STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 7-2 ตำราใหม่ห้าปาณภูต (2)
ตอนที่ 7 ตำราใหม่ห้าปาณภูต (2)
‘ไม่ได้การล่ะ หากเป็นแบบนี้เหมือนว่าจะเสียพลังแสงดาราพวกนั้นไปอย่างสูญเปล่า เพราะหลังจากแผ่กระจายออกจากร่างกายเรามันก็จางหายไปเลย’
หลี่ฮ่าวขมวดคิ้วแน่นพลางมองน้ำครึ่งค่อนถ้วยที่เหลือ เวลานี้เขาไม่กล้าดื่มมันอีกแล้ว
เพราะเขากลัวเสียของ!
พลังนี้ยังเก็บรักษาไว้ในน้ำได้ หากดื่มเข้าไปก็ลงท้อง ทันทีที่มันแผ่ออกมาก็จะมลายหายไปทันที
‘กระบี่ดาราพรายแช่น้ำไว้ได้ตลอดหรือจำกัดจำนวนครั้งกันนะ?’
ความไม่แน่ใจมากมายทำให้หลี่ฮ่าวไม่กล้าใช้น้ำในถ้วยอย่างสิ้นเปลืองอีก
‘ตอนนี้เราขาดความสามารถในการเก็บรักษาพลังแสงดาราไว้ได้ หากสามารถดูดซับพลังทั้งหมดเข้าร่างกายไป บางทีอาจมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง…’
‘ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว!’
เวลานี้หลี่ฮ่าวผุดความคิดบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยพึมพำว่า “ที่สำคัญเลยคือเรายังไม่มีพลังขั้นพื้นฐานในร่างกายเลย พอพลังนี้เข้าสู่ร่างกายจึงดูดซับได้ไม่มากและสลายตัวได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะว่าภายในร่างกายของเราไม่มีรากฐานของพลังลี้ลับนี้ดำรงอยู่…”
นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น เพราะหลี่ฮ่าวมีความรู้เรื่องนี้น้อยมากจริงๆ
‘จะปล่อยให้สิ้นเปลืองไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าน้ำในถ้วยนี้จะเก็บรักษาประสิทธิภาพของพลังนี้ไว้ได้นานแค่ไหน…’
เขาลุกขึ้นพรวดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
บางทีเขาน่าจะลองใช้ ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ ที่อาจารย์ให้เขาดูสักหน่อย
นี่เป็นหนังสือที่กล่าวถึงวิธีการดูแลร่างกายอย่างเหมาะสมถูกต้อง อาจารย์อายุเจ็ดสิบกว่าแล้วแต่ร่างกายยังกระฉับกระเฉง กระทั่งมีแรงซัดหลี่ฮ่าวได้ขนาดนั้น หนังสือเล่มนี้ต้องได้ผลบ้างล่ะ
‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกระบวนท่าการต่อสู้อะไรทำนองนั้น แต่เป็นการฝึกฝนร่างกาย กล้ามเนื้อและกระดูกอย่างเหมาะสมตามขีดจำกัดสูงสุด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังลี้ลับนี้เลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้หลี่ห่าวผุดคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นได้เพราะคิดว่าหากตนฝึกฝนร่างกายสักหน่อยบางทีเขาอาจจะดูดซับแสงดาราได้มากกว่านี้
ส่วนจะได้ผลหรือไม่คงทำได้แค่พยายามให้มากที่สุดแล้วรอชะตาฟ้าลิขิตแล้วล่ะ
ตำราใหม่ห้าปาณภูตบรรยายเนื้อหาเกี่ยวกับปฏิกิริยาขั้นพื้นฐานอย่างการหาอาหารและหนีเอาตัวรอดของสัตว์ห้าชนิดในชีวิตประจำวัน ความน่าเกรงขามดุร้ายของเสือ ความสงบสบายของกวาง ความสุขุมเยือกเย็นของหมี ความหลักแหลมไหวพริบดีของลิง ความว่องไวของนก
อาจารย์หยวนซั่วของหลี่ฮ่าวถนัดวิถีปาณภูตของสัตว์สองชนิดอย่างลิงและนกมากเป็นพิเศษ
หากพูดง่ายๆ หยวนซั่วหวังว่าตัวเองจะหนีเอาตัวรอดเก่งเหมือนลิงและข้ามทุกอุปสรรคได้ว่องไวเหมือนนก อีกทั้งยังช่วยเอื้อให้ยามที่เจออันตรายสามารถหลบหนีได้ทันท่วงที
ส่วนช่วงระยะเวลาที่หลี่ฮ่าวอยู่ในกู่ย่วน เขาได้เรียนรู้เคล็ดวิชาลิงจากอาจารย์มาบ้าง ส่วนอื่นๆ เขาเรียนรู้เพียงคร่าวๆ ไม่ได้ลงลึกเท่าไรนัก ของแบบนี้ใช่ว่าจะทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะต้องใช้เวลาเรียนรู้ฝึกฝนนานพอตัวทีเดียว
“ลองดูแล้วกัน!”
หลี่ฮ่าวไม่อยากมัวแต่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้นลองดูก็ไม่เสียหายอะไร
เขาวอร์มร่างกายเล็กน้อยทว่ากลับรู้สึกเหมือนปรับตัวง่ายกว่าครั้งก่อน ไม่นานเขาก็ยกถ้วยขึ้นมาแล้วดื่มน้ำแช่จี้หยกกระบี่นั้นไปอึกหนึ่ง
ต่อจากนั้นหลี่ฮ่าวก็เคลื่อนไหวร่างกายได้ว่องไวดั่งลิงก็มิปาน เขายกส้นเท้าทั้งสองขึ้นแล้วถึงค่อยถีบพื้นเตะดันตัวลอยขึ้นกลางอากาศ มือทั้งสองข้างเองก็งุ้มงอขยับว่องไวเหมือนลิงไม่แพ้กัน เขาคว้าห่วงโหนตัวที่แขวนอยู่กลางห้องรับแขกในครั้งเดียวแล้วปล่อยตัวโยกเยกไปตามแรง
ห่วงโหนตัวอันนี้หลี่ฮ่าวเพิ่งเอามาติดตั้งทีหลังเพื่อไว้เตรียมใช้ฝึกฝน ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ โดยเฉพาะ
วิถีลิงกล่าวถึงความว่องไว
นี่ก็เป็นความถนัดของอาจารย์หลี่ฮ่าวเช่นกัน ดังนั้นหลี่ฮ่าวจึงเรียนเรื่องนี้เป็นอันดับแรก หากใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมในตอนนี้อาจจะคิดหาวิธีการหนีเอาตัวรอดได้ดีกว่า เร็วกว่าและประหยัดแรงมากกว่าก็ได้
ครั้นหลี่ฮ่าวอยู่ในสภาพเช่นนี้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิมมาก
เขาคว้าห่วงโหนตัวห้อยตัวโตงเตงไปมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้สองเท้าถีบเข้าที่กำแพงหมุนตัวกลางอากาศห้อยโหนราวกับท่วงท่าของลิงอย่างไรอย่างนั้น ต่อมาเขาถึงกระโดดถีบกลางอากาศอีกครั้งแล้วคว้าที่พิงเบาะโซฟาเบื้องหน้าได้ในครั้งเดียว
หลี่ฮ่าวใช้แรงส่งจากแขนทั้งสองข้างโหนตัวไปทั่วห้องรับแขกที่ขนาดไม่ใหญ่นัก
แต่ห้องรับแขกเล็กๆ ของกองเกลื่อนกลาดเต็มไปหมดเลยเหลือพื้นที่ไม่มากนัก
แต่เวลานี้หลี่ฮ่าวขยับเคลื่อนไหวตัวภายในพื้นที่ที่ไม่มากนี่ด้วยความรวดเร็วจนเห็นเพียงเงาผลุบโผล่เท่านั้น
นับว่าเขาไม่ได้มีพละกำลังอะไรมากมาย รูปร่างเองก็ไม่ได้บึกบึนกำยำด้วย หากเทียบกับจางหย่วนแล้ว หลี่ฮ่าวเปรียบเสมือนหนอนหนังสือ แต่จางหย่วนกลับเหมือนหมียักษ์ตัวหนึ่ง
รูปร่างของหลี่ฮ่าวกลับสอดคล้องกับการเคลื่อนตัวของลิงได้อย่างพอดิบพอดี
หากรูปร่างสูงใหญ่เกินไปภายในพื้นที่คับแคบเช่นนี้คงทำอะไรได้ลำบาก
“แฮ่ก!”
เสียงหายใจหอบถี่ดังขึ้นภายในห้องรับแขกเล็กๆ
เคล็ดวิชาลิงเหมือนจะง่ายแต่ความจริงกินแรงไปไม่น้อยเลย เขาต้องใช้วิธีหายใจให้ได้ตามมาตรฐานในตำราใหม่ปาณภูตด้วยถึงจะดึงแรงของตนออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม
ส่วนวิธีการหายใจนี้ก็ไม่ใช่เคล็ดลับวิทยายุทธลึกล้ำอะไรหรอก เนื้อหาสอนการปรับลมหายใจแบบง่ายๆ ว่าตอนไหนควรหายใจเข้า ตอนไหนควรหายใจออก ควบคุมลมหายใจเช่นไร แล้วทำเช่นไรถึงจะไม่เจ็บหน้าอกตอนใช้แรงมาก…
แน่นอนว่าตำราใหม่ปานภูตที่หยวนซั่วดัดแปลงพูดเหมือนทำง่ายแต่พอลงมือจริงๆ กลับไม่ง่ายเลย ความจริงสัตว์ทั้งห้าชนิดเอามาดัดแปลงได้ง่ายมาก แต่เพื่อดัดแปลงให้สอดคล้องกับวิธีการหายใจ หยวนซั่วกลับทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย
ดังนั้น ‘ตำราใหม่ห้าปานภูต’ ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่ของกู่ย่วนเพราะมีคนมากมายที่ทำเป็น แต่สิ่งที่หยวนซั่วเก็บซ่อนไว้คือวิธีการหายใจที่ใครๆ ต่างคิดว่าไม่ค่อยสำคัญนัก
อีกอย่างหยวนซั่วถ่ายทอดวิธีการหายใจให้แค่นักศึกษาของตนไม่กี่คนเท่านั้น
เวลานี้หลี่ฮ่าวที่หายใจกระหืดกระหอบเริ่มปรับลมหายใจแล้ว
หนึ่งกระบวนท่าเคล็ดวิชาลิงใช้เวลาเพียงสามนาทีโดยประมาณซึ่งภายใต้การเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนี้ก็เพียงพอจะทำให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งหมดแรงได้แล้ว
หลี่ฮ่าวฝึกฝนมาสามปี จนกระทั่งตอนนี้เขาพอจะฝืนใจทำจบได้เพียงสองครั้งเท่านั้น แค่หกนาทีเขาก็ใช้แรงจนหมดตะกายตัวลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว
ทว่าอาจารย์ของเขาที่อายุตั้งเจ็ดสิบกว่าแล้วแต่กลับมีร่างกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังยิ่งกว่าหลี่ฮ่าวบอกว่าสถิติสูงสุดทำได้ห้าครั้งต่อเนื่องสิบห้านาที
ท่าเคลื่อนไหวที่มีระดับความแข็งแกร่ง ความรวดเร็ว ความกระฉับกระเฉงสูงขนาดนี้สามารถทำต่อเนื่องได้สิบห้านาที หลี่ฮ่าวไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก
หากยามเผชิญอันตรายสามารถหนีเอาตัวรอดได้ภายในสิบห้านาทีเหมือนลิงโดยที่แรงไม่ตกละก็ เช่นนั้นระดับความปลอดภัยก็จะสูงขึ้นหลายเท่าตัว
แน่นอนว่าเวลานี้หลี่ฮ่าวไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น
หลี่ฮ่าวเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วภายใต้แววตาตกตะลึงของเจ้าเสือดำ
ทั้งโต๊ะเก้าอี้ โซฟา โต๊ะชา ผนังในบ้าน…ล้วนกลายเป็นแรงส่งให้หลี่ฮ่าว ทั่วทั้งห้องเห็นเพียงเงาของหลี่ฮ่าวที่แวบไปแวบมาไม่หยุดหย่อนเท่านั้น
สองครั้งแล้ว!
ครั้งที่สองพอกลับมายังจุดเริ่มต้น หลี่ฮ่าวก็เริ่มหายใจไม่สม่ำเสมอแต่เขารู้สึกว่าตนยังมีแรงเหลืออยู่ ฉับพลันแววตาของเขาก็ลุกวาวอย่างดีใจ
พลังแสงดาราลี้ลับนี้ยังมีข้อดีอะไรอีกเขาไม่รู้ หลี่ฮ่าวรู้เพียงว่าเจ้าสิ่งนี้ช่วยเพิ่มพละกำลังของตนให้แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังเหมือนว่าจะช่วยให้ร่างกายของเขาเบาขึ้นด้วย
เมื่อก่อนหากเขาฝึกซ้อมกระบวนท่าลิง หลี่ฮ่าวมักรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนักเพราะร่างกายหนักเกินไป ทุกครั้งที่กระโดด ทุกครั้งที่ใช้แรงมักเปลืองแรงไปมากและเหนื่อยมากด้วย
แต่วันนี้เหมือนว่าจะคล่องตัวขึ้นมาบ้าง
บางทีเราอาจจะทำได้อีกครั้งก็ได้!
ตอนนี้หลี่ฮ่าวถึงมีเวลาสังเกตเห็นว่าเหมือนแสงดาราตรงหน้าท้องตนที่โผล่มาก่อนหน้านี้จะสลายหายไปแล้ว แต่ผิวหนังของหลี่ฮ่าวกลับปรากฏแสงดาราเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งจางๆ
แน่นอนว่าแสงดารานี้ก็จางลงอย่างรวดเร็ว แต่หลี่ฮ่าวสัมผัสได้ว่าแสงดาราพวกนี้ถูกตนดูดซับเข้าไปไม่น้อยแล้ว
เวลานี้หลี่ฮ่าวเกิดผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา
ตกลงพลังลี้ลับคืออะไรกันแน่?
……………………………………………………….