Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 435
บทที่ 435 : แกจะทำอะไรได้?
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เทียนโย๋วเหนิงก็ดีใจ เขารู้ว่าใครคือเจ้าของเสียงเย็นชา เขาคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ที่ไม่พูดมาเป็น 1,000 ปี จะสนใจเรื่องนี้
เทียนโย๋วเหนิงดูอึดอัดมาก แต่ในใจเขามันรู้สึกไกลจากคำว่าอึดอัด
เธอเป็นศิษย์น้องของซวี่ซรือ ชื่อซงหยางจรู ตั้งแต่วินาทีที่ผู้หญิงคนนี้มา ซวี่ซรือก็รับราชการทหาร เธอไม่เคยพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แม้ว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของ Heaven Squad เช่นกัน แต่เทียนโย๋วเหนิงก็ไม่เคยวางใจเธอ ถ้าไม่ใช่ว่า Heaven Squad มีข้อผูกมัดที่จะต้องสั่งสอนทหาร ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่มา
เย่โม่มองไปที่ผู้หญิงที่พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธออายุประมาณ 24 หรือ 25 ปี เธอมีน้ำเสียงเย็นชาและด้วยอารมณ์ที่สุขุม มันดูไม่เลว ผมเธอยาวสลวยและผิวขาว ซึ่งเธออาจเรียกได้ว่าเป็นหญิงงามที่หายาก
เมื่อเห็นเย่โม่มองมา เธอก็มีประกายแวววาวที่ดวงตา ขณะที่กลับมาอย่างสงบดังเดิม เธอจ้องที่เทียนโย๋วเหนิงอย่างชัดเจนรอการตอบกลับของเขา
เทียนโย๋วเหนิงต้องการให้เธอต่อสู้กับเย่โม่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตอบได้ยังไง ถึงตอนนี้เขาทำท่าราวกับว่าเขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่กล้าทำ
เย่โม่ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เขาสังเกตเห็นความรังเกียจและความเกลียดชังในดวงตาของเธอ เขาไม่รู้ว่าไปทำให้เธอไม่พอใจตอนไหน แต่เขาไม่สนใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน แต่เนื่องจากบุคลิกของเขา แต่เขาก็ไม่ชอบคนมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ
หากคุณไม่มีอำนาจใดๆ แม้ว่าคุณจะทำตัวขี้อายแล้วคุณยังถูกทำร้าย เขาไม่สนใจหรอกว่าจะทำให้ใครไม่พอใจ เขาสนใจที่ว่าจะเอาชนะพวกเขาได้ไหม
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้มีปัญหากับเย่โม่ในขณะนั้น
ใบหน้าของเย่โม่ก็เย็นชาเช่นกัน และเขาก็ประกาศชัดเจนว่า “เทียนโย๋วเหนิง กัวฉีและฟางเหว่ยถูกใส่ร้าย ชี้แจ้งข้อเท็จจริงของเรื่องเดี๋ยวนี้และยกเลิกคำสั่งไล่ล่าพวกเขา ชี้แจ้งผู้กระทำผิดที่แท้จริง ฉันไม่เชื่อว่าคุณยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริงตอนนี้!”
เทียนโย๋วเหนิงขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองใคร – พลเอกหรอ? เขาพูดราวกับว่าเขามีสิทธิ์สั่งใครก็ได้งั้นแหละ
เมื่อเห็นว่าเทียนโย๋วเหนิงขมวดคิ้วและลังเล ตอนนี้ลี่เชียนไคเข้าใจถึงสาเหตุที่เย่โม่มาในวันนี้แล้ว นั้นคือ กัวฉีและฟางเหว่ย
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะต่อสู้ ลี่เชียนไคก็ถอยกลับไปและเรียกลี่ตง เขาต้องการอย่างยิ่งที่จะถามคำถาม แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการและอยู่เหนือกว่าเทียนโย๋วเหนิงเพียงไม่กี่ขั้น แต่เทียนโย๋วเหนิงก็เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษและเขาไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชาพวกเขา ที่จริงแล้ว เทียนโย๋วเหนิงตอบโต้โดยตรงกับฮานจั่ยชิน และฮานจั่ยชินก็มีผู้บังคับการจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะส่งคำสั่งเทียนโย๋วเหนิงได้
“หืมม ผบ.เทียน คุณจะช่วยผู้กระทำผิดงั้นเรอะ?” เมื่อเย่โม่เห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็เย็นชา
“ห่ะ ช่วยเหลือผู้ร้าย? กัวฉีและฟางเหว่ยฆ่าทหาร! เพียงเพราะพวกเขามีเส้นสาย นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพ้นโทษ ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนที่มีเส้นก็ฆ่าคนได้ตามที่ต้องการแล้วสิ ถ้าแบบนั้นมันจะมีอะไรเหลืออยู่ในกฎหมายอีกละ” น้ำเสียงของผู้หญิงก็เย็นชาเช่นกัน
เย่โม่ไม่รู้ว่าเขาไปทำผิดต่อเธอเมื่อไหร่ แต่เธอทำตัวต่อต้านเขาอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเขาก็ใช้ลมปราณเพื่อขยายเสียงของเขา “ชิวจื่อเฟย ใช้ความมึนเมาเป็นข้ออ้างในการโจมตีกัปตันลวี่หลิน! กัปตันลวี่หลินของ Eagle Squad! ลวี่หลินต่อต้าน แต่นายทหารสองคนนั้นที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยเธอ พวกเขายังช่วยชิวจื่อเฟย จัดการกัปตันลวี่หลิน กัวฉีและฟางเหว่ยไปเห็นเหตุการณ์เข้า ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามปกป้องลวี่หลิน และในฆ่าเจ้าหน้าที่สองคนนั้นโดยบังเอิญ เพราะตระกูลชิวมีอำนาจในปักกิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ ใส่ร้ายกัวฉีและฟางเหว่ยที่บริสุทธิ์ ทุกคนบอกฉันสิ! กัวฉีและฟางเหว่ยควรจะถูกกล่าวหางั้นเรอะห่ะ!?”
เย่โม่อธิบายเรื่องต่างๆ ในสองประโยค โดยที่เกือบทุกคนในค่ายทหารสามารถได้ยินได้ ทหารที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้เข้าใจในทันที แม้ว่าจะมีบางคนยังมีข้อสงสัย ทุกคนก็รู้ว่าใครคือชิวจื่อเฟย และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้องของลวี่หลิน ความจริงนั้นชัดเจน
“เป็นไปไม่ได้ ใช่มั้ย?” เนื่องจากทหารจำนวนมากรู้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับผบ.เทียน จึงไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นอะไร แต่พวกเขาก็ยังไม่พอใจ พวกเขาเป็นทหาร มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาในการปกป้องผู้คนและประเทศชาติ ถ้าแม้แต่นายทหารหญิงคนหนึ่งก็ยังไม่สามารถปกป้องได้ แล้วแบบนี่พวกเขาจะสามารถปกป้องผู้อื่นได้ยังไง?
ในตอนนั้นเอง ลี่ตงก็ได้ตรวจสอบความจริงและดำเนินการอย่างจริงจัง “ฉันได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และสิ่งที่อาจารย์เย่พูดไว้นั้นเป็นความจริง ไอ้พวกสวะนี้ควรถูกฆ่า ผู้บัญชาการลี่ ฉันสั่งให้คุณยกเลิกข้อกล่าวหาของกัวฉีและฟางเหว่ยเดี๋ยวนี้”
เมื่อผู้บัญชาการลี่พูด ผู้คนมากขึ้นก็เห็นด้วย ผู้บัญชาการลี่ไม่สามารถโกหกได้อย่างเปิดเผยในสถานการณ์เช่นนี้แน่ นั่นหมายความว่า กัวฉีและฟางเหว่ยถูกใส่ร้าย
แม้ว่าเทียนโย๋วเหนิงรู้ว่าลี่เชียนไคไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชาเขา แต่เมื่อลี่เชียนไคได้พูดไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถเล่นกับความตายได้ นั่นจะเป็นเรื่องโง่ทันทีเพราะเขาจะทำไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการลี่ แต่ยังรวมถึงตระกูลลี่ด้วย อย่างไรก็ตามเขาไม่พอใจที่จะฟังคำสั่งเช่นนั้น
“นั่นนะหรอที่คุณพูด? นี่มันไม่ใช่อะไรเลย แต่เป็นเรื่องราวด้านเดียว แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสองคนที่ถูกฆ่าตาย คุณต้องการที่จะให้พวกเขาได้รับเพียงแค่อิงตามเรื่องราวของคุณงั้นเรอะ? ตลกสิ้นดี!” เทียนโย๋วเหนิงกลัวลี่เชียนไค แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นจะกลัวด้วย
เย่โม่ไม่สนใจที่จะเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว เขาจึงพูดอย่างชัดเจนว่า “ถูกต้อง ถ้าฉันบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง มันก็เป็นเรื่องจริง”
ใบหน้าของซงหยางจรูซีดด้วยความโกรธ
“อวดดีนักนะ! ฉัน ซวี่ซรือ อยากจะเห็นนักว่าคนประเภทไหนกันที่มันกล้าทำตัวอวดดีในกองทัพ” เสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น
การได้ยินเสียงของซวี่ซรือนั่นก็เหมือนดนตรีสวรรค์สำหรับเทียนโย๋วเหนิง ในที่สุดก็มีคนมาต่อสู้กับชายหนุ่มที่อวดดีนี่สักที
เย่โม่ศึกษาผู้ชายคนนั้น เขาอายุ 40 ปี มีใบหน้ายาวและผมสั้น เขาดูค่อนข้างมืดมน แต่ก็ยังดูสง่า
ครั้งแรกที่เย่โม่ได้ยินเรื่องซวี่ซรือ ก็เมื่อตอนที่เขาอยู่ในขั้น 2 กลับเข้ามาในป่าช่วยกัวฉีและชรือวั่นชิง ในเวลานั้นพวกเขายกย่องซวี่ซรือ ในฐานะปรมาจารย์หมายเลข 1 โดยกล่าวว่าเขาอยู่ในขั้นปฐพีระดับต้น
“คนที่ฆ่าคนของฉันยังอยากจะเห่าและทำตัวอวดดีอีกเรอะ? ฉันดูพอแล้ว” เสียงของซวี่ซรือยังคงเย็นชา เขาจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ได้ง่ายๆแน่ นั่นเพราะเขาทำให้ศิษย์น้องซงไม่พอใจ และยังไม่ต้องพูดถึงอีกว่าเขาฆ่าคนของเขาด้วย
ศิษย์น้องของเขาไม่ใช่พูดมากนัก แต่วันนี้เธอพูดมาก ซึ่งใครก็เห็นได้ว่าเธอโกรธแค่ไหน
“คุณซวี่ อาจารย์เย่เป็นเพื่อนของฉัน และในกรณีนี้ กัวฉีและฟางเหว่ยนั้นบริสุทธิ์ ฉัน -” ลี่เชียนไคพูดเพียงครึ่งประโยคและถูกขัดจังหวะโดยซวี่ซรือทันที
ซวี่ซรือดูเฉยชาที่ลี่เชียนไค และพูดว่า “ผู้บัญชาการลี่ เพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นและถ้าคุณไม่ต้องการให้ตระกูลลี่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าพูดอะไรมาก แม้จักรพรรดิแห่งสวรรค์กำลังจะมา เขาก็ไม่สามารถหยุดฉันจากการแก้แค้นให้ฆ่าคนของฉันได้ Heaven Squad ของเราไม่เคยใช้อำนาจที่มีต่อผู้อื่น แต่คนอื่นก็ไม่ควรพยายามทำร้ายเรา”
ซงหยางจรูลังเล แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร ซวี่ซรือไม่รู้จักเย่โม่ แต่เธอรู้ มีความบาดหมางระหว่างเธอกับเย่โม่ เธอไม่ต้องการให้เย่โม่ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ดังนั้นตอนนี้ที่ซวี่ซรือได้ท้าทายเย่โม่ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าซวี่ซรือนั้นสู้กับเย่โม่ไม่ได้ มันก็คงจะเพียงพอที่จะก่อกวนเย่โม่ และทำให้เขามีศัตรูมากขึ้นได้
เย่โม่ยิ้มกว้าง “Heaven Squad หรอ? Heaven Squad นี้แข็งแกร่งจริงๆหรอ? ไอ้ทั๋นเจียว ตาแก่นั้นจะคันบ้างไหมเนี้ย? ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้สอนบทเรียนมากพอในครั้งที่แล้วแหะ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องย้อนกลับไปยังปักกิ่งอีกครั้ง โอ้ไงก็เถอะ ฉันเย่โม่ คนที่เหยียดหยาม Heaven Squad ของแก แกจะทำอะไรกับเรื่องนี้ละ?”
ซวี่ซรือเลิกคิ้วและรู้สึกโกรธ เขากล้าพูดออกมาได้ยังไง! เขากล้าเรียกปรมาจารย์ทั๋นเจียวว่าตาแก่ได้ยังไง! และเขาก็ประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขากำลังดูถูกเหยียดหยามอยู่ Heaven Squad ใช่ไหม? ซวี่ซรือไม่เคยเจอใครที่ไม่กลัวความตาย – เดี๋ยวนะ นี่ไม่ถูกต้อง มีใครบางคนที่เรียกว่า ‘อาจารย์เย่’ เด็กคนนี้เป็นใคร? เขาคือเย่โม่หรอ?
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ ซวี่ซรือก็เย็นลงทันที ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งเรียกตัวเองว่าเย่โม่หรอกใช่ไหม? เขาจำได้ว่าอาจารย์ของเขาเคยพูดว่า ‘ซวี่ซรือ ด้วยอำนาจของนาย นายอาจไม่สามารถครองทุกคนได้จริงๆ แต่ไม่มีใครที่สามารถทำอะไรกับนายได้มากนัก แค่จำไว้ว่านายต้องไม่ทำให้เย่โม่แห่งตระกูลเย่โกรธ ถ้านายทำให้เขาโกระ แม้แต่ฉันก็จะไม่สามารถช่วยนายได้’