Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 413
บทที่ 413 : การช่วยเหลือในมหาสมุทร
เย่โม่เดินไปหาคนเหล่านั้นที่เขาฆ่าและค้นร่างกายของพวกเขา เย่โม่พบสมุดบันทึก เขาเปิดมันซึ่งมีแผนที่มหาสมุทรหลายอันในนั้น เขาเกือบจะมั่นใจได้ว่าพวกเขากำลังมองหาหนิงชิงเซวีย
แม้ว่าเย่โม่จะไม่เข้าใจคำศัพท์ในนั้น แต่เขาก็ยังจำชื่อ หนิงชิงเซวีย ได้
เย่โม่พบในสมุดบันทึกตำแหน่งที่พบร่มชูชีพ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ถูกทำเครื่องหมายด้วยลองจิจูดและละติจูด เขาหยิบเรดาร์ขึ้นมาจากพื้นดินและตระหนักว่าเขาไม่รู้วิธีใช้งาน
เขาค้นหาเกาะปะการังทั้งหมด แต่ไม่พบอะไรเลยเกี่ยวกับจักรวรรดิอาทิตย์ทมิฬ
เขาสามารถยืนยัน 2 สิ่งจนถึงขณะนี้ได้ อย่างแรก หนิงชิงเซวียปลอดภัยเมื่อเธอกระโดดลงมาอย่างน้อยร่มชูชีพก็เปิดออก อย่างที่สองคนเหล่านี้ยังไม่พบหนิงชิงเซวีย ซึ่งหมายความว่าเธอยังอยู่ในมหาสมุทร
แม้ว่าเย่โม่จะเกลียดจักรวรรดิอาทิตย์ทมิฬเป็นอย่างมาก แต่เขาก็รู้ถึงความสำคัญ แม้ว่าเขาต้องการจัดการกับพวกเขา เขาก็ต้องตามหาหนิงชิงเซวียก่อน
เย่โม่ปล่อยเครื่องหมายสัมผัสจิตวิญญาณของเขาอย่างระมัดระวังในห้องพักรวมถึงสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์สีดำของพวกเขาก่อนออกจากเรือประมงเพื่อค้นหาหนิงชิงเซวีย ในขณะที่เรียนรู้วิธีการใช้เรดาร์
เย่โม่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในการค้นหาวิธีการใช้งาน เมื่อใช้เรดาร์เพื่อมองไปรอบๆ เย่โม่ก็สามารถรู้ได้ว่ามีการค้นหาภูมิภาคใด วิธีนี้ทำให้การค้นหาเร็วขึ้นมาก มันเป็นวิธีที่ดีกว่าที่บินในอากาศโดยไม่มีเงื่อนงำ สิ่งสำคัญคือเขาสามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
เย่โม่พยายามจดจ่อกับสถานที่ที่ชายทั้ง 4 ยังไม่เคยไป หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หมอกก็ตกลงมาเหนือมหาสมุทร อากาศก็ดูเย็นลงเช่นกัน ธารน้ำแข็งหลายแห่งเริ่มล่องลอยไปตามเรือของเย่โม่ เย่โม่รู้ว่าเขามาถึงธารน้ำแข็งกลุ่มหนึ่งเข้าแล้ว
ยิ่งเย่โม่ค้นมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเป็นห่วง ไม่เพียงแต่สภาพอากาศหนาวเย็นเท่านั้น ยังไม่มีเกาะใกล้เคียงด้วย หากเธอลงที่นี่แม้ว่าเธอจะไม่หิวโหย เธอก็ยังคงแข็งตาย และเหตุการณ์นี่มันเกิดขึ้นหลายวันผ่านมาแล้ว ใครจะรู้ว่าหนิงชิงเซวียยังมีชีวิตอยู่?
เย่โม่เริ่มมีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อประมาณเที่ยงคืน เย่โม่ได้ยินเสียงร้องออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้ว่าเย่โม่จะบอกได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้ชาย แต่เย่โม่ก็ยังคงมาช่วยเขา
เป็นชายผิวขาวอายุ 30 ปีนั่งอยู่บนห่วงเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในน้ำ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตาย ด้วยริมฝีปากของเขาที่แตก ผิวซีดและเปียกโชกจากการอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน จากสายตาที่ไม่มีชีวิตของเขาใครๆ ด็จะเห็นว่าเขาไม่ไกลจากความตายเลย เย่โม่ถอนหายใจ เขาไม่พบคนที่เขาค้นหาแต่เจอคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือแทน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงคนมาโผล่อยู่กลางมหาสมุทรด้วยตนเองได้
แต่เย่โม่ไม่ได้ใจร้าย เขาเข้าหาเขาแล้วดึงเขาขึ้นเรือ เขาให้ยาก่อนที่จะโยนอาหารและน้ำให้เขา
เขาสามารถเห็นได้ว่าบุคคลนี่อยู่ในสถานะขาดน้ำ ในเวลานั้นเขาให้ยา อาหารและน้ำช่วยเขา ซึ่งชายคนนี้จะรอด
หลังจากยาละลายในปากของเขา ชายผิวขาวก็ไม่มีเวลาที่จะขอบคุณเย่โม่ ก่อนที่จะดื่มน้ำหนึ่งขวดเร็วๆ นี้และกินอาหารกระป๋อง 2 กระป๋อง
เขาต้องชื่นชมความอุตสาหะของมนุษย์ที่จะมีชีวิตอยู่จริงๆ หลังจากกินอาหารและน้ำ เขาเห็นได้ชัดว่าอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น เขาพูดว่า “ขอบคุณ” กับเย่โม่ ยกเว้นคำว่า “ขอบคุณ” เย่โม่ไม่เข้าใจอะไรเลย เขาเพิ่งรู้ว่าชายคนนั้นพูดภาษาอังกฤษ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถพูดคุยกับชายคนนี้ได้ เย่โม่ก็หมดความสนใจที่จะพูดอะไรและเพิ่งตื่นตัวกับเรดาร์
ชายคนนั้นเห็นเย่โม่หยิบเรดาร์ออกมาและพูดพึมพำบางสิ่งอีกครั้ง
“คุณรู้วิธีใช้อุปกรณ์นี้ไหม?” เย่โม่ถามอย่างไม่รู้ตัว
“คุณเป็นคนจีนหรอครับ?” โดยไม่คาดคิด ชายผู้นั้นพูดภาษาจีนคล่องแคล่วมาก จากนั้นเขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “ฉันคิดว่าคุณเป็นคนเกาหลีหรือญี่ปุ่นซะอีก ฉันไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเป็นคนจีนเลย”
ราวกับว่าชายคนนั้นคิดว่าประโยคของเขาทำให้เย่โม่ไม่มีความสุข และพูดอย่างรวดเร็ว “อะขอโทษที นี่คือมหาสมุทรแปซิฟิก คนจีนไม่ค่อยมาที่นี่นักหรอก แต่ขอบคุณอีกครั้งนะที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันอีเดน แต่ฉันชอบวัฒนธรรมจีนนะ”
หลังจากพบว่าอีเดนสามารถพูดภาษาจีนได้ เย่โมจึงสนใจ เขาอยากรู้ว่าอีเดนทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ได้บ้าง
ราวกับว่าเขารู้ในสิ่งที่เย่โม่ต้องการจะพูด แต่เขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเขาโดยที่เย่โม่ไม่ต้องถาม
อีเดนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพชาวอเมริกัน เขาตกหลุมรักแดฟนี่ลูกสาวของเศรษฐี อย่างไรก็ตาม แดฟนี่ ไม่มีความรู้สึกต่อเขา
อีเดนเป็นคนที่อดทนมาก เมื่อเขาเปลี่ยนจากนักวิ่งเป็นนักกอล์ฟไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่เขาสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองผ่านความสามารถและการทำงานหนักของเขาได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มีชื่อเสียง แต่เขาเชื่อว่าเขาจะไปถึงระดับของ Tiger Woods ได้
อย่างไรก็ตาม อาชีพการเล่นกีฬาของเขาไม่ได้นำความมั่งคั่งมาให้มากนักและแดฟนี่เป็นลูกสาวของนักธุรกิจสหรัฐผู้มั่งคั่ง อีเดนพบว่ามันยากที่จะได้ไปสถานที่เดียวกันกับที่เธออยู่
แต่อีเดนไม่ยอมแพ้ เขาพบว่าแดฟนี่กำลังขึ้นเรือลาดตระเวนเบม่าสุดหรูจากลอสแองเจลิสไปยังแคนาดา เขาใช้เงินออมทั้งหมดของเขาทันทีเพื่อซื้อตั๋ว เขาต้องการเลียนแบบแจ็คจากไททานิคและได้หัวใจของ แดฟนี่บนเบม่า ได้มีการกล่าวว่า เบม่า นั้นเป็นเรือลาดตระเวนที่หรูหราที่สุดในโลก แต่ตรงกันข้ามกับไททานิคนี่เป็นการเดินทางครั้งที่ 3 ของเบม่า
ผู้ที่ใช้เบม่าทุกคนเชื่อว่ามันสามารถเอาชนะโรงแรม 8 ดาวในแง่ของความสะดวกสบายได้ แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตั๋วก็ไร้สาระเช่นกัน มีเพียงคนอย่างอีเดนเท่านั้นที่จะใช้เงินออมทั้งหมดของเขาเพื่อซื้อมัน
เดิมทีเรือลาดตระเวนนี้ปลอดภัยมาก แต่ในวันที่ 6 หลังจากออกจากสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลบางอย่างมันเปลี่ยนทิศทางทันที มันเป็นเส้นทางดั้งเดิมที่ปลอดภัยมาก แต่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับเบม่า กองกำลังสหรัฐตรวจจับการบุกรุกของเอเลี่ยนในมหาสมุทรแปซิฟิก อีกทั้งเอเลี่ยนยังได้จัดการกับเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ในที่สุดอำนาจทางทหารทั้งหมดก็ถูกดึงไปยังจุดที่เอเลี่ยนบุกเข้ามาและไม่มีใครสนใจเบม่า หลังจากที่มันออกจากเส้นทางเดิม
เมื่อผู้คนบนเรือตระหนักว่าพวกเขาถูกลักพาตัวอย่างน่าสังเกต สิ่งแรกที่อีเดนทำหลังจากรู้ว่าเรือถูกปล้นคือไปปกป้องแดฟนี่ แต่ในขณะนั้นเรือก็เต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย ไม่เพียงแต่พวกเขาจะปิดการใช้งานสัญญาณเตือนเท่านั้น แต่พวกเขายังนำเรือลาดตระเวนไปยังมหาสมุทรอีกด้วย
อีเดนอยู่บังเกอร์พื้นฐานและบังเกอร์หรูหราที่แดฟนี่ถูกปล้น ซึ่งอีเดนทำได้แค่กังวล
กัปตันและลูกเรือหลายคนถูกฆ่าตายเช่นเดียวกับผู้ที่ต่อต้าน แม้แต่คนที่ดูเทอะทะเล็กน้อยก็ถูกฆ่าตาย คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่เอาเงิน แต่ยังรวมถึงผู้หญิงด้วย นอกเหนือจากผู้หญิงที่แก่และน่าเกลียดบางคนที่ถูกฆ่าตายแล้วเด็กที่อายุน้อยกว่านั้นก็ถูกนำตัวไปบนเรือที่มีหัวกะโหลกคว่ำบนธง
อีเดนพยายามกระโดดลงไปในตะขอที่ลอยอยู่ เนื่องจากมีผู้โดยสารมากเกินไปในเวลานั้นและเขาไม่ใช่คนเดียวที่กระโดด ผู้ก่อการร้ายจึงไม่มีเวลามาสนใจพวกเขาทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงหลบหนีมาได้
หลังจากได้ยินอีเดนพูดอย่างนี้ เย่โม่ก็ถอนหายใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินเรื่องโจรสลัดเกี่ยวกับการปล้นเรือลาดตระเวนอันหรูหรา สหรัฐฯโม้เกี่ยวกับอำนาจทางทหารของตนตลอดเวลา แต่พวกเขาปล่อยให้โจรสลัดจับเรือลาดตระเวนหรูหราที่หน้าประตูของพวกเขา ในขณะที่พวกเขายังคงพยายามจับภาพเอเลี่ยน =_= (ซึ่งคือกูเอง….)
อย่างไรก็ตาม เย่โม่ก็รู้สึกผิดด้วยเช่นกัน เขาได้ดึงดูดอำนาจทางทหารส่วนใหญ่ของสหรัฐในทะเลเพื่อให้โจรสลัดมีโอกาส
แต่ถึงกระนั้นโจรสลัดเหล่านี้ก็กล้าผิดปกติ มันเหมือนกับแขวนหัวไว้บนเข็มขัดพยายามจี้เรือจากลอสแองเจลิสไปแคนาดา!
เย่โม่รู้ว่าโจรสลัดเหล่านี้ไม่ใช่พวกธรรมดา พวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะดึงดูดกองกำลังทหารสหรัฐฯ และในเมื่อพวกเขาไม่รู้ แต่พวกเขายังคงกล้าที่จะเคลื่อนไหวนั่นหมายความว่าแม้เขาจะไม่ได้รับความสนใจ พวกเขาก็อาจประสบความสำเร็จได้
“นอกจากธงโจรสลัดแล้วคุณเห็นอะไรอีกไหม?” เย่โม่ไม่ได้สนใจสิ่งนี้มากนัก แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่หนิงชิงเซวียก็กระโดดลงจากเครื่องบิน ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้เขาต้องการไปถามพวกโจรสลัดเกี่ยวกับเรื่องนี้
อีเดนพูดทันทีว่า “ในเวลานั้นมีเรือสองลำที่มีใบเรือ จริงๆ แล้วฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีเรือที่แล่นบนมหาสมุทรแปซิฟิก ฉันเห็นโจรสลัดเตะผู้หญิงลงบนเรือทั้งสองลำ ขณะที่พวกเขาปล้นทุกอย่าง ฉันหมดหวังที่จะหลบหนี เพื่อให้ใครบางคนช่วยแดฟนี่ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรกับเบม่า”
“มีเรือ 2 ลำเหรอ?” เย่โม่ถามซ้ำ