STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 8 แสดงละครเป็นต่างหากถือเป็นจุดแข็ง (1)
ตอนที่ 8 แสดงละครเป็นต่างหากถือเป็นจุดแข็ง (1)
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว
บ้านของจางหย่วนไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านฉี่หมิงแต่อยู่บนย่านถนนเส้นเก่าแก่นอกหมู่บ้านแห่งนี้
ตอนเด็กๆ หลี่ฮ่าวชอบมาเล่นที่ย่านถนนสายเก่าแก่แห่งนี้มาก
ทว่าเพราะการพัฒนาของเมืองหยินทำให้โดนรื้อทิ้งไปบางส่วน ร้านค้าต่างๆ ก็พากันโยกย้ายออกเลยทำให้ย่านนี้ค่อยๆ ร้างลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้คนที่แวะมาแถบนี้ก็บางตาลงมาก
กระทั่งผู้พักอาศัยส่วนมากก็ย้ายกันออกไปหมดแล้ว ที่นี่เงียบเหงายิ่งกว่าหมู่บ้านฉี่หมิงเสียอีก
บนถนนที่เงียบสงบ สองฝั่งข้างทางมีบ้านพักเก่าๆ อยู่เป็นจำนวนมากและยังมีดวงไฟส่องแสงประปรายชวนให้วังเวงไม่น้อย
หากเวลาเอื้ออำนวย หลี่ฮ่าวคงดื่มน้ำแช่จี้หยกกระบี่ทุกวันอย่างใจเย็นวันละนิดเพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น
แต่เวลาไม่เป็นใจให้เขาทำเช่นนั้น
สำหรับเขาแล้วยิ่งยื้อเวลาไปอีกหนึ่งวันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะเก่งขึ้นมาบ้าง ทว่าน้ำแช่จี้หยกกระบี่เองก็ทำได้แค่ช่วยให้ร่างกายของเขามีพละกำลังมากขึ้น แต่ไม่มากพอที่จะทำให้หลี่ฮ่าวรับมือกับเงาโลหิตได้
เขามาที่บ้านของจางหย่วนเพราะเป้าหมายเดียวก็คืออยากมาดูว่าหินทรงมีดของตระกูลจางยังอยู่หรือไม่
ถ้าหินมีดชิ้นนั้นยังอยู่ก็ถือเป็นข่าวดีของเขา
ถ้าหาไม่เจอก็อาจเป็นเพราะถูกเงาโลหิตหรือผู้ทรงอิทธิพลที่บงการเบื้องหลังพวกนั้นฉกไปเรียบร้อย ซึ่งนั่นแปลว่าอาจมีคนรู้เรื่องกระบี่ของหลี่ฮ่าวเข้าแล้ว หรือกระทั่งมีคนกำลังสนใจกระบี่ของเขาอยู่ด้วยซ้ำ
เจ้าเสือดำเดินตามหลี่ฮ่าวเงียบๆ เจ้าสุนัขสีดำกลมกลืนไปกับความมืดอย่างดี
เสียงฝีเท้าเพียงแผ่วเบาก็ค่อยๆ สะท้อนไปทั่วถนน
สีหน้าหลี่ฮ่าวเป็นปกติ บ้านหลังเก่าคร่ำครึที่ติดป้ายห้ามเข้าตรงหน้าเขาก็คือบ้านของจางหย่วน
ในขณะนี้เขามองเห็นแล้ว
เขาไม่เห็นใครสักคน ส่วนเจ้าเสือดำเองก็ไม่มีท่าทีหวาดระแวง
ทว่าหลี่ฮ่าวเองก็ไม่อยากจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเจ้าเสือดำ
ตอนที่เขาห่างจากประตูบ้านจางหย่วนไม่ถึงร้อยเมตร หลี่ฮ่าวก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง
แสงโทรศัพท์อ่อนๆ สาดเข้าหน้าหลี่ฮ่าวท่ามกลางความมืด
“ตู้ด ตู้ด ตู้ด…”
ครู่หนึ่งก็มีเสียงสดใสดังผ่านปลายสายมา “กลางคืนดึกดื่นขนาดนี้เธอคิดได้แล้วใช่ไหม ไม่อยากอยู่กองตรวจการณ์ต่อแล้วล่ะสิ อยากกลับมาแล้วใช่ไหมล่ะ?”
เสียงดังสนุ่น!
เสียงที่ดังขึ้นผ่านลำโพงของโทรศัพท์สะท้อนก้องไปทั่วถนนที่มืดมิดเส้นนี้
หลี่ฮ่าวที่เดิมทียังหวาดกลัวอยู่น้อยๆ ก็สบายใจขึ้นมากในทันทีแล้วกล่าวเสียงแผ่วด้วยน้ำเสียงเคารพนับถือ “อาจารย์ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดนั้นครับ”
“แล้วอย่างนั้นเธอโทรมาทำไม!!”
น้ำเสียงปลายสายฟังดูหงุดหงิดอย่างมาก
“อาจารย์ครับ หนึ่งปีมานี้ผมตามสืบคดีไฟคลอกของจางหย่วน ผมเจอจุดน่าสงสัยบางอย่าง บางที…จางหย่วนอาจไม่ได้ตายโดยอุบัติเหตุครับ!”
“หืม?”
หลี่ฮ่าวยืนพลางทำสีหน้าเรียบเฉยท่ามกลางความมืด ทว่าบนใบหน้าแอบฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “ผมลองตามสืบดูนิดหน่อย หลายปีมานี้เมืองหยินไม่ได้มีแค่จางหย่วนเพียงคนเดียวที่โดนไฟคลอกตายแต่มีอีกหลายคนมากครับ ถึงแม้พวกเขาจะดูเหมือนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยแต่กลับมีความเชื่อมโยงบางอย่าง แต่ผมยังหาเบาะแสที่แน่ชัดไม่เจอ”
ฝั่งปลายสายเงียบไป
ขณะนี้หลี่ฮ่าวเดินมาจนถึงหน้าบ้านของจางหย่วน เขามองป้ายห้ามเข้าที่ยับเยินแล้วกล่าวเสียงแผ่ว “ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านของจางหย่วน ผมอยากลองหาว่ามีเบาะแสอื่นๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุแต่เป็นการฆาตกรรมหรือเปล่า”
“หลี่ฮ่าว!”
ชายชราทางปลายสายกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉันเองก็พอจะรู้เรื่องของจางหย่วนอยู่บ้าง ฟังจากที่เธอพูดแล้วถ้านี่เป็นคดีฆาตกรรมก็อย่าทำอะไรผลีผลาม ระวังจะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน!”
ครั้นเอ่ยจบยังตะโกนต่อขึ้นว่า “เธอรออยู่ที่นั่นก่อน เดี๋ยวฉันฝากฝังกับพวกมหาวิทยาลัยกู่ย่วนกับกองตรวจการณ์ไว้ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจะรีบส่งคนไปทันที!”
วินาทีนี้หยวนซั่วที่อยู่ในสายเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
โดยที่หลี่ฮ่าวไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย
ตอนที่หลี่ฮ่าวโทรบอกเขาว่าตนพบว่าการตายของจางหย่วนไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อาจตายเพราะโดนฆาตกรรม หนำซ้ำเจ้าตัวยังโผล่ไปที่บ้านของจางหย่วนอีก หยวนซั่วจึงเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายในทันที
เพราะอาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้!
หลี่ฮ่าวในตอนนี้ต้องการพลังที่รุนแรงมากพอจะข่มขวัญให้คนกลัวได้ เขาต้องการข่มขวัญอันตรายบางอย่างที่อาจซุ่มดูอยู่
เขาไม่ได้ต้องการให้หยวนซั่วพูดอะไร หรือทำอะไร
ต้องการแค่ให้หยวนซั่วรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่เพื่อตามสืบคดีของจางหย่วน นี่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ขอแค่คนใหญ่คนโตในมหาวิทยาลัยกู่ย่วนแห่งเมืองหยินอย่างเขาให้ความสนใจก็เพียงพอแล้ว
คงไม่มีใครกล้าผลีผลามลงมือทำอะไรทั้งนั้น
หากหลี่ฮ่าวตายขึ้นมาอาจเป็นการยั่วโทสะท่านผู้เฒ่าจากมหาวิทยาลัยกู่ย่วนผู้นี้ได้จนส่งผลให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมาอีก
ด้านนอกลือกันว่าก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวและหย่วนซั่วทะเลาะกัน
และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น
เสียงของหยวนซั่วสะท้อนก้องไปทั่วถนนที่เงียบสงัดสายนี้ยามค่ำคืน หากว่ามีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่จริงๆ ก็ต้องได้ยินเสียงของหยวนซั่วแน่นอน
กู่ย่วนและกองตรวจการณ์อาจจะส่งคนมา
……
ในวินาทีที่หลี่ฮ่าวคุยโทรศัพท์ เจ้าเสือดำที่นิ่งเงียบไม่ไหวติง จู่ๆ มันก็งับเข้าที่ขากางเกงของหลี่ฮ่าว
หลี่ฮ่าวก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ
ทว่าอย่างไรเสียเสือดำก็มีประสาทสัมผัสที่ว่องไวกว่าเขา มันอาจจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ หรือเป็นเพราะคำพูดของหยวนซั่วทำให้คนบางคนเผยพิรุธออกมาจนไปสะกิดต่อมของเจ้าเสือดำเข้า
มีคนคอยจับตาดูที่นี่อยู่จริงๆ ด้วย
หลี่ฮ่าวใจเต้นระส่ำ นี่ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ในทางกลับกันอาจจะเป็นเรื่องดีเสียมากกว่า เมื่อมีคนคอยดูอยู่นั่นแปลว่าหินมีดของบ้านตระกูลจางอาจจะยังไม่โดนคนฉกไปจริงๆ
หยวนซั่วยังพูดอะไรต่อในสาย
แต่หลี่ฮ่าวกลับกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ “อาจารย์ครับ ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ผมแค่อยากเล่าให้อาจารย์ฟังเบื้องต้นเท่านั้นเอง แต่เรื่องสำคัญไม่ใช่เรื่องนี้หรอกครับ แต่เป็นเรื่องที่ผมรับงานคุ้มกันให้กับคณะดูงานของมหาวิทยาลัยกู่ย่วน หลายวันนี้ผมอาจจะออกไปดูงานกับอาจารย์เพื่อคุ้มกันอาจารย์ด้วยครับ”
“เธอเหรอ?”
หยวนซ่วนที่อยู่ในสายเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยแล้วเขาก็กล่าวอย่างอารมณ์ดี “ก็ดี อย่างนั้นฉันจะรอเธอนะ! ภารกิจออกพื้นที่สำรวจในครั้งนี้ยุ่งยากเอาการอยู่พอดี เธออยู่กับฉันมาสองปีเรียนรู้อะไรไปได้ไม่น้อยแต่กลับไม่เคยลงมือปฏิบัติจริงเลย! หลี่ฮ่าวถือว่าครั้งนี้เป็นการฝึกปฏิบัติจริงของเธอดีไหม? ถ้าทำได้ดีฉันจะพิจารณาให้สถานะนักศึกษานอกเวลาให้เธอ ถึงกฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยกู่ยวนจะมากไปสักหน่อยแต่ขอแค่เธอทำภารกิจครั้งนี้ได้ดี ฉันก็สามารถทำให้เธอเรียนจบได้เหมือนเดิม!”
“เธอก็รู้ว่าถ้าได้ใบปริญญามา ต่อให้ทำงานในกองตรวจการณ์ต่อแต่ใบปริญญาแค่ใบเดียวก็สามารถทำให้เลื่อนขั้นได้ถึงสองระดับเชียวนะ! เธอจะกลายเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับหนึ่งแน่นอน ซึ่งถือว่ามีอนาคตกว่าตอนนี้มากทีเดียว!”
ใบหน้าหลี่ฮ่าวผุดยิ้ม “อาจารย์ครับ ไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันครับ ผมขอเข้าบ้านไปดูก่อนว่าจะเจอเบาะแสอะไรไหม รอสืบคดีของจางหย่วนเรียบร้อย จับฆาตกรได้ ไม่ต้องให้อาจารย์บอกผมหรอกครับ ผมเองก็จะหาวิธีกลับมหาวิทยาลัยกู่ย่วนอยู่แล้ว”
“ก็ได้!”
หยวนซั่วกำชับอีกครั้ง “มีเรื่องอะไรให้ติดต่อฉันทันที ไม่มีอะไรที่ฉันจัดการไม่ได้ ถ้ากองตรวจการณ์และกู่ย่วนจัดการไม่ได้ อาจารย์ของเธอคนนี้ยังพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ถ้าถึงช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานขึ้นมาจริงๆ ขอแค่วันหน้าเธอพยายามอย่างเต็มที่ หากฉันยอมทุ่มทุกอย่างก็ใช่ว่าจะเชิญคนใหญ่คนโตมาไม่ได้!”
เมื่อได้ยินอาจารย์กล่าวเช่นนี้ ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเข้าใจความหมายที่อาจารย์หยวนซั่วต้องการจะสื่อ
ถ้าถึงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คนใหญ่คนโตที่อาจารย์พูดถึงเกรงว่าจะหมายถึงผู้พิทักษ์รัตติกาลนั่นเอง
ก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวไม่เคยพูดอะไรกับอาจารย์มากมาย
เพราะเขากลัวว่าจะทำให้เรื่องใหญ่โตจนส่งผลกระทบถึงอาจารย์
แต่ด้วยความรู้และสติปัญญาของอาจารย์ ตอนที่ได้ยินหลี่ฮ่าวพูดถึงคดีไฟคลอกของจางหย่วนว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุ เกรงว่าความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวเขาก็คือคดีนี้อาจเกิดจากพลังเหนือธรรมชาติ
เขาถึงได้บอกว่าต้องใช้คนใหญ่คนโต
ทว่าถึงหยวนซั่วจะมีหน้ามีตาแต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่ใช่คนที่เขาคิดจะเชิญก็เชิญมาได้สักหน่อย แถมเรื่องของหลี่ฮ่าวไม่ใช่เรื่องของส่วนรวมแต่เป็นเรื่องส่วนตัวจึงทำให้มูลค่าที่ใช้แลกเปลี่ยนแพงขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับอาจารย์!”
หลี่ฮ่าวกดวางสาย เขาเอื้อมมือไปฉีกป้ายห้ามเข้าจนแหลกละเอียดแล้วผลักเปิดประตูบ้านที่ถูกปิดตายมาแล้วหนึ่งปี
……
ตอนที่หลี่ฮ่าวพาเจ้าเสือดำเดินเข้าไปในตัวบ้าน
ด้านนอกเงียบสงบไร้ซึ่งสรรพเสียงใด
ทว่าท่ามกลางความมืดมิดกลับปรากฏดวงตาสีน้ำเงินสุกใสเปล่งประกายขึ้นมาลางๆ
………………………………………………………