STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา - ตอนที่ 9-3 ศิษย์อาจารย์ (3)
ตอนที่ 9 ศิษย์อาจารย์ (3)
รื้อบ้าน?
ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?
แน่นอนว่าบ้านของจางหย่วนไม่ใช่จุดเกิดเหตุ หนำซ้ำไม่ช้าก็เร็วที่นี่ต้องโดนรื้อทิ้งอยู่ดี พวกเขาจะรื้อทิ้งจริงๆ ก็ไม่น่าเป็นอะไร
หยวนซั่วเดาว่าหลี่ฮ่าวอาจเจออะไรเข้าหรือเปล่านะ?
ดังนั้นถึงอยากใช้แผนการแบบนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง หรือว่าจะดึงดูดความสนใจได้จริงๆ?
แต่หลี่ฮ่าวในตอนนี้แน่ใจอย่างหนึ่ง เป็นไปได้มากว่าการรื้อบ้านทิ้งจะดึงดูดความสนใจของเงาโลหิตแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไร ยิ่งอึกทึกครึกโครมเข้าไว้ก็ยิ่งดี ถ้าในกองตรวจการณ์มีหนอนบ่อนไส้เอาเรื่องทั้งหมดไปบอกพวกเขาได้ก็ยิ่งดี ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งเป็นไปตามที่หลี่ฮ่าวต้องการ
เขาแค่ต้องทำเรื่องเดียวเท่านั้นนั่นคือใช้หินที่คล้ายกันมาแทนที่หินทรงมีดที่เอาออกมา ต่อให้หลังจากนี้ฝ่ายตรงข้ามจะซ่อมแซมกลับมาสู่สภาพเดิมก็ไม่คงไม่เจออะไร
พอถึงตอนนั้นพวกเงาโลหิตก็คงทำได้แค่คาดเดาว่าหลี่ฮ่าวเจออะไรเข้าหรือไม่ แต่คงยืนยันได้ไม่แน่ชัดว่าหลี่ฮ่าวเอาอะไรไปด้วยหรือเปล่า
อย่างมากก็คงคิดว่าหลี่ฮ่าวสันนิษฐานเก่งคงจะไปพบร่องรอยอะไรเข้า
แต่สิ่งที่หลี่ฮ่าวต้องทำคือให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัย แต่ยืนยันอะไรไม่ได้ ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อให้เรื่องค่อยๆ ลุกลามใหญ่โตไปช้าๆ จนผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องมีส่วนร่วมได้ก็ยิ่งดี
‘ลากเรื่องที่เกิดในที่ลับออกไปในที่แจ้ง… ไม่ว่าจะผู้พิทักษ์รัตติกาลหรือเงาโลหิตต่างก็เหมือนจะไม่ค่อยอยากปรากฏตัวท่ามกลางสาธารณะชนเท่าไร และคงไม่อยากจะให้เรื่องนี้เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตด้วย!’
‘ส่วนตัวเราเองในฐานะที่เป็นคนธรรมดา สิ่งที่เราต้องการคือความสนใจจากทุกคน นำเสนอตัวเองเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายคิดว่าเราเป็นคนฉลาดและเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไร!’
‘และเราเองก็เลือกจะทำให้เรื่องใหญ่โตเพื่อล้างแค้นให้เพื่อนสนิท…ดึงดูดความสนใจให้มากขึ้นก็เป็นสถานะที่เหมาะสมกับตัวเราเหมือนกัน’
“…”
ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ชั่งน้ำหนักให้ดี สุดท้ายแล้วหลี่ฮ่าวก็เลือกและตัดสินใจเช่นนี้
ไม่แน่ว่าถ้าทำแบบนี้อาจจะไปเตะตาผู้พิทักษ์รัตติกาลเข้าและได้ใกล้ชิดพวกเขามากขึ้น
หลี่ฮ่าวอาจถึงขั้นสามารถรายงานต่อเบื้องบนว่าเขาเจอร่องรอยบางอย่าง อย่างเช่นก่อนหน้านี้มีคนคอยจับตาดูเขาอยู่
ส่วนเขานั้นย่อมมองไม่เห็นเงาโลหิต แต่ที่จับตามองเขาด้านนอกคือคนตัวเป็นๆ!
กระทั่งหลี่ฮ่าวค้นพบว่าด้านบนกำแพงมีรอยฝ่าเท้า นี่ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุดเห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้สนใจเรื่องรอยเท้าที่พวกเขาทิ้งเอาไว้
สมองของเขาคิดวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาได้แล้ว หลี่ฮ่าวก็เลือกที่จะโหมควันให้กระพือ
ส่วนฝั่งปลายสาย หยวนซั่วถามต่ออีกเล็กน้อย เพื่อยืนยันทางเลือกของนักศึกษาของตนเอง
หยวนซั่วรู้ว่าหลี่ฮ่าวฉลาดหลักแหลม เขาย่อมไม่ทำเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผล
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างนั้นก็สนับสนุนเขาสักหน่อยแล้วกัน
“ได้ ฉันจะโทรหากองตรวจการณ์! อีกอย่างจางหย่วนก็เป็นนักศึกษาของกู่ย่วนเหมือนกัน ถ้าเกิดเป็นคดีฆาตกรรมจริงๆ กู่ย่วนก็คงอยู่เฉยไม่ได้! เธอออกมาจากที่นั่นก่อน ภายในหนึ่งชั่วโมงกู่ย่วนจะส่งคนไป กองตรวจการณ์เองก็เหมือนกัน…”
“ขอบคุณครับอาจารย์!”
หลี่ฮ่าวขอบคุณอีกฝ่ายไม่หยุด บางครั้งอาจารย์ของตนเองก็เป็นคนน่ารักมากทีเดียว
และด้วยเหตุนี้หลี่ฮ่าวจึงยิ่งไม่อยากจะเล่าเรื่องเงาโลหิตให้อีกฝ่ายฟัง
ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหนแต่หยววนซั่วก็เป็นแค่คนธรรมดา
หลี่ฮ่าวไม่อยากให้อาจารย์ของตนเองต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้
“จะเกรงใจอะไรกันเล่า!”
แต่ชายสูงวัยกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เขาพูดต่อเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป
…
มหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยิน
ภายในบ้านพักรับรองเก่าแก่ขนาดใหญ่ลึกเข้าไปในมหาวิทยาลัย หยวนซั่วที่อายุเจ็ดสิบกว่าปีแต่ยังคงคล่องแคล่วและมีดวงตาที่เฉียบแหลม
สุขภาพยังถือว่าแข็งแรง ดูแล้วเหมือนเป็นทหารมากกว่าจะเป็นศาสตราจารย์ระดับสูงประจำเมืองหยินเสียอีก ในวินาทีนี้ด้านหน้าหยวนซั่วมีแฟ้มคดีหนึ่งวางอยู่
นั่นคือรายละเอียดคดีไฟคลอกทั้งหกคดี!
“กองตรวจการณ์…ประมาทเลินเล่อจริงๆ!”
หยวนซั่วกดวางสายแล้วคลึงขมับน้อยๆ ก่อนด่าเสียงต่ำอีกหลายคำ หลายปีมานี้กองตรวจการณ์ใช้ไม่ได้มากขึ้นทุกทีถึงกับปล่อยแฟ้มคดีหลุดออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้ หากตอนนี้ใครสนใจอยากรู้ขึ้นมา คนมากมายในเมืองหยินก็สามารถเอาเอกสารคดีนี้มาดูได้แล้ว
“นักศึกษาของฉันคนนี้…ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เรื่องแบบนี้ยังกล้าแอบตามสืบลับๆ เรื่องนี้ยังพอช่างมันได้แต่คิดไม่ถึงว่าจะกล้ารายงานกองตรวจการณ์ แค่ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติ!”
เขาถอนหายใจ คนหนุ่มสาวช่างอ่อนประสบการณ์จริงๆ กองตรวจการณ์เปรียบเหมือนดั่งกระชอนใหญ่ไม่รู้หรือไง?
ทันทีที่เอกสารแฟ้มคดีหลุดออกมา คนมีสมองย่อมเห็นปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว
“กระบี่ของตระกูลหลี่ มีดตระกูลของจาง หมัดของตระกูลจ้าว ขาของตระกูลหลิว…”
เมื่อฮัมเพลงพื้นบ้านหยวนซั่วก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับนักศึกษาของเขาหรือไม่?
‘ผู้เคราะห์ร้ายที่ตายไปหกคน ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับเพลงพื้นบ้านนี้หรือเปล่า’
เขาเป็นคนพื้นที่จึงรู้จักบทเพลงนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งเขายังเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียง อันที่จริงในวินาทีแรกที่เห็นคดี เขาก็นึกถึงบทเพลงพื้นบ้านนี้ขึ้นมาทันที เพราะแซ่เหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วถือว่าค่อนข้างพิเศษมากทีเดียว
เมื่อวิเคราะห์เบื้องต้นได้แล้ว หยวนซั่วก็หยิบโทรศัพท์แล้วกดหาเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งอย่างรวดเร็ว
รออยู่ครู่ใหญ่ น้ำเสียงหยวนซั่วก็ติดจะวางอำนาจและออกจะดูหงุดหงิดไม่พอใจอยู่หน่อย “ผมหยวนซั่ว! ไม่ต้องพูดมาก ตอนนี้นักศึกษาผมกำลังตกอยู่ในอันตราย คดีไฟคลอกที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยเมื่อปีก่อนอาจเป็นคดีฆาตกรรม กองตรวจการณ์ของพวกคุณไม่มีข้อมูลเลยหรือไง?”
“…”
“ผมไม่สนใจอะไรพวกนั้นหรอก หลี่ฮ่าวเป็นนักศึกษาของผม ตอนเขาเพิ่งเข้าเรียนที่กู่ย่วนก็เป็นเด็กที่ผมดูแล คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร? เพราะเขาคืออัจฉริยะ เป็นนักสืบชั้นยอด เป็นอนาคตของคณะตามรอยอารยธรรมโบราณ แต่เพราะการทำงานที่ผิดพลาดของพวกคุณ เขาถึงจำเป็นต้องลาออก สิ่งที่พวกคุณทำสร้างความเสียหายต่อมหาวิทยาลัยกู่ย่วนเราเท่าไรรู้บ้างไหม?”
“…”
“ตอนนี้หลี่ฮ่าวตามสืบจนได้ข้อมูลมาแล้วแต่กองตรวจการณ์ของพวกคุณเหมือนกระชอนใหญ่ที่ทำให้ความลับของเขารั่วไหลอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตรายและอาจจะตายได้ทุกเมื่อ! ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านของจางหย่วนนักศึกษาที่ตายไปของกู่ย่วน ผมไม่สนใจว่าจะทำอย่างไร ต่อให้พวกคุณต้องถล่มถนนเส้นนั้นจนราบก็ต้องช่วยหลี่ฮ่าวออกมาให้ได้ แล้วจับไอ้พวกคนเลวมาให้ได้ทั้งหมด!”
“…”
“เลิกพูดจาไร้สาระสักที คุณต้องส่งคนไปเดี๋ยวนี้ ผมไม่สนใจว่าจะทำการกระโตกกระตากหรือไม่แต่รีบไปล้อมถนนเส้นนั้นเดี๋ยวนี้แล้วค่อยๆ รุกคืบเข้าไปเพื่อล้อมฆาตกรที่อาจแฝงตัวอยู่ที่นั่น ผมมีเพียงเงื่อนไขเดียวก็คือหลี่ฮ่าวจะต้องกลับมาในสภาพสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วนใดๆ!”
“…”
“ตามนี้แหละ ถ้าคุณทำไม่ได้ผมจะไปตามพวกผู้พิทักษ์รัตติกาลมาจัดการ! คดีไฟคลอกตั้งหกคดี พวกคุณคิดว่าผมตาบอดหรือไงถึงดูไม่ออกว่าคดีพวกนี้มีปัญหาซ่อนอยู่? กองตรวจการณ์เมืองหยินอย่างพวกคุณไม่อยากให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเข้ามายุ่งแต่นักศึกษาของผมตาย ต่อให้ผมต้องโวยวายจนเรื่องเข้าหูเบื้องบน ผมก็ต้องเอาเรื่องพวกคุณให้ได้!”
“อาจารย์หยวนอย่าเพิ่งโกรธนะครับ ผมจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ อาจารย์สบายใจได้เลยครับ!”
ผู้อำนวยการของกองตรวจการณ์ประจำเมืองหยินที่อยู่ปลายสายนึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที
ถึงเจ้าหมอนี่จะไม่มีอำนาจอะไรแต่ก็รู้จักคนเยอะ เขาเป็นศาสตราจารย์ในกู่ย่วนมาสี่สิบห้าสิบปี นักศึกษาที่เขาสอนนั้นตอนนี้กลายเป็นคนใหญ่คนโตไปหมดแล้ว
ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ กองตรวจการณ์ของเมืองหยินเองก็ต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วย
“สบายใจกับผีคุณสิ กู่ย่วนเองก็จะส่งคนไปด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมจะไปด้วยตัวเอง! ผมเองก็อยากจะเห็นว่าในเมืองหยินนี้ใครที่ใจกล้าขนาดบังอาจฆ่านักศึกษาของผม! ฆ่าคนเดียวยังไม่พอ ขนาดนักศึกษาคนสนิทของผมยังกล้าแตะต้องอีก ไปกินดีหมีมาหรือไง?”
หยวนซั่วเปรียบดั่งพยัคฆ์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง
ในเมื่อหลี่ฮ่าวอยากให้เรื่องนี้ใหญ่โตเหมือนว่าเขาอยากจะล่อบางอย่างออกมา…เช่นนั้นก็ทำให้เรื่องมันใหญ่สักหน่อยแล้วกัน!
หยวนซั่วเองก็ไม่รังเกียจเรื่องใหญ่โตหรอก!
ถ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่…ก็คงจะวุ่นวายมากจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากของคนอื่น
ส่วนเขานั้น ในเมื่อตอนนี้ทุกฝ่ายต่างก็ต้องการเขาคงจะไม่ทำอะไรเขาหรอก ส่วนหลี่ฮ่าวเองก็ง่ายๆ แค่แต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเขาก็เท่านั้น คนพวกนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องตนก็ย่อมไม่กล้าแตะหลี่ฮ่าวด้วยเช่นกัน
พอกดวางสาย หยวนซั่วก็ไม่มีท่าทีโมโหดังเช่นเมื่อครู่ เพียงแต่มองไปนอกห้องแล้วถอนหายใจเบาๆ
หนุ่มน้อยคนธรรมดาอย่างเธอ อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องเลย
เรื่องของจางหย่วนต่อให้มีปัญหาอะไรจริงๆ ตอนนี้เธอก็ทำมามากแล้ว จะมาพัวพันต่อไม่ได้แล้ว
“น่าเสียดาย!”
เขาพึมพำเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินเล็ดลอดผ่านออกมาจากริมฝีปากเลยด้วยซ้ำ
เสียดายที่ฉันไม่สามารถมีพลังลี้ลับนั้นได้ มิฉะนั้น…คงไม่ยุ่งยากขนาดนี้
ถ้าฉันสามารถมีพลังวิเศษได้ ด้วยระดับของตำราใหม่ห้าปาณภูตของฉันบางทีอาจจะสามารถเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ พอถึงตอนนั้นจะภูตผีปิศาจอะไรก็เป็นแค่เรื่องเหลวไหลทั้งนั้น!
“ฮึ!”
เสียงดูถูกแค่นผ่านลำคออีกครั้ง เพราะผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่อยากให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตลี้ลับนั้น มิฉะนั้นฉันจะร่วมมือกับพวกเขาไปทำไม?
หลายปีมานี้เอาแต่พูดว่ากำลังคิดหาวิธีอยู่แต่กลับไม่มีวิธีการใดๆ เลย คิดว่าตัวเขาโง่หรือไง?
“หลี่ฮ่าว”
“กระบี่ของตระกูลหลี่เหรอ?”
เขาพึมพำเสียงเบา หยวนซั่วหลับตาลงไม่อยากคิดอะไรอีก ให้เจ้าเด็กนั่นกลับมหาวิทยาลัยกู่ย่วนมาเป็นผู้ช่วยเขาดีกว่า อายุอานามเขาก็ปาไปขนาดนี้แล้ว เขาจำเป็นต้องบ่มเพาะทายาทรุ่นต่อไปได้แล้วจริงๆ
…………………………………………..