Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 428
บทที่ 428 : จ้าวแห่งธุรกิจ
หลังจากบอกซวี่เยวียฮวา เย่โม่ก็พาหนิงชิงเซวียไปยังเมืองอสรพิษ หลังจากที่ซวี่เยวียฮวาจัดการธุรกิจในฮ่องกงเสร็จ เธอจะเข้าร่วมกับพวกเขาที่นั่น
เมื่อกลับไปสู่เมืองอสรพิษอีกครั้งและเห็นสภาพแวดล้อม ไม่เพียงแต่หนิงชิงเซวียเท่านั้น แต่เย่โม่ก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น มันเปลี่ยนไปมากในเวลาอันสั้น มันกลายเป็นย่านธุรกิจที่คึกคัก ถนนสายหลักกว้างมากและมีร้านค้าและตัวแทนท่องเที่ยวทุกประเภท
สิ่งเดียวที่เย่โม่ไม่มีความสุขคือแม้ว่าถนนจะกว้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นอย่างนั้น และพวกมันก็ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ
ทางออกที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทลั่วเยวีย คือ เมืองอสรพิษ สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของพ่อค้าจำนวนมาก และพ่อค้าเหล่านี้ได้นำอุตสาหกรรมที่สัมพันธ์กันมาที่นี้ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าของอุตสาหกรรมต่างๆ
เย่โม่เห็นและถอนหายใจ ไม่แปลกใจที่ซวี่เยวียฮวาเป็นห่วงประเทศที่อยู่ถัดไป ด้วยวิธีที่เมืองอสรพิษเป็นอยู่ตอนนี้มันเกือบจะเป็นเมืองชั้นสองแล้ว
เย่โม่ขมวดคิ้ว ‘ไม่สิ ถ้ามันตกต่ำลง มันจะเป็นเป้าหมายที่ง่าย’ สิ่งที่ทำให้เย่โม่เดือดร้อนคือถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาจะจากไปได้ แต่ความจริงก็คือว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว หากประเทศใดที่จะโจมตีเมืองอสรพิษจริงๆ แล้วด้วยพลังขั้น 4 ของเขา มันจะเหมือนกับการขว้างปาก้อนหินก้อนหนึ่ง
ไม่ว่าลูกไฟและใบมีดของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถสู้กับกองทัพได้ ความกังวลของซวี่เยวียฮวานั้นสมเหตุสมผล เขาต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นเขายิ่งใช้เวลานานเท่าไร ปัญหาก็จะมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเมืองอสรพิษจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฝางหนานและคนของเขา แต่เดิมนั้นสถานที่มันวุ่นวายและเมื่อเมืองอสรพิษขยายใหญ่ มันก็ยิ่งมากขึ้น
เย่โม่และหนิงชิงเซวียเพิ่งยืนอยู่ที่นั่นและได้รับความสนใจอย่างมาก หนิงชิงเซวียนั้นน่าดึงดูดใจไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ตรงไหน เธอก็จะเป็นคนที่น่าดึงดูดที่สุด
“พี่ใหญ่ คุณต้องการโรงแรมไหม? เราให้บริการทุกประเภทนะ เรารับประกันได้ว่าคุณจะพึงพอใจ ไม่ต้องห่วงละ….ฉันสามารถพาคุณไปที่นั่นได้ลยตอนนี้นะ แค่ตามฉันมา” ก่อนที่เย่โม่และหนิงชิงเซวียจะจ้องมองที่เกิดเหตุ ผู้หญิงวัยกลางคนก็ได้หยุดพวกเขา
แม้ว่าเธอจะพยายามทำธุรกิจ จากน้ำเสียงของเธอดูเหมือนว่าเย่โม่จะได้ตกลงกับมันแล้ว และหลังจากที่เธอมา คนอื่นๆ ที่พยายามขายสิ่งของก็หยุดอยู่กับที่
หนิงชิงเซวียขมวดคิ้วและเข้าใกล้เย่โม่มากขึ้น
เย่โม่กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ไม่จะจำเป็น เราไม่ต้องการโรงแรม ขอทางด้วย”
“เฮ้พวก นายจะไม่อยู่ในโรงแรมที่เมืองอสรพิษได้ยังไง? มันไม่มียาความงามทุกวันหรอกนะ แต่ตราบใดที่นายอยู่ที่โรงแรม ฉันสัญญาว่านายจะซื้อยาความงามแน่ ฮิฮิ…” ชายร่างใหญ่อีก 2 คนเข้ามาขว้างทางของเย่โม่ แม้ว่าชายคนนั้นจะกำลังพูดกับเย่โม่ แต่ดวงตาของเขาก็อยู่กับหนิงชิงเซวียด้วยความปรารถนา
หลังจากพูดจบ เขาก็เริ่มเล่นมีดเล่มเล็กๆ
การแสดงออกของเย่โม่จมลง เขาโกรธมาก เมืองอสรพิษกลายเป็นสถานที่แบบนี้ได้ยังไง? ตลกที่ว่าเขาคิดว่านี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดมาก่อน ถ้าเย่หลิงไม่ใช่น้องสาวของเขา เธอคงถูกคุกคามแบบนี้ด้วยไหม? นี่ไม่ใช่การดึงดูดธุรกิจ นี่คือการขู่ให้พวกเขาไปพักที่โรงแรม
“แกมักจะบีบบังคับลูกค้าของแกแบบนี้หรอ? ไม่มีกฎเกณฑ์ในเมืองอสรพิษรึไง?” เสียงเย่โม่คมกริบ นี่ไม่ได้ต่างจากเมืองอสรพิษเมื่อ 2 ปีก่อนเลย หรืออาจยิ่งแย่ลงด้วยซ้ำ
เขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เมืองอสรพิษ มีพวกอัธพาลเหล่านี้ แต่มันก็ยังมีประชากรอยู่มาก หากไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้แล้วมันจะไม่มีผู้พักอาศัยเพิ่มขึ้นไม่ใช่รึไง? ดูเหมือนว่าเขาจะต้องแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วในเมืองนี้ซะแล้ว
ความโกรธของเย่โม่เริ่มมากขึ้น จังเจียหยัน ฝางหนาน และ หยางจิว เป็นผู้จัดการเมืองอสรพิษได้ยังไง? นี่มันไร้สาระเกินไป
แต่แล้วเย่โม่ก็สงบความโกรธของเขา คนเหล่านี้เริ่มต้นจากล่างสุด พวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการบริหารเมืองและไม่มีระบบ ไม่เลวเลยที่พวกเขายังสามารถทำให้สถานการณ์คงที่กับคนจำนวนมากนี้ได้
“ฮวงกุย ฉันบอกแกไปกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปติดต่อลูกค้าโดยตรงแบบนั้น แกกำลังทำมันอีกแล้วนะ และมันก็ทำให้ฉันลำบาก” ได้ยินเสียงเล็กๆ ดังขึ้น
ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกว่าฮวงกุยหันกลับไป และเห็นชายหนุ่ม 2 คน เขายิ้มทันที “พี่โฮ่วจี โปรดอย่าสนใจพี่จินซรูเลยครับ หัวหน้าของเราและพี่จินซรูเป็นพี่น้องกันนี่ ฮิฮิ…”
แม้ว่าเขาจะดูสุภาพ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้เกรงใจพี่โฮ่วจีจริงจัง
เย่โม่จ้องที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินอยู่และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความโกรธ เขารู้จักเขาเป็นคนที่ไปปักกิ่งเพื่อตามหาเขา ชายหนุ่มคนนี้ถูกเรียกว่าเซี่ยวโฮ่ว ชายผู้ซื่อสัตย์ของฝางหนาน
ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านี้หยิ่งมาก พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน พวกอันธพาลเหล่านี้ไม่มีอำนาจจริงๆ เมื่อพวกเขาทำ พวกเขาจะคิดหาวิธีสร้างกำไรจากมัน เขาสงสัยว่าใครเป็นคนที่สนับสนุนพี่จินซรูนั่น
“โอเคๆ อย่าทำมากกว่านี้ละ แม้ว่าพี่จินซรูจะเป็นพี่ชายของฉัน เมืองอสรพิษก็ไม่ใช่ของฉันและมันไม่ใช่ของพี่จินซรู แกเป็นแบบนี้ตลอดและมันทำให้ฉันลำบากมากนะ” เซี่ยวโฮ่วพูดด้วยสีหน้าที่เหมือนจมน้ำ เขารู้สึกว่าสิ่งที่พี่น้องหลายคนทำไม่ใช่สิ่งที่พี่เย่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม พี่หนานก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกตนและไม่ค่อยจัดการเรื่องเหล่านี้ เขาให้คนของเขากับร็อคและเสี่ยวจินซรูจัดการ และตอนนี้นี่คือสถานการณ์
“ขอโทษครับพี่โฮ่วจี แต่ครั้งนี้ฉันต้องทำอะ” จากนั้น ฮวงกุยก็จ้องไปที่หนิงชิงเซวีย
เซี่ยวโฮ่วส่ายหัวอย่างไร้หนดทาง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ จริงๆ…เขาเห็นเย่โม่และหนิงชิงเซวียจริงๆ! ใบหน้าของเซี่ยวโฮ่วเปลี่ยนไปทันที เขาวิ่งไปข้างหน้าเย่โม่อย่างรวดเร็วและคำนับ “พะ พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้ว…”
เย่โม่แสยะยิ้มและสแกนธุรกิจผู้คนที่เดินผ่านไปมา เมื่อเขาต้องการพูด เขาก็เห็นผู้คนจำนวนมากหยุดพ่อค้าต่างชาติรายอื่น พวกเขาเกือบจะผลักและลากเขาออกไป
“ทำไมถึงมีขยะแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองอสรพิษหะ? ฝางหนานมัวทำอะไรอยู่?” อารมณ์ของเย่โม่เริ่มใหญ่ขึ้น บริษัทของเขาตั้งอยู่ในเมืองอสรพิษ และด้วยสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นที่ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ของเขาจะมีประสิทธิภาพเพียงใด มันก็จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของบริษัทของเขา
“แกคิดว่าแกเป็นใครหะ? แกกล้าชี้นิ้วสั่งแบบนั้นได้ยังไง? แกเป็นพี่ใหญ่ของเซี่ยวโฮ่วรึไงว่ะ? ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ถ้าอยากจะทำอะไรที่มันดีๆก็ไปทำบ้านมึงนู่นไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมึง” ฮวงกุยคิดว่า เย่โม่เป็นญาติของเซี่ยวโฮ่ว เขาไม่ได้ยินคำพูดของเย่โม่และเดินไปด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม เขาไม่ได้สนใจเซี่ยวโฮ่วด้วยซ้ำ เขาให้ความเคารพเขาเพียงเพราะเขาเป็นน้องชายของพี่จินซรู
ป้าบ! – เซี่ยวโฮ่วตบหน้าฮวนกุยทันที “ไสหัวไป แม้ว่าแกจะเป็นหนึ่งในคนของเสี่ยวจินซรู ฉันก็จะไม่ปล่อย ฉันจะจัดการเสี่ยวจินซรูที่นี่ ฉันไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่แกทำได้ด้วยซ้ำ”
“โอ้ เชิงจีโฮ่ว นายมีแข็งแกร่งมาก นายไม่ได้เป็นกระทั่งบอสใหญ่ในเมืองอสรพิษ นายกล้าทำร้ายคนของฉันได้ยังไง? ฉันอยากเห็นนักว่านายจะทำอะไรกับเรื่องนี้” จากนั้น ชายหนุ่มอีกคนก็พาชายสองคนไปกับเขาและเดินไป หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะสวมเสื้อผ้าจากกองทัพ
เย่โม่รู้จักคนๆนี้ เขาคือเสี่ยวจินซรู 1 ใน 2 คนที่ภักดีของฝางหนาน อีกคนหนึ่งชื่อว่าร็อค แต่เขาไม่ได้คาดหวังให้เขาเป็นอย่างนี้ในเวลาเพียง 2 ปีเลย โอ้…บางทีเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน เขาเป็นแบบนี้มาตลอด แต่เย่โม่ไม่เข้าใจเขาเลย
“คนพวกนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ…” หนิงชิงเซวียเห็นสิ่งนี้และขมวดคิ้ว
“เหตุผล…ฉันไงเหตุผล -” เสี่ยวจินซรูกล่าวเพียงครึ่งประโยคก่อนที่เขาจะเห็นหนิงชิงเซวีย ผู้หญิงคนนี่สวยมาก! แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำให้เขามีความสุข ดูเหมือนว่าเขาจะจำเธอได้ ผู้หญิงคนนี้เคยมาที่เมืองอสรพิษมาก่อน และพี่ใหญ่ฝางหนานก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนแขกคนสำคัญ เธอดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงของพี่เย่ มันเป็นของเธอ เสี่ยวจินซรูรู้สึกไม่ดีนัก
ในที่สุดเขาก็เห็นเย่โม่ ผู้มีใบหน้าเย็นชาถัดจากหนิงชิงเซวีย หากเขามีโอกาสอีกครั้ง เขาจะไม่มองผู้หญิงคนนั้นก่อน แต่เป็นคนที่อยู่ข้างเธอ
ทันทีเสี่ยวจินซรูเห็นเย่โม่ หัวใจและร่างกายของเขาก็สั่นเท่า นั่นเป็นพี่ใหญ่ของพี่หนาน เขาไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะเรียกพี่ใหญ่เยโม่ พี่เย่กลับมาที่เมืองอสรพิษและคนของเขา ฮวงกุยได้พยายามบังคับพี่เย่ แต่ถูกเซี่ยวโฮ่วหยุด
เสี่ยวจินซรูไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเข้าใจ มันจบแล้ว หัวใจของเสี่ยวจินซรูนั้นเต็มไปด้วยความกังวล เขาทำธุรกิจกับบอสใหญ่ เขาสงสัยว่าไอ้ฮวงกุยมันทำตัวไม่พอใจกับผู้หญิงที่เป็นของบอสใหญ่หรือไม่
“พี่จินซรู เซี่ยวโฮ่วเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เขามักจะขัดขวางเราไม่ให้ทำธุรกิจเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าเขาไม่ได้เป็นพี่ใหญ่ฉันคง…” เสียงของฮวงกุยหยุดลงทันที
เขาไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปเพราะเสี่ยวจินซรูได้ตบหน้าเขาด้วย ก่อนที่ฮวงกุยจะตอบโต้ได้ เสี่ยวจินซรูก็คุกเข่าต่อหน้าเย่โม่แล้ว
ฮวงกุยงงงวย แต่ก่อนที่เขาจะตอบสนอง เขาก็เห็นพี่จินซรูของเขาคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มคนนั้น
“พี่เย่ ฉัน – ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นพี่” เสี่ยวจินซรูกลัวจริงๆ ในตอนนี้ คนอื่นไม่รู้จักพลังของเย่โม่ แต่เขาเห็นมาแล้วกับฝางหนาน
เย่โม่พูดอย่างเยือกเย็น “ถ้างั้นแกจะหมายถึงว่าถ้ามันเป็นคนอื่น แกจะอนุญาตให้ทำเรอะ?”
เสี่ยวจินซรูเปิดปากของเขา แต่พูดอะไรไม่ออก เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ นับตั้งแต่ที่เมืองอสรพิษเป็นดินแดนของพวกเขาและพี่ใหญ่ของพวกเขาได้ห้ามการโจรกรรม ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะทำธุรกิจอะไรที่ไม่ใช่บีบบังคับล่ะ?