STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 55-4 จุดที่เหมือนกันของปรมาจารย์นักรบ (4)
ตอนที่ 55 จุดที่เหมือนกันของปรมาจารย์นักรบ (4)
หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงขรึม “ลูกพี่ครับ อาจารย์ของผมมีสมบัติชิ้นหนึ่งช่วยรักษาอาการบาดเจ็บคนได้ อีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษด้วย ถ้าแผลบนร่างกายของลูกพี่หายแล้วพอจะมีหวังเลื่อนขั้นขึ้นเป็นพันยุทธ์ไหมครับ”
หลิวหลงมุ่นคิ้ว “อาการบาดเจ็บของผมไม่ธรรมดา”
“สาหัสกว่าอาการของอาจารย์ผมอีกเหรอครับ หัวใจของเขาเกือบถูกแทงทะลุเลยนะ”
“……”
เขาหมดคำจะโต้ตอบ
เวลานี้เขาถึงผุดคิดบางอย่างขึ้นได้
ใช่แล้ว ตอนนั้นหยวนซั่วถูกทำร้ายถึงหัวใจ แต่สุดท้ายกลับรักษาจนหายดี แถมยังเลื่อนขั้นด้วย จุดนี้ทุกคนต่างคิดว่าเขามีวิธีการพิเศษบางอย่างหรือค่อยๆ รักษาตัวจนหายเสียอีก
พอตอนนี้ได้ยินเช่นนั้น หรือว่าจะเป็นผลจากสมบัติชิ้นนั้น
“อาการบาดเจ็บตรงหัวใจของอาจารย์คุณยังรักษาหายได้ เช่นนั้นผมก็หายได้เหมือนกัน เพียงแต่…”
“ไม่มีคำว่าแต่!”
หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงหนักแน่น “ขอแค่ลูกพี่บอกว่าลูกพี่มั่นใจว่าจะเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ได้สำเร็จ ผมก็จะเรียกอาจารย์ของผมมาช่วยชี้แนะให้ พร้อมรวดรักษาอาการป่วยของลูกพี่ให้เลย หากมีพันยุทธ์สองคนออกโรงก็ควรประกาศให้คนรู้ถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของผู้พิทักษ์รัตติกาลเมืองหยิน! เชือดไก่ให้ลิงดูประกาศศักดาสะเทือนรอบทิศไปเลย!”
เจ้าหมอนี้เหมือนหัวหน้าหน่วยมากกว่าเขาเสียอีก
หลิวหลงพึมพำในใจทีหนึ่งแล้วมองสีหน้าจริงจังของหลี่ฮ่าว จากนั้นก็เผยท่าทีลังเลใจเล็กน้อย
หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงขรึม “พี่ใหญ่ หากปรมาจารย์นักรบอยากเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ก็ต้องสู้ไม่ถอย! หากคิดมากเกินไปไม่มีทางสำเร็จแน่นอน นี่คือสิ่งที่อาจารย์ผมเคยพูดไว้ ผมคิดว่าเป็นหลักการที่ถูกต้อง ดังนั้นขอมอบคำพูดนี้ให้กับลูกพี่แล้วกันครับ!”
“สู้ไม่ถอย…”
หลิวหลงแววตาเป็นประกาย วินาทีต่อมาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “หากสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ผมก็มั่นใจ! ความจริงด้วยคุณสมบัติร่างกายของผมตรงตามเงื่อนไขแล้ว ในเมื่อดูดซับพลังลี้ลับไปตั้งมากมาย ผมขาดแค่การหยั่งรู้ถึงอานุภาพ บวกกับบาดแผลเก่าตามร่างกายเลยทำให้ไร้หนทางจะปล่อยพลังได้สุดแรงเท่านั้น”
“หากฟื้นฟูร่างกาย…บวกกับอาจารย์ของคุณเต็มใจช่วยชี้แนะในช่วงเวลาสำคัญ ผมต้องก้าวสู่พันยุทธ์ได้แน่นอน!”
จู่ๆ เวลานี้เขาก็มั่นใจขึ้นมาสุดขีด!
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้โกหก เพราะสำหรับปรมาจารย์นักรบแล้ว หากจะก้าวสู่พันยุทธ์ก็ต้องพุ่งไปข้างหน้าสู้ไม่ถอย หากคิดว่าตัวเองมีความหวังไม่มาก…เช่นนั้นก็คงหมดหวังจริงๆ เพราะพลังอานุภาพของคุณคงไร้หนทางจะก่อตัวขึ้นได้สำเร็จ
เขานึกถึงคลื่นทะเลในวันนั้นขึ้นมา
แข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดมาทำลายได้!
นั่นเป็นเพียงน้ำที่ทั้งเบาและโอนอ่อนไปตามแรง ทว่าวินาทีนั้นกลับเหมือนแรงระเบิดกระสูนที่สาดกระหน่ำพุ่งไปข้างหน้าไม่มีถอย หากคิดจะถอยก็คงถูกอานุภาพของคลื่นเหล่านั้นทลายกลับเข้าไปในทะเลและกลายเป็นน้ำที่ทั้งเบาและโอนอ่อนตามแรงอีกครั้ง
ทันใดนั้นหลี่ฮ่าวก็ฉีกยิ้มเอ่ย “ลูกพี่ครับ ถ้าลูกพี่ก้าวเข้าสู่พันยุทธ์ได้…วันที่อาจารย์ผมก้าวสู่พันยุทธ์คราวนั้น ด้วยอานุภาพเลยช่วยให้ผมพลอยก้าวเข้าสู่สิบสังหารตามไปด้วย ในเมื่อผมกับลูกพี่ก็ฝึกเก้าหลอมแรงปราณเหมือนกัน บางทีการเลื่อนขั้นของลูกพี่ครั้งนี้อาจจะมีส่วนช่วยผมด้วย ครั้งนี้เราต่างได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”
“หากผมพัฒนาขึ้น ผมคิดว่าอาจารย์ของผมคงไม่ติดใจอะไรหากจะออกแรงบ้าง ในเมื่อผมเป็นศิษย์ของเขานี่ครับ!”
เขาฝึกวิชาห้าปาณภูตเหมือนหยวนซั่วและฝึกเก้าหลอมแรงปราณเหมือนหลิวหลง
ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงสัมผัสและดึงอานุภาพทั้งสองอย่างมาเป็นส่วนช่วยได้ ส่วนปรมาจารย์นักรบคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ฝึกวิชาเดียวกันอาจหยั่งรู้ได้เพียงผิวเผินแต่กลับมีส่วนช่วยได้ไม่มากนัก
ดังนั้นคำพูดนี้จึงไม่ใช่เรื่องโกหก
หลิวหลงต้องทำสำเร็จแน่ หลี่ฮ่าวรู้สึกได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยการเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ของเขาในวันหน้าได้อีกต่างหาก เขาหยั่งรู้อานุภาพของพันยุทธ์ล่วงหน้าก่อนถึงสองครั้ง สำหรับเขาแล้วเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากจริงๆ
หลิวหลงเอ่ยสีหน้าขรึม “ผมไม่ได้รับศิษย์เพื่อสืบทอด หลังจากเก้าหลอมแรงปราณตกมาถึงรุ่นผมแล้วก็ไม่ได้สืบทอดให้ใครอีก! ในเมื่อคุณปล่อยสองพลังซ้อนได้แล้ว…และผมไม่สะดวกรับเป็นศิษย์ แต่ความจริงคุณได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลิวแล้ว! หากสามารถก้าวขึ้นเป็นพันยุทธ์ได้ ผมไม่มีทางปกปิดอานุภาพของเก้าหลอมแรงปราณแน่นอน”
เขาไม่มีผู้สืบทอด!
เวลานี้หลี่ฮ่าวก็คือผู้สืบทอดปรมาจารย์นักรบของตระกูลหลิว ในเมื่อเป็นผู้สืบทอดก็ควรให้อีกฝ่ายสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของเก้าหลอมแรงปราณด้วย
เขาเอ่ยอีกว่า “อีกเรื่อง ถ้าอาการบาดเจ็บผมหายดีแล้วเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ได้…ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกว่าผมสู้อาจารย์ของคุณไม่ได้ก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะผมมีบาดแผลติดตัว! อีกอย่างอาจสู้อาจารย์ของคุณไม่ได้ทั้งหมด แต่หากพลังเก้าหลอมแรงปราณของผมปะทุเมื่อไร อาจารย์ของคุณก็สู้ไม่ได้เช่นกัน!”
จู่ๆ เขาก็มั่นอกมั่นใจขึ้นมา “เก้าหลอมแรงปราณปล่อยพลังเก้าชั้นซ้อนได้ในครั้งเดียว! ตอนนั้นอาจารย์ของคุณอาจอาศัยวัตถุพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งปลิดชีพไตรสุริยาคนนั้น แต่ผม…ไม่จำเป็นเลย! ผมมั่นใจว่าสามารถจู่โจมทำลายเกราะป้องกันของไตรสุริยาได้ แต่แน่นอนว่าแง่อื่นๆ ผมกลับด้อยกว่าอาจารย์ของคุณ”
เขาไม่ติดอะไรหากจะเผยจุดอ่อนให้รู้ แต่เขาไม่อยากให้เคล็ดวิชาประจำตระกูลถูกใครดูแคลน โดยเฉพาะหลี่ฮ่าว
หลี่ฮ่าวสืบทอดเคล็ดวิชาทั้งสองอย่างพร้อมกัน เขาอยากบอกหลี่ฮ่าวว่าอาจารย์ของคุณแข็งแกร่งรอบด้าน
แต่เขาหลิวหลงแข็งแกร่งเรื่องการโจมตี!
หลี่ฮ่าวดวงตาวูบไหว สามารถทำลายเกราะป้องกันของไตรสุริยาได้?
จริงเหรอ
แต่พอใคร่ครวญดูดีๆ ก็คงอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง
ในเมื่อเก้าหลอมแรงปราณปล่อยเก้าพลังซ้อนได้ในครั้งเดียวซึ่งอาจจะไม่ด้อยไปกว่าพลังหินมีดเลย อาจารย์เก่งรอบด้านคือเรื่องจริง เพราะวิชาคายรับช่วยรอบด้านจริงๆ แต่อาจารย์ก็เคยพูดว่าความจริงเขาเองก็อยากฝึกตำราเก้าหลอมแรงปราณเหมือนกัน เพราะพลังปะทุทำลายล้างสูงมาก!
แน่นอนว่าหยวนซั่วไม่เคยเกริ่นกับหลี่ฮ่าวมาก่อนว่าจะเรียนด้วย
ปรมาจารย์นักรบให้ความสำคัญกับการสืบทอดมาก ถึงแม้รู้ดีว่าทั้งสองวิชายุทธ์จะช่วยเสริมกันได้ หากได้เรียนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่พวกเขาไม่มีทางผลีผลามไปเรียนเคล็ดวิชาของคนอื่นแน่นอน
“ลูกพี่ครับ ลองดูหน่อยไหมครับ”
หลี่ฮ่าวนึกสนใจขึ้นมาเลยเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ขอแค่ครั้งนี้สำเร็จ อย่าว่าแต่ลูกพี่เลย หากสังหารอีกฝ่ายได้แล้วดึงพลังลี้ลับมา ลำพังคนในทีมเราทั้งพี่หลิว เฉินเจียน อู๋เชา ล้วนมีความหวังได้ก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติทั้งนั้น! พันลูกบาศก์ขึ้นไป บวกกับสุริยะพรายสามคน…กระทั่งอาจดึงพลังลี้ลับมาได้ราวๆ สองพันลูกบาศก์ด้วยซ้ำ”
การฆ่าคนเพื่อแย่งพลังลี้ลับมาเป็นการกระทำที่โง่ที่สุด
ทว่าสำหรับคนอดอยากหิวโซอย่างพวกเขานี่เป็นอะไรที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว สำหรับพวกเขาแล้วพลังลี้ลับสองพันลูกบาศก์เป็นมูลค่ามหาศาลมากทีเดียว
เวลานี้หลี่ฮ่าวรีบคำนวณอย่างรวดเร็วทันที
อาจารย์ต่อกรกับเฉียวเฟยหลง หัวหน้าต่อกรกับสุริยะพรายทั้งสาม…ไม่ใช่การต่อสู้เพียงลำพัง หลี่ฮ่าวลองคำนวณดูแล้วทางที่ดีทุกคนควรลงมือด้วยกัน เริ่มจากติดตั้งอาวุธร้อนอย่างปืนระเบิดก่อน หากสามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้ด้วยจะดีมาก
ขณะที่อีกฝ่ายรีบหนีเอาตัวรอดก็จะถูกปลิดชีพได้ง่ายที่สุด
ทันทีที่สำเร็จ ศักยภาพหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลทั่วทั้งเมืองหยินก็จะขยายกว้างขึ้น
ส่วนเรื่องการใช้อาวุธปืนไฟกลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก ฉวยจังหวะก่อนที่ผู้แข็งแกร่งอีกฝ่ายจะรู้ตัวชิงจัดการก่อน ส่วนใช้อาวุธมากแค่ไหนก็คงไม่มีใครมาสนใจหรอก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ถูกอาวุธฆ่าตาย คนทั่วไปคงไม่คิดอะไรมาก
ทว่าผู้แข็งแกร่งไม่มีทางตายเพราะอาวุธเหล่านี้แน่นอน เว้นก็แต่เวลาและสถานที่ที่กำหนดจะพอดีเหมาะเจาะเท่านั้น
เวลานี้หลิวหงเองก็รู้สึกถึงความฮึกเหิมมหาศาลที่ทะลักเข้ามา
ฆ่าไตรสุริยา ฆ่าสุริยะพราย!
เลื่อนขั้นสู่พันยุทธ์!
เขาคอแห้งผากเล็กน้อยแล้วมองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่ง ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ลำพังแค่เขาฆ่าจันทราทมิฬยังรู้สึกลำบากเลย
แต่ตอนนี้เจ้าเด็กนี่จะชวนเราไปฆ่าสุริยะพรายกับไตรสุริยา เราบ้าหรือเจ้าเด็กนี่บ้ากันแน่นะ
เป็นดั่งที่พวกหลิวเยี่ยนว่าไว้ไม่มีผิดจริงๆ ว่าภายในกระดูกของหลี่ฮ่าวฝังความวิปริตขั้นสุดเอาไว้ด้วย
“เอางี้ ให้เวลาผมสามวัน!”
หลิวหลงเอ่ยต่อเสียงขรึม “ถ้าภายในสามวันนี้ผมสามารถเลื่อนขั้นได้สำเร็จ…พวกเราค่อยคิดหาวิธีฆ่ากันเอง! แต่หากไม่สำเร็จก็จะชักช้าไม่ได้ เฉียวเฟยหลงต้องมีเป้าหมายใดแน่นอน เราจะเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ปล่อยให้เป็นอิสระแบบนี้ไม่ได้ หลังจากนี้สามวันถ้าผมเลื่อนขั้นไม่ได้จริงๆ ค่อยไปหาหัวหน้าเฮ่อ! ผมเชื่อว่าเขาต้องยอมออกโรงอยู่แล้ว…แน่นอนว่าคุณเองก็มีข้อกังวลของคุณ ผมเข้าใจดี แต่หลี่ฮ่าว คุณควรจะจำไว้ว่าถ้ารอดแล้วเอามาได้ถึงจะเป็นของคุณ แต่ถ้าชิงตายไปเสียก่อน…เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นของคุณเลยสักอย่าง”
คำพูดเช่นนี้เหมือนกับหยวนซั่วไม่มีผิด
ทันใดนั้นหลี่ฮ่าวก็รู้สึกว่าความจริงแล้วความคิดของปรมาจารย์นักรบช่างเหมือนกันเหลือเกิน
หากคนอย่างหลิวหลงไม่ได้อยู่ในกองตรวจการณ์ หากอยู่ด้านนอกเผลอๆ อาจจะกลายเป็นจอมมารเหมือนกัน
เพียงแต่ปรมาจารย์นักรบมีความยับยั้งชั่งใจที่แข็งแกร่ง เพราะค่อยๆ ได้พลังมาทีละขั้น พวกเขาไม่ได้หลงใหลในตัวเองเพราะพลังที่แข็งแกร่ง พวกเขารู้แก่ใจดีว่าตนเองต้องการอะไรและอยากได้อะไร
หลี่ฮ่าวเปรียบเทียบปรมาจารย์นักรบและพลังเหนือธรรมชาติ ระหว่างพวกเขามีความแตกต่างอย่างมาก บางทีอาจสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือ…ความเชื่อมั่น!
เขาค้นพบว่าความเชื่อมั่นของปรมาจารย์นักรบชัดเจนกว่าและเปี่ยมล้นมากกว่าหน่อย!
อีกอย่างเขาสัมผัสผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาไม่มาก แต่หากเทียบกับหวังหมิงแล้ว ความจริงเขาสัมผัสถึงความเชื่อมั่นอันแกร่งกล้าไม่ได้เลยสักนิด
…………………………………………………………………………