Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 427
บทที่ 427 : เกิดปัญหาใหญ่
เสี่ยวหลานไม่ต้องรอนานสำหรับเย่โม่ออกมา เขาไม่ยอมให้พวกนั้นมีชีวิตอยู่ แต่เย่โม่ก็ไม่ใช่คนมีเมตตา การปล่อยให้พี่น้องทั้งสี่มีชีวิตอยู่นั่นหมายถึงการสร้างปัญหาให้กับตนเอง แม้ว่าเย่โม่จะย้ายมายังโลกนี้และวิธีการตามปกติของเขาในการจัดการกับสิ่งต่างๆ เริ่มมีความก้าวร้าวน้อยลง เขายังคงฆ่าคนที่ต้องถูกฆ่าโดยไม่ลังเล
…
คืนนั้น เย่โม่มีเรื่องที่ต้องคุยกับซวี่เยวียฮวา ดังนั้นหนิงชิงเซวียจึงเข้านอนก่อน เนื่องจากการนัดพบกับเย่โม่ หนิงชิงเซวียอยู่ในสถานะของความตื่นเต้น แต่เนื่องจากความกังวลและความเหนื่อยล้าของเธออย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเธอก็ได้ผ่อนคลาย เธอจึงรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
อาจเป็นเพราะการที่มีเย่โม่อยู่เคียงข้างเธอ หนิงชิงเซวียก็นอนหลับอยู่บนเตียงทันที เย่โม่และหนิงชิงเซวียเห็นด้วยกับซวี่เยวียฮวาเพื่อรวมพวกเขาไว้ในห้องเดียวกัน ทั้งคู่แต่งงานกันแล้วและไม่เคยมีความขัดแย้งมาก่อนอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นหนิงชิงเซวียเคยอยู่กับเย่โม่มาก่อน ดังนั้นในใจของเธอ เย่โม่นั้นเป็นสามีของเธออยู่แล้ว แน่นอนว่าเธอจะไม่คัดค้านสิ่งนี้
เมื่อหนิงชิงเซวียหลับ เย่โม่ก็ปิดประตูและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเมืองอสรพิษกับซวี่เยวียฮวา พวกเขาเริ่มการประชุมทางวิดีโอเพื่อให้ยวีเมี่ยวตั๋นและจังเจียหยันเข้าร่วมด้วย
ยวีเมี่ยวตั๋นยุ่งอยู่กับการจัดการของบริษัทมากเกินไป แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามีคนมากมายที่เข้ามาในเมืองอสรพิษ เธอก็ไม่มีเวลาหรือกำลังคนในการสืบสวน แม้ว่าเย่โม่จะไม่พบคนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เธอก็วางแผนที่จะหาคน ตอนนี้เย่โม่พบซวี่เยวียฮวา มันเป็นความช่วยเหลือที่ดีสำหรับยวีเมี่ยวตั๋น และคนอื่นๆ ผู้คนจากบริษัทลั่วเยวียก็สามารถบอกได้จากทัศนคติของเย่โม่ต่อซวี่เยวียฮวาว่าเธอมีค่า
เมื่อพวกเขาเสร็จสิ้นการวางแผนปัญหาของบริษัท มันเป็นเวลา 12.00 น. เย่โม่ให้ซวี่เยวียฮวาสิ้นสุดการประชุมทางวิดีโอและถามว่า “พี่เยวียฮวา คุณเคยได้ยินเรื่ององค์กรนอร์ทแซนด์ไหม?”
ซวี่เยวียฮวาพยักหน้า “ฉันรู้จักนะ มันเป็นองค์กรลึกลับ พวกเขามีสาขาทั่วโลก ฉันได้ยินว่าความทะเยอทะยานของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเขาต้องการสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากกว่าอเมริกา ส่วนอย่างอื่นฉันก็ไม่รู้อะไรเลย”
เย่โม่พยักหน้า มันมีความหมายมากที่ซวี่เยวียฮวาสามารถรู้เรื่องนี้ได้ ท้ายที่สุดองค์กรนี้ก็ลึกลับมากและใช้ทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เย่โม่ไม่เชื่อว่าพวกเขาต้องการสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตยมากกว่าสหรัฐฯ
“พี่เยวียฮวา เมื่อคุณไปถึงเมืองอสรพิษ ในขณะที่คุณตรวจสอบผู้บุกรุกพวกนั้น คุณต้องตรวจสอบองค์กรนอร์ทแซนด์ด้วย คุณจะได้รับเงินสนับสนุนเท่าที่ต้องการได้จากพี่ยวีนะครับ” เย่โม่กล่าวอย่างจริงจัง
เย่โม่รู้สึกไม่สบายใจกับการมีอยู่ขององค์กรนอร์ทแซนด์ แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับต่งฟางชื่อ แม้ว่าเขาจะฆ่าต่งฟางชื่อไปแล้วก็ตาม เขาก็ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้แก้กับองค์กรนอร์ทแซนด์ เนื่องจากพิมพ์เขียวของ แผนที่ช่องว่างทานตะวัน เขาเคยสัญญากับฮานจั่ยชินว่าจะได้รับส่วนอื่นๆ ของพิมพ์เขียวมาด้วย
ซวี่เยวียฮวาเงียบลง เธอรู้ว่าด้วยพลังของเธอมันคงเป็นเรื่องขำขันที่จะพยายามสำรวจองค์กรนอร์ทแซนด์
เมื่อเห็นอย่างนี้ เย่โม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรและยิ้ม “คุณไม่จำเป็นต้องส่งคนอื่นไปสอบสวนอย่างจงใจหรอก แค่จำไว้เมื่อคุณได้ยินอะไรบางอย่าง ฉันเชื่อว่าเนื่องจากคุณมีวิธีการฝึกตน คุณมีต้นกำเนิดที่สำคัญมาก ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ แต่ตราบใดที่คุณยังคงอยู่ในเมืองอสรพิษ ฉันเชื่อว่าคุณสามารถเข้าถึงขั้นปฐพีได้ใน 3 ปี”
“อะไรนะ?” ซวี่เยวียฮวารู้สึกตกใจอย่างสมบูรณ์ เธอใช้เวลามากกว่า 20 ปีในการเข้าถึงขั้นสีเหลืองระดับกลาง และตอนนี้เย่โม่บอกว่าเธอสามารถเข้าถึงขั้นปฐพีได้ใน 3 ปี ถ้านี่เป็นสัปดาห์ที่แล้ว เธอจะคิดว่าเย่โม่โกหกเธอ แต่ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วเย่โม่ไม่ได้โกหก
ซวี่เยวียฮวายืนขึ้น ความคิดที่ถูกทิ้งร้างของเธอในการแก้แค้นได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หากเธอสามารถไปถึงขั้นปฐพีได้ เธอคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเย่โม่เพื่อทำลายนิกายเล็กๆ นั้น!
“น้องโม่ ถ้าเยวียฮวาคนนี้สามารถไปถึงขั้นปฐพีและเติมเต็มความฝันของฉันที่จะแก้แค้นได้ เยวียฮวายินดีที่จะขายตัวเองให้กับคุณตลอดชีวิต” ซวี่เยวียฮวาเปลี่ยนชื่อของเธอ แม้ว่าเย่โม่จะมีอายุน้อยกว่าเธอ แต่หากเย่โม่สามารถช่วยเธอให้แก้แค้นให้กับครอบครัวของเธอได้จริง เธอก็พอใจแม้ว่าเธอจะตาย เธอยอมแพ้ก่อนหน้านี้เพราะเธอรู้ว่าด้วยอำนาจของเธอในปัจจุบัน มันจะหมายถึงการฆ่าตัวตาย
“พี่เยวียฮวา คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ คุณเพียงแต่ต้องทำงานด้านข่าวกรองให้ฉันเท่านั้น และฉันจะมีความสุขมาก” เย่โม่กล่าว
…
เย่โม่กลับไปที่ห้องของเขา การสนทนาของเขากับซวี่เยวียฮวาในคืนนั้นทำให้มีความสุขมาก เขาแน่ใจว่าซวี่เยวียฮวาถูกล่อลวงโดยเงื่อนไขของเขาเรียบร้อย เขารู้ว่าเธอเคยสงสัยมาก่อน แต่มันเป็นเพียงเพราะเธอไม่เคยรู้ว่าเขามีอำนาจมากเพียงใด
หนิงชิงเซวียนอนหลับพริ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหมายความว่าเธอคงฝันดี เย่โม่อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเธอ และนั่งลงข้างๆ เธอเพื่อฝึกตน
บนโลกนี้จิตวิญญาณลมปราณนั้นหมดลง ถ้าเขาไม่ขยันอย่างหนักเพื่อฝึกตน การเดินทางของเขาก็จะจบลง
แต่เย่โมไม่เพียงแต่ทำงานอย่างหนักเท่านั้น เขายังโชคดีมาก เขายังคงเผชิญกับสิ่งดีๆ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะยังอยู่ในรวมลมปราณขั้น 1
หนิงชิงเซวียบอกว่า ทังเป่ยเวยกลับมาแล้วและพักที่เมืองหนิงไห่ เขาตัดสินใจนำชิงเซวียไปพบเป่ยเวยในวันพรุ่งนี้ ถ้าเป่ยเวยเต็มใจ เขาก็พร้อมที่จะพาเป่ยเวยไปเมืองอสรพิษด้วยกัน
…
เช้าวันรุ่งขึ้น หนิงชิงเซวียตื่นขึ้นมาและพบว่าเย่โม่ยังคงฝึกตนอยู่ เธอก็รู้สึกอบอุ่นภายใน
เย่โม่เห็นว่าหนิงชิงเซวียตื่นขึ้นมาและลุกขึ้นยืนทันที เขาพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ หลังจากที่เรากินกันอะไรแล้ว เราจะกลับไปที่เมืองหนิงไห่ และเธอก็สามารถไปเยี่ยมครอบครัวที่รัฐยวี่ได้นะ”
หนิงชิงเซวียตกลง เมื่อเธอลุกจากเตียง เธอก็เดินไปที่เย่โม่และกอดเขา เธอชอบความรู้สึกอบอุ่น เย่โเพิ่งจะบ่มเพาะเสร็จ และเนื่องจากหนิงชิงเซวียซึ่งสวมกอดเขา เธอยังคงอยู่ในชุดนอนของเขา และเขาก็รู้สึกถึงไฟที่หัวใจ
ร่างกายของหนิงชิงเซวียอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอม ทำให้เขามีความปรารถนาที่ไม่อาจต้านทานได้
ราวกับว่าเธอรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของเย่โม่ หนิงชิงเซวียจึงอายและฝังศีรษะของเธอไว้ในหน้าอกของเย่โม่ เธอรู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่โดยการแสดงแบบนี้ ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับบุคลิกของเธอ
เมื่อเย่โม่ต้องการพูดอะไรบางอย่างกับหนิงชิงเซวีย ก็มีบางคนมาเคาะประตู….(บัดซบ! ฆ่ามัน!)
เย่โม่ขมวดคิ้ว นี่มันเป็นเช้าตรู่และ ซวี่เยวียฮวามีประสบการณ์ในการประชุมทางสังคมในโลกนี้ เธอมารบกวนเขาและหนิงชิงเซวียได้ยังไง? เว้นแต่จะมีบางสิ่งที่สำคัญ
ด้วยความคิดเหล่านี้ เย่โม่ยิ้ม ในสายตาของเขาตราบใดที่ทุกคนรอบตัวเขาสบายดีทุกอย่างก็ดี หากโลกกำลังจะระเบิดก็ไม่มีอะไรจะสำคัญเกินไป ซวี่เยวียฮวาเพิ่งพบเขา ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจบุคลิกของเขา
หนิงชิงเซวียแยกจากเย่โม่ เธอสางผมตัวเองและยิ้ม “พี่เยวียฮวา ต้องมีธุระบางอย่างที่จะพูดกับนายละมั้ง นายออกไปเถอะ ฉันจะออกไปหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วนะ”
เย่โม่เปิดประตูและเห็นซวี่เยวียฮวายืนอย่างหงุดหงิดที่ประตู เมื่อเธอเห็นเย่โม่ออกมา เธอก็พูดทันทีว่า “เมื่อกี้ประธานยวีเพิ่งโทรมา เธอบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องรายงาน”
ยวีเมี่ยวตั๋น? เธอโทรมาแต่เช้าตรู่แบบี้ แสดงว่ามีเรื่องอะไรจริงๆเหรอ?
เย่โม่รีบไปทันที ซึ่งทันทีที่มีการเชื่อมต่อการโทร น้ำเสียงของยวีเมี่ยวตั๋นก็ฟังดูกังวลมาก ขณะที่เธอพูดว่า “ประธานเย่ เช้านี้มีชาย 2 คนมาที่เมืองอสรพิษ พวกเขาบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังตามหาคุณ คนหนึ่งชื่อกัวฉี อีกคนชื่อฟางเหว่ย ฉันดูแลพวกเขาอยู่ ฉันวางแผนที่จะรอให้คุณกลับมาก่อน แต่ฉันเพิ่งเห็นโพสต์ระดับ 1 ในออนไลน์ เป็นภาพที่ทั้งพวกเขา ทั้งคู่มาจากกองกำลังพิเศษ พวกเขาฆ่านายทหาร 2 นายแล้วหนีออกมา ฉันยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับคุณคืออะไร ฉันก็เลยไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาเลย”
กัวฉีและฟางเหว่ย? เย่โม่จำได้ทันทีเมื่อเขาอยู่ที่ป่าชายแดน ชายทั้งสองมาจาก Eagle Squad กัปตันของพวกเขาคือผู้หญิงที่ชื่อลู่หลินและชรือวั่นชิงเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ เย่โม่ได้พบพวกเขาและช่วยพวกเขาให้รอด
เป็นเพราะสิ่งนี้ที่เย่โม่เป็นเพื่อนกับพวกเขา เขาบอกพวกเขาว่าเขาอยู่ที่เมืองอสรพิษ
แต่เย่โม่มั่นใจว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้รู้ว่าบริษัทลั่วเยวียเป็นของเขา
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือสองคนนี้อยู่ในกองทัพและเป็นคนมีฝีมือจากกองกำลังพิเศษ ทำไมพวกเขาถึงฆ่านายทหาร?
เย่โม่มีความประทับใจที่ดีกับกัวฉี เขายังสอนเทคนิคการต่อสู้แบบง่ายๆ ให้พวกเขา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่โม่จึงพูดว่า “บอกพวกเขาให้อยู่ในเมืองอสรพิษ พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน อีกซักพักฉันจะกลับไป”
ในช่วงเวลานี้ หนิงชิงเซวียเดินออกมา และเดินไปที่เย่โม่ ขณะที่ถามอย่างระมัดระวัง “มันเกี่ยวกับบริษัทลั่วเยวียรึเปล่า?”
เย่โม่รู้สึกสบายใจและพูดว่า “ก็ไม่มากนะ เรากลับไปที่เมืองอสรพิษกันก่อนเถอะ”