Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 403
จัดการ
“โม่คัง!” เซี่ยโร่วคว้าตัวเขาอย่างตื่นเต้น เหตุผลที่เธอชอบโม่คังมันเริ่มที่เขาให้อภัยและมีน้ำใจต่อเธอ ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะพูดถูก โม่คังยังเป็นเช่นนั้น
กว่า 20 ปีแล้วที่เขายังไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ถือใบรับรองการแต่งงานไว้กับตัวตลอดเวลา และนี่คือตอนที่เขาเข้าใจเธอผิด! อาจมีความยากลำบากมากเกินไประหว่างทั้งสอง แต่เธอก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว
“ขอบคุณนะคะเชียนเปยเย่ที่ช่วยชีวิตฉันไว้” เซี่ยโร่วปล่อยโม่คังและขอบคุณเย่โม่ เธอไม่สามารถเรียกเขาว่า ‘น้องชาย เหมือนโม่คังได้ เธอมาจากนิกายลี้ลับ ซึ่งพวกเขาใส่ใจเกี่ยวกับการเรียก แต่เย่โม่ไม่สนใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “พี่เซี่ย ผมเป็นพี่น้องกับพี่โม่ อย่าเรียกผมว่าเชียนเปยเลย”
“คะและเชียนเปย จือเหว่ยเป็นน้องสาวของฉัน อารมณ์เธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่โปรดยกโทษให้เธอเรื่องโม่คังด้วยนะคะ” แม้ว่าเธอจะตกลง แต่เซี่ยโร่วก็ยังไม่กล้าเรียกเย่โม่ว่าน้องชาย สรุปแล้ว บุคคลนี้ก็คือปรมาจารย์ขั้นนภาสวรรค์
เย่โม่หยิบยารักษาตามปกติออกมา 2-3 ตัวแล้วส่งไปให้โม่คังบอกให้เขาใช้กับเซี่ยจือเหว่ย เขาจะไม่ให้อะไรที่แข็งแกร่งพอๆ กับเม็ดบัวชีวิตให้เซี่ยวจือเหว่ยแน่
เมื่อเห็นเซี่ยโร่วและโม่คังแบกเซี่ยจือเหว่ยไปด้านข้าง เย่โม่จึงมองไปที่ขั้นสีดำ 2 คนของนิกายจอมยุทธ์ฮง “ฉันมี 2 งาน ถ้าพวกทำไม่ได้ ฉันก็ไม่คิดที่จะให้พวกแกมีชีวิตอยู่”
“เชียนเปย เราจะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ” พวกเขากล่าวด้วยความเคารพ สิ่งที่พวกเขากลัวคือ เย่โม่จะไม่ให้โอกาสพวกเขา ตราบใดที่พวกเขามีโอกาสมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็เต็มใจที่จะกินกระทั่งอึ
“มากับฉันก่อน” มีบางสิ่งที่เย่โม่ไม่ต้องการให้คนจำนวนมากรู้ ซึ่งโม่คังก็ไม่ถามเกี่ยวกับมันเช่นกัน
เย่โม่นำทั้งสองเข้ามาในห้องแล้วพูดว่า “แนะนำตัวเองก่อนสิ แสดงให้ฉันเห็นว่าแกมีค่า ฉันไม่เก็บคนไร้ค่าไว้หรอกนะ”
ชายหนุ่มผงกหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ฉันกงอี้เจริง ฉันเข้าร่วมนิกายจอมยุทธ์ฮงเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันยินดีที่จะเป็นสายลับให้เชียนเปย”
เย่โม่แสยะยิ้ม “คแกคิดว่าฉันต้องการสายลับในการทำลายนิกายจอมยุทธ์ฮงหรอ? แกนี่ไม่ค่อยมีค่าเลยนะ”
ชายคนนั้นได้ยินเรื่องนี้และเริ่มเหงื่อออกทันที
ชายอีกคนที่ได้ยินก็พูดว่า “ฉัน ทังโย๋ว ฉันอยู่ที่นิกายจอมยุทธ์ฮงมา 19 ปี และไม่เพียงแต่ฉันจะรู้จักนิกายดีมาก แต่ฉันยังรู้เกี่ยวกับนิกายอื่นๆ มากมายและสมาชิกพวกเขา คราวนี้ผู้คนต่างกล้าวางแผนกับบริษัทลั่วเยวียของเชียนเปย ดังนั้นฉันจึงต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ และรายงานอย่างละเอียดต่อเชียนเปย”
“วั่นเปย เองก็ยินดีตรวจสอบด้วยเช่นกันครับ” กงอี้เจริงกล่าวอย่างรวดเร็ว
เย่โม่เย้ยหยัน “ฉันไม่ต้องการให้แกตรวจสอบ ฉันจะยังปล่อยอกไป แต่ฉันมีวิธีที่จะควบคุมวิญญาณของแก และจะต้องให้แกสองคนร่วมมือกับมัน เมื่อฉันใช้มัน อย่าต่อต้าน หรือแกจะตาย หลังจากที่ฉันได้รับส่วนหนึ่งของวิญญาณของแก แกจะไม่สามารถทรยศฉันได้ตลอดชีวิต ถ้าแกทำ ฉันเพียงแค่ต้องทำลายไพ่วิญญาณของแกเท่านั้น และไม่ว่าแกจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน แกก็ตาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่โม่ พวกเขาทั้งสองตกใจ พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่โม่จะปล่อยพวกเขาไปอย่างง่ายดาย แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
วิญญาณของคนเราสามารถควบคุมได้จริงหรอ? หรือแม้กระทั่งนำบางส่วนไป? พวกเขาฝึกฝนทักษะต่อสู้โบราณมาเป็นเวลานาน แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน นี่มันไร้สาระเกินไป
เย่โม่พูดอย่างเย้ยหยันว่า “ในเมื่อแกไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องการสิ้นเปลืองพลังงานที่จะเอาวิญญาณของแก”
แน่นอนมันต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมากของเขาเพื่อเอาวิญญาณออก และอัตราความสำเร็จค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้คุณต้องการเหยื่อที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่กับคุณ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอัตราความสำเร็จเพียง 50-50 หากล้มเหลวเหยื่อจะตาย แน่นอนว่าเย่โม่ไม่ได้สนใจชีวิตของพวกเขา
“เชียนเปย ฉันยินดี” กงอี้เจริงเป็นคนแรกที่ตอบโต้และเอ่ยออกมา
ทังโย๋วเห็นสิ่งนี้และตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เชียนเปย ฉันยินดีเช่นกัน”
“ถ้างั้นก็ผ่อนคลายซะ และไม่ต้องคิดอะไร” เย่โม่สั่ง ขณะที่เขาหยิบไพ่หยกใบเล็ก 2 ใบออกมา เขากำลังเตรียมที่จะผนึกวิญญาณของพวกเขาในไพ่หยกเหล่านี้ ถ้าเขายังคงอยู่ในขั้นรวมลมปราณระดับต้นอัตราความสำเร็จจะลดลง
เมื่อเย่โม่สกัดวิญญาณของพวกเขา ทั้งสองรู้สึกถึงความอ่อนแอ หลังจากเห็นวิญญาณของพวกเขาถูกพรากไปจากสายตา พวกเขาสังเกตเห็นเส้นสีดำไพ่หยก จากนั้น เย่โม่ก็ใส่ไพ่หยกไว้ที่ไม่ก็ไม่รู้
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าเย่โม่แค่พยายามทำให้ตกใจ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าสงสัยเลย พวกเขาทั้งสองมีความรู้สึกลึกๆว่าหากเพียงแค่เย่โม่ทำลายไพ่หยก พวกเขาก็จะตายทันที
เย่โม่ไม่ได้คาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จในครั้งแรก โดยปกติแล้วผู้ฝึกตนใช้สิ่งนี้กับมนุษย์และมันยากมากที่จะประสบความสำเร็จกับผู้ฝึกตน เว้นแต่ว่าความแตกต่างในการฝึกของพวกเขานั้นสูงมาก
“เชียนเปย โปรดสั่งมาได้เลยครับ” ทั้งสองมีความกังวลและไม่กล้าคิดอะไรอีกเลย นี่มันมีความเป็นอยู่และจิตใจของมนุษย์เกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้
เย่โม่พยักหน้าและกล่าวว่า “บอกทุกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับนิกายลี้ลับและเขียนออกมา จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปหาประมุข และบอกเขาว่าฉันสั่งให้แกส่งจดหมายในนามของฉันไปยังนิกายลี้ลับทั้งหมด ผู้ที่กล้าวางแผนกับบริษัทลั่วเยวียของฉันอาจเริ่มเตรียมพบการทำลายล้างได้เลย ถ้าพวกเขาสามารถทำสิ่งที่ฉันมีความสุขได้ฉันก็จะปล่อยมันไป แต่ถ้าฉันไม่พอใจกับสิ่งที่พวกเขาแสดงให้ฉันเห็น หรือถ้าพวกเขาแสร้งว่าไม่เคยได้รับคำเตือนนี่ ก็ไม่ควรตำหนิฉันที่ฉันจะไร้ความปรานี”
ทั้งสองได้ยินเรื่องนี้และรู้สึกโชคดีที่พวกเขาติดตามเย่โมก่อน ไม่งั้นพวกเขาคงจะเป็นก้อนเนื้อตาย พวกเขาสงสัยว่าคนที่วางแผนกับบริษัทลั่วเยวียในตอนแรกนั้นเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ เย่โม่ก็จัดการคิดบัญชีกับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะต้องรู้สึกและเสียใจแน่
นอกจากนี้ไม่มีอะไรเลวร้ายเกี่ยวกับการรับใช้เชียนเปยเย่ ดูสิว่าเขาเป็นใคร! เพียงแค่คำเดียวและนิกายลี้ลับเหล่านั้นจะเป็นเหมือนหลานที่เชื่อฟังและให้ของขวัญเขาเพื่อทำการชดใช้!
จากนั้น เย่โม่ก็กล่าวว่า “ตราบใดที่แกสองคนจัดการสิ่งต่างๆ ให้ฉันได้ดี ฉันจะไม่งกเรื่องรางวัล มันเป็นไปไม่ได้ที่แกสองคนจะถึงขั้นปฐพี ฉันจะไปที่นิกายจอมยุทธ์ฮงบางครั้ง ดังนั้นจงบอกประมุขของแกว่าอย่าเล่นเกมใดๆ ความอดทนของฉันมีจำกัด”
เขาตีพวกเขาด้วยไม้เท้าก่อนแล้วจึงตบด้วยของหวานหลังจากนั้น แม้ว่าเย่โม่รู้จะว่าทั้งสองไม่กล้าที่จะทรยศเขา แต่หากเขาต้องการให้พวกเขาทำสิ่งที่ตนเองริเริ่ม เขาต้องการให้รางวัลแก่พวกเขา
“ครับเชียนเปย” ทั้งสองพูดขณะที่พวกเขาเริ่มคิด ในนิกายลี้ลับทั้งหมดมีคนที่อยู่ขั้นปฐพีไม่มากนัก หากพวกเขาไม่ได้พบกับเย่โม่ พวกเขาคงอยู่ในขั้นสีดำไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้นี่เป็นโอกาสของพวกเขา แม้ว่าจะไม่มีการควบคุมวิญญาณ แต่พวกเขาก็ยังคงพยายามทำให้เย่โม่
เมื่อเย่โม่นำทั้งสองออกมา โม่คังและเซี่ยโร่วก็กำลังรอพวกเขาอยู่
“แกสองคนไปก่อนไป” เย่โม่โบกมือให้กงอี้เจริงและทังโย๋วออกไป
โม่คังมองดูทั้งสองอย่างประหลาดใจและถามว่า “น้องเย่ นายปล่อยสองคนนั้นไปจริงๆ หรอ?”
เซี่ยโร่วดึงโม่คัง เธอรู้ว่านี่หมายถึงธุรกิจของอาจารย์เย่โม่ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเข้าไปแทรกแซง
เย่โม่ไม่ได้สนใจอะไรและพยักหน้า “ใช่ พวกเขาคว้าโอกาสนี้ได้ดี ดังนั้นฉันจึงบอกให้พวกเขาส่งข้อความไปที่นิกายจอมยุทธ์ฮง” จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ และพูดว่า “ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรที่นี่แล้ว งั้นฉันไปตรวจสอบเครื่องบินเจ็ทก่อนนะ”
โม่คังพูดว่า “โมปิงกำลังสืบสวนอยู่ แล้วฉันก็จะไปกับนายเพื่อดูอีกทีด้วย”
“เชียนเปย ฉันไม่ได้วางแผนที่จะกลับไป แต่ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการเพียงแค่บอกฉันนะคะ เซี่ยโร่วยังสามารถช่วยได้” เซี่ยโร่วยังคิดว่าถึงแม้เธอจะไม่แข็งแกร่ง แต่เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ในนิกายลี้ลับ และดังนั้นเธอจึงรู้จักนิกายลี้ลับดีกว่าเย่โม่ เธอเคยได้ยินจือเหว่ยบอกว่า เย่โม่ไม่ได้มาจากนิกายลี้ลับ
เย่โม่โบกมือแล้วพูดว่า “พวกคุณอยู่ด้วยกันดีกว่า ผมสามารถตรวจสอบเครื่องบินด้วยตัวเองได้ ถ้าโม่ปิงพบบางอย่าง แค่บอกให้เขาไปพบผมในบ่ายวันพรุ่งนี้ที่คฤหาสน์ส่วนตัว Bamboo Night นะผมอยู่ที่นั่น”
เซี่ยจือเหว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เชียนเปยเย่ เมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อพี่สาวของฉันบอกให้ฉันนำโม่คังมาที่นี่ ฉันเจออะไรบางอย่างและบางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ”