดแบบนั้นละครับ”
หากมั่นใจจริงๆ กิจการนี้ก็น่าจะถูกถอนรากถอนโคนตามไปด้วยถึงจะถูกสิ
“กิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปก่อตั้งมาหลายปีแล้ว อีกอย่างก่อตั้งขึ้นในเมืองหยิน นายก็รู้จักเมืองหยินดีว่าอยากได้อะไรก็ไม่มีให้สักอย่าง หากจะบอกว่านอกเขตเมืองหยินมีเขาเหมืองแร่ละก็…เหลวไหล หลายปีมานี้ก็ไม่เห็นขุดเจาะได้อะไรสักอย่าง! แต่กิจการของเฉียวกรุ๊ปกลับอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนสักที เมื่อก่อนก็ไม่ได้เอะใจอะไรนักหรอก แต่หลังจากชาดจันทราโผล่มาลอบโจมตี แถมเมืองหยินก็มีแปดตระกูลใหญ่อยู่ด้วย ฉันสงสัยว่าคนพวกนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรพลังเหนือธรรมชาติแน่นอน!”
ขณะที่หลิวเยี่ยนพูด จู่ๆ ก็เอ่ยบางอย่างขึ้นกะทันหันว่า “อาจจะไม่ใช่พวกชาดจันทรา แต่เป็นพวกยมราช!”
ทำไมถึงเปลี่ยนอีกแล้วล่ะ
หลี่ฮ่าวนึกประหลาดใจอยู่บ้าง
หลิวเยี่ยนกลับยิ้มเย็นชาเอ่ย “ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้ถึงแปดเก้าในสิบส่วน! ไม่มีหลักฐาน เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น ลูกพี่คงเคยเปรยๆ เรื่องของฉันให้ฟังบ้างแล้ว เล่าแบบนี้แล้วกัน ตอนนั้นพี่เขยนายเป็นวิศวกรของเฉียวกรุ๊ปคอยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป มีครั้งหนึ่งพี่เขยนายกลับมาเล่าให้ฟังว่าเหมือนจะขุดเจอของผิดปกติบางอย่างที่เขาเหมืองแร่ อาจจะเป็นซากโบราณ…ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน เมืองหยินมีซากโบราณเสียเมื่อไรกัน ฉันเองก็ไม่ค่อยสนใจ”
“ไม่นานหลังจากนั้นพี่เขยนายก็ถูกคนฆ่าตาย!”
“คนที่ฆ่าเขาก็คือหัวหน้ารปภ.ของเฉียวกรุ๊ปคนหนึ่ง เล่ากันว่าเพราะทั้งสองฝ่ายเกิดทะเลาะวิวาทมีปากเสียงกันระหว่างการทำงาน เจ้าหมอนั่นเลยบันดาลโทสะใช้หินกระแทกใส่พี่เขยนาย!”
“พอฉันได้รับข่าวก็รีบพาคนไปจับกุมเจ้าหมอนั่นทันที แต่หลบหนีไปได้ระหว่างการจับกุม ไม่นานจากนั้นก็ได้รับข่าวมาอีกว่าเจ้าหมอนั่นเข้าร่วมกับพวกยมราชแล้ว อีกทั้งยังดูดซับพลังลี้ลับมากพอจนบรรลุขั้นกลายเป็นจันทราทมิฬ!”
ขณะที่ฟังหลี่ฮ่าวก็ขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยกล่าว “พี่ครับ พี่หมายความว่ากิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปกับยมราชมีความเกี่ยวข้องกัน พวกเขาอาจจะเป็นกองบัญชาการสำคัญของพวกยมราชในเมืองหยิน เป้าหมายก็คือเพื่อขุดหาซากอารยธรรมที่นี่ อีกทั้งยังค้นพบเจออะไรบางอย่างด้วย แต่ถูกพี่เขยเห็นเข้าเลยถูกฆ่าปิดปากอย่างนั้นเหรอครับ”
“เป็นไปได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนเลยล่ะ!”
“แบบนั้น…ทำไมถึงไม่บอกคนของฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลละครับ”
หลี่ฮ่าวเสนอขึ้น ดูแล้วผู้พิทักษ์รัตติกาลอาจจะไร้ประโยชน์ไปบ้างก็จริง แต่…ถึงอย่างไรก็เป็นองค์กรพลังเหนือธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียวของทางการ
“เพิ่งล่วงเกินชาดจันทราไป นายคิดว่าตอนนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะล่วงเกินยมราชได้อีกเหรอ”
หลิวเยี่ยนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งมากกว่าเขา “ศักยภาพของผู้พิทักษ์รัตติกาลอาจจะสู้องค์กรทั้งสามไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ฉีกหน้าชาดจันทราไปแล้ว หากฉีกหน้ายมราชอีกละก็ นายคิดว่าจะต้านทานไหวเหรอ อีกอย่างหากแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแล้วถูกพวกยมราชรู้เข้า ในทางกลับกันจะสร้างเรื่องวุ่นวายแกว่งเท้าหาเสี้ยนให้ตัวเองมากกว่า”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า เขาลองตรึกตรองดูแล้ว บางทีอาจจะไม่ควรพูดจริงๆ
แต่เขาก็ยังเอ่ยขึ้นว่า “งั้นวันนี้ที่พี่แสดงท่าทีไม่เกรงใจกับเจ้าหมอนั่น…พี่ไม่กลัวเขาสงสัยเอาเหรอว่าพี่ไปรู้อะไรมาหรือเปล่า”
“นายไม่เข้าใจ!”
ทันใดนั้นหลิวเยี่ยนก็เผยรอยยิ้มกล่าว “ถ้าฉันไม่สนใจอะไรเขาเลย แบบนั้นเขาจะยิ่งสงสัยฉันมากกว่าว่าฉันไปรู้อะไรมาหรือเปล่า ตอนนี้สบโอกาสพอดีเพราะฉันจะได้เข้าร่วมกับหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว จู่ๆ แสดงท่าทีไม่เกรงใจเขาเช่นนี้จะทำให้เขาสงบเสงี่ยมลงบ้าง อย่างน้อยฉันก็ไม่รู้ความลับอะไรเลย มิเช่นนั้นฉันต้องอดทนอดกลั้นไว้ถึงจะถูก”
“หลี่ฮ่าว บางครั้งการอดกลั้นอ่อนข้อให้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป เพราะในทางกลับกันจะทำให้ถูกสงสัยได้ง่าย”
หลิวเยี่ยนชี้แนะไปไม่กี่ประโยค จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “อีกเรื่องแปดตระกูลใหญ่ของเมืองหยิน…ตอนนี้นายเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของแปดตระกูล ฉันลองสืบหาดูแล้ว เจ็ดตระกูลไม่หลงเหลือใครเลยสักคน! คนพวกนั้นที่ออกนอกเมืองไปต่างก็ตายเพราะอุบัติเหตุทั้งสิ้น”
“ดังนั้นเมืองหยินต้องมีความลับแน่ ฉันสงสัยว่าเมืองหยินอาจมีร่องรอยของแปดตระกูลใหญ่ด้วย หลี่ฮ่าว หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่พวกเขาขุดหาตอนนี้อาจจะเป็นหลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลนาย!”
หลี่ฮ่าวเผยสีหน้าเชิงพูดไม่ออก
หลุมศพบรรพบุรุษ…ฟังแล้วรู้สึกแปลกหูพิกลแฮะ
หลิวเยี่ยนเอ่ยขึ้นต่อ “ครั้งนี้ชาดจันทราเปิดสงครามใหญ่โตขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเดิมทีอาจจะไม่รู้เรื่องแปดตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้คงรู้กันหมดแล้ว รวมถึงยมราชและอัปสราด้วย ฉันสงสัยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาน่าจะรู้กันแล้ว รวมถึงพวกองค์กรขนาดเล็กกลางบางส่วนและผู้พิทักษ์รัตติกาลด้วย”
“ตอนนี้ดูเหมือนคลื่นลมสงบ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“สายตาในตอนนี้ของทุกคนอาจจะกำลังจับจ้องนายอยู่ หากนายอยู่เมืองหยินไม่ไปไหนก็หมายถึงอันตราย ตอนนี้ยังไม่โผล่ออกมาก็เพราะหยวนซั่วอยู่ รอเขาออกจากเมืองหยินไป นายรอดูเถอะที่นี่ต้องกลายเป็นสถานที่ที่โกลาหลที่สุดในมณฑลหยินเยวี่ยแน่นอน!”
โกลาหล!
เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว หลิวเยี่ยนไม่ได้โง่สักหน่อย หล่อนเคยคาดเดามานานแล้วว่าเหตุที่ตอนนี้สงบสุขก็เพราะมีผู้แข็งแกร่งที่ปลิดชีพของไตรสุริยาได้ แต่ทันทีที่อีกฝ่ายจากไป รอดูเถอะ ที่นี่ต้องโกลาหลวุ่นวายแน่นอน
หลี่ฮ่าวตกอยู่ในความเงียบไม่พูดอะไร
ผ่านไปพักหนึ่ง หลี่ฮ่าวถึงเปิดปากกล่าว “พี่ครับ ในเมื่อพวกพี่ก็รู้ว่าต้องโกลาหลแน่ แล้วทำไมถึงไม่หนีไปละครับ”
“หนีเหรอ”
หลิวเยี่ยนฉีกยิ้ม “ไปไหนล่ะ อีกอย่างทำไมต้องหนีด้วย โกลาหลสิดี! ความเสี่ยงต่างหากที่นำพาผลประโยชน์มาให้! ในฐานะปรมาจารย์นักรบที่ยังไม่ได้เข้าขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ ตอนนี้ฉันกระหายพลังลี้ลับปริมาณมหาศาลเหลือเกิน! ทันทีที่สาขาย่อยของหน่วยผู้พิทักษ์ก่อตั้งขึ้น หากสังหารค่ายกบดานของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เป็นศัตรูได้ก็มีรางวัลเช่นกัน บวกกับเงินเดือนและพลังลี้ลับของผู้มีพลังธรรมชาติที่ปลิดชีพได้ นี่ต่างหากคือโอกาสของฉัน ”
“มิเช่นนั้น ฉันเพิ่งก้าวมาเป็นทะลวงร้อย ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดจะเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเลย”
หล่อนรู้ถึงความอันตรายของที่นี่ แต่แล้วจะอย่างไรเล่า
หล่อนไม่กลัวสักนิด!
เดิมพันด้วยสถานที่อันตรายเช่นนี้ อันตรายต่างหากถึงจะมีโอกาส มิเช่นนั้นปีไหนเดือนไหนถึงจะก้าวผ่านขอบเขตนี้ไปได้ด้วยสถานะทะลวงร้อยกันเล่า
พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ หลิวเยี่ยนก็เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องที่ฉันบรรลุขั้นทะลวงร้อยได้ต้องขอบคุณนายด้วย”
คำขอบคุณนี้ดูแฝงนัยยะแปลกๆ บอกไม่ถูกว่าเป็นความยินดีหรือเอือมระอากันแน่
ใช่แล้ว หล่อนสามารถบรรลุขั้นทะลวงร้อยได้คงหนีไม่พ้นคุณงามความดีของหลี่ฮ่าว
เจ้าหมอนี่ถ่ายโอนพลังพิเศษปริมาณไม่น้อยนั่นให้หล่อน หลังจากกลับไปหล่อนถึงค้นพบว่าร่างกายของตนแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งกลอนพลังเหนือธรรมชาติเองก็เหมือนจะแข็งแรงขึ้นด้วย นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้หล่อนเลื่อนขึ้น
ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้
หลี่ฮ่าวผงะไป เราเหรอ?
พลังของจี้หยกกระบี่!
เข้าใจแล้ว หลี่ฮ่าวเอ่ยอย่างละอายใจ “ตอนนั้นผมก็แค่อยากช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพี่ก็เท่านั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก”
หลิวเยี่ยนขับรถต่อแล้วยิ้มเอ่ย “เป็นทะลวงร้อยก็ดี อย่างน้อยก็อาศัยความสามารถป้องกันตัวได้บ้าง มิเช่นนั้นหากยังไร้หนทางจะเลื่อนขั้นไปอยู่ในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้อีก ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ลำพังแค่สิบสังหารคงป้องกันตัวเองไม่รอด”
หลี่ฮ่าวกลับไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
เพราะในใจกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
แปดตระกูลใหญ่ตกเป็นเป้าสนใจจริงๆ เหรอ
เขารู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เหมือนทุกคนต่างเลี่ยงไม่เอ่ยถึง เขายังพานหลงคิดว่าทุกคนคงไม่สนใจแล้ว ที่แท้ทุกคนก็ยังให้ความสนใจอยู่เหมือนกัน
แม้ว่าเหมือนเรื่องแปดตระกูลใหญ่จะเป็นเพียงตำนานเมื่อนานมาแล้วก็ตาม ทว่าบัดนี้พลังเหนือธรรมชาติฟื้นผงาดขึ้นมาแล้ว รวมถึงหลี่ฮ่าวเองก็เอากระบี่ของตระกูลหลี่มอบให้ฝ่ายผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว แถมชาดจันทรายังสูญเสียไตรสุริยาไปคนหนึ่งด้วย
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มณฑลหยินเยวี่ยเท่านั้น บางทีแม้แต่ผู้แข็งแกร่งของมณฑลอื่นๆ อาจให้ความสนใจไม่ต่างกัน
ทว่าตอนนี้หยวนซั่วอยู่ที่นี่ ดังนั้นเลยไม่มีการเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้น หากอาจารย์จากไปก็คงเป็นดั่งที่หลิวเยี่ยนกล่าวไว้จริงๆ บางทีที่นี่อาจกลายเป็นใจกลางของมรสุมในไม่ช้า
‘ก็ดีเหมือนกัน!’
หลี่ฮ่าวลอบพึมพำในใจ
นี่ก็เป็นโอกาส
เขาในตอนนี้เพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นทะลวงร้อย แต่ศักยภาพของเขากลับยังคงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทางฝั่งอาจารย์เองก็เอาพลังลี้ลับที่อยู่ในคลังเก็บของไปแล้ว อาจารย์บอกว่าจะแบ่งพลังธาตุทั้งห้าสายไว้ให้เขา
พลังของฝั่งอาจารย์มีพลังธาตุทองเป็นหลัก เพราะไตรสุริยาคนนั้นเป็นธาตุทอง ส่วนสุริยะพรายผู้นั้นเป็นธาตุสายฟ้า
ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะช่วยหลี่ฮ่าวได้ ทว่ากลับช่วยไม่ได้มากเท่าความสมดุลของพลังธาตุทั้งห้าสาย
อาจารย์เองก็ต้องใช้เวลาไปแลกเปลี่ยนพลังลี้ลับที่แตกต่างกันไปทั้งห้าสายกับคนอื่นๆ
“สองสามวันนี้รู้สึกว่าความเร็วในการปล่อยพลังซ้อนสามของเราจะสำเร็จแล้ว นับว่าเป็นความก้าวหน้าเล็กๆ แล้วกัน”
เขามองกระจกหลังก็เห็นร่างเงาของเฉียวเผิงค่อยๆ ลับตาไป
กิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ป!
อาจจะเป็นองค์กรภายนอกของพวกยมราช จุดนี้เขาจดจำไว้จนขึ้นใจแล้ว
……………………………………………………………………….