Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 457
บทที่ 457 : สมบัติหายไปเป็นของไร้ประโยชน์
“ทำไมห่ะ แกคิดไอ้ห่านั้นจะมาช่วยแกวันนี้เรอะ? ฮ่าๆๆ แกก็อยู่กับมันมานานนี้นั แต่แกก็ยังเป็นสาวพรหมจารีอยู่ มันมีปัญหาเรื่องเซ็กส์ของท่อนของมันหรอ? ฮ่าๆ! ตอนนี้แกสามารถมอบความสาวให้แก่ศิษย์พี่ใหญ่ของแกได้แล้วละนะตอนนี้” เหนียพี๋หัวเราะ
เหนียชวังชวังมองดูมือที่ว่างเปล่าของตัวเองแล้วเริ่มกังวล เธอเพิ่งจำได้ว่าเหนียพี๋เป็นขั้นปฐพีปรมาจารย์ เธอไม่สามารถฆ่าตัวตายต่อหน้าเขาได้
ก่อนที่เหนียชวังชวังจะตอบสนองได้ เหนียพี๋ก็ขยับไม้ค้ำของเขาและฟาดมาที่ด้านหน้าของเหนียชวังชวัง เขาตบเธอที่คอแล้วพูด “ทำไมแกไม่นอนซักหน่อยละ หลังจากที่ฉันทำอะไรเสร็จแล้ว ฉันจะสนุกไปกับแกและแสดงให้เห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ของแกเป็นคนพิการรึเปล่า”
เหนียชวังชวังล้มลงโดยไร้การต่อต้านใดๆ เหนียพี๋ได้เตรียมที่จะเดินเข้าไปในห้อง แต่ที่ทางเข้า ทันใดนั้นเขาก็พบว่ามีคนอยู่ที่นั่นแล้ว เหนียพี๋ตกตะลึง เขาเป็นขั้นปฐพีปรมาจารย์! แม้ว่าจะไม่มีขา มันก็ไม่มีใครสามารถมาต่อหน้าเขาได้โดยที่เขาไม่สังเกตเห็น แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลนี้จริงๆ!
“แกเป็นใคร?” ในไม่ช้า เหนียพี๋ก็สงบลง ในขณะที่เขาเห็นชายหนุ่มอายุ 20 ปียืนอยู่ต่อหน้าเขา
เย่โม่เยาะเย้ย “หลังจากตัดขาของแก และเห็นว่าแกวิ่งหนีไปในแม่น้ำ ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะได้พบแกอีกในวันนี้จริงๆ นี่ต้องเป็นโชคชะตาแล้ละเนอะ”
“แกคือเย่โม่?!” หัวใจของเหนียพี๋จมลง เขารู้สึกเสียใจจริงๆ เขาสาปแช่งตัวเองโดยไม่คิดว่าเย่โม่อาจมาในวันนี้ ตั้งแต่เหนียชวังชวังมา มันก็แน่นอนว่าเย่โม่ก็สามารถมาได้เช่นกัน
เหนียพี๋ตระหนักว่าจะไม่มีทางหนีให้เขาในวันนี้ เย่โม่เป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบมา แม้ว่าเขาต้องการแก้แค้น แต่เขาก็ไม่อยากเจอเย่โม่อีกเลย แต่เขาก็ยังพบเขาในวันนี้!
ในขณะที่ เหนียพี๋ยังคงงงงวย เย่โม่ก็เหวี่ยงวินด์เบลดไม่กี่ใบออกมา เหนียพี๋เป็นขั้นปฐพีระดับต้นแน่นอน แต่เขาก็ยังถูกฆ่าโดยเย่โม่โดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ
เย่โม่ไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไปในถ้ำ แต่เมื่อเปิดแล้ว เขาก็เข้ามาและนำกระเป๋าออกมา
กระเป๋าทำจากวัสดุที่ดีมาก แต่มันก็ไม่ได้น่าสนใจสำหรับเย่โม่ เขาเปิดหนังสือด้วยวิธีสบายๆ แต่ในไม่ช้า เย่โม่ก็ตกตะลึง
นี่เป็นวิธีฝึกตนเต๋าของจริง! มันถูกเรียกว่า มนต์เก้าจันทรานิรันดร นี่ไม่ใช่วิธีฝึกตนที่ชั่วร้าย แต่จริงๆแล้วมันแข็งแกร่งกว่าวิธีการฝึกฝนทักษะต่อสู้โบราณเหล่านั้น แม้ว่าวิธีฝึกตนนี้จะสามารถเข้าถึงขั้นรวมลมปราณสักขั้นบนโลกนี้ได้ แต่มันก็มีค่ามาก
หาก เย่โม่ ไม่ได้มีวิธีการเพาะปลูกของตนเองและหากวิธีการเพาะปลูกนี้ไม่ได้มีความหมายสำหรับผู้หญิงเขาจะปลูกมันแน่นอน
เย่โม่เปิดหนังสือและเข้าใจในทันทีว่าทำไมสมาชิกวิหารเก้าจันทราจึงชั่วร้าย
การแนะนำของบทสวดกล่าวว่า “ในโชคชะตา ผู้คนเป็นเพียงของเล่นเพื่อเล่นกับมัน ต้องให้มนุษย์มีความตายในชีวิต มีชีวิตในความตาย แต่เต๋าของข้าเป็นหนึ่งในชีวิตที่ยืนยาว…การใช้ตัวเองเป็นจักรวาล หัวใจและตับในฐานะสวรรค์และโลก รวบรวมแก่นแท้หยิน ฝึกวิญญาณหยิน…ลืมความว่างเปล่าและการหลอกหลวง อย่าดู อย่าคิด อย่าได้ยิน อย่ากังวล ไม่มีทั้งภายในและภายนอก…” เย่โม่ถอนหายใจ แน่นอนมันสอนอย่างชัดเจนถึงวิธีดูดซับพลังจิตวิญญาณลมปราณแห่งสวรรค์และโลกเพื่อเป็นพื้นฐานของการฝึกตนจิตวิญญาณของตนเอง คนสร้างของคู่มือเล่มนี้จะต้องเป็นอัจฉริยะ แต่เธอเกิดมาบนโลกนี้ เลิกใช้จิตวิญญาณลมปราณ ดังนั้นเธอจึงสามารถเขียนวิธีฝึกตนขึ้นได้จนกว่าจะถึงขั้นตติยรวมลมปราณ
แต่วิธีการฝึกตนของเธอนั้นเป็นที่เข้าใจกันว่าผู้ชายต้องกินหยินของผู้หญิงเพื่อฝึกตน นี่มันอะไร?
หมายเหตุ : แก่นแท้หยิน = ลมปราณบริสุทธิ์มาก : รับความบริสุทธิ์ของผู้หญิงในขณะที่ฝึกตนวิธีการการฝึกตนที่พิเศษนี้ กลืนกินแก่นแท้หยิน
เย่โม่ปิดหนังสือและถอนหายใจ นี่เป็นสมบัติที่สิ้นเปลือง เขาทิ้งมันไว้ที่หน้าเหนียชวังชวัง มันจะเป็นโชคชะตาของเธอ ถ้าเธอเข้าใจมัน ถ้าเธอทำไม่ได้ แม้ว่าเขาจะสอนเธอ ความก้าวหน้าของเธอก็จะไม่สูงในอนาคต
เย่โม่วางมันลงแล้วเขาก็สแกนเหนียชวังชวัง และไม่สนใจเธอ เขายืนอยู่บนกระบี่และจากไป
ไม่นานหลังจากเย่โม่ออกไป เหนียชวังชวังก็ตื่นขึ้นมา เธอสังเกตเห็นว่าเธอกำลังนอนอยู่บนพื้นและสั่นระริก เธอตรวจสอบเสื้อผ้าของเธอและเห็นว่ามันยังปกติดี ในที่สุดเธอก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็สับสน เหนียพี๋ไม่ได้ข่มขืนเธอหรอ?
ใช้เวลาสักพักสำหรับเธอที่จะเห็นร่างของเหนียพี๋ ซึ่งขาดครึ่ง
เหนียชวังชวังยืนขึ้นด้วยความกลัว ทำไมเธอถึงยังดีอยู่ ขณะที่เหนียพี๋ถูกฆ่าตาย? ใครช่วยเธอ? เหนียชวังชวังรู้สึกงุนงง และไม่กี่วินาทีก็เห็นกระเป๋าอยู่บนพื้น
เธอเปิดมันขึ้นและพบอัญมณีหยกและมนต์เก้าจันทรานิรันดร เธอรู้ทันทีว่ามีคนช่วยชีวิตเธอและไม่ทำสิ่งนั้น
ใครกันที่จะใจดีขนาดนี้? ทั้ง 2 อย่างนี่มีค่ามาก ใครจะทิ้งมันไปเหมือนหญ้าได้?
เย่โม่มาเหรอ? เหนียชวังชวังคิดถึงเย่โม่ในทันทีและด้วยความเศร้าที่ยิ่งใหญ่ก็รู้ว่านอกเหนือจากเย่โม่ เธอยังไม่มีเพื่อนแท้สักคนเดียว
เหนียชวังชวังทิ้งร่างของเหนียพี๋ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้เกี่ยวกับนิกาย
…..
เย่โม่พบสถานที่ที่ชายคนนั้นวาดให้เขา แต่มันก็ไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออีกแล้ว
เขาชิงซาวของมณฑลเสฉวนเป็นที่กำเนิดของลัทธิเต๋าของจีน ยอดเขาที่สูงที่สุดคือยอดเขาเล๋าจวินอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2363 เมตร มันไม่สวยงามเท่าเขาชิงเฉิง ดังนั้นมันจึงไม่โด่งดัง อย่างไรก็ตามมันยังคงเป็น 1 ในพื้นที่คุ้มครองของจีนเมื่อ 20 ปีก่อน
สถานที่แห่งนี้สูงชันและขาดจิตวิญญาณลมปราณ ดังนั้นเย่โม่จึงไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมหอทลายกำปั้นจึงเลือกสถานที่แห่งนี้เพื่อสร้างนิกายของพวกเขา ถึงกระนั้นเย่โม่ก็ต้องไปหาจรังจรือฮุยในวันนี้ ดังนั้นเขาต้องไปที่นิกายของพวกนั้น
เย่โม่ใช้เวลาเพียงกว่า 10 นาทีในการค้นหานิกาย
นิกายนี้ตั้งอยู่ในภูเขา เย่โม่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม สถานที่โบราณกาลที่สร้างบนภูเขาสูงชันนี้
มีหน้าผาทุกที่บนยอดเขา สามารถอ่านคำที่พร่ามัวได้ ‘หอทลายกำปั้น’ ซึ่งแสดงถึงความรุ่งเรืองในอดีต
เย่โม่เดินเข้าไปข้างใน มันเงียบมากๆ เย่โม่ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจรังจรือฮุยเห็นด้วยกับคำพูดของเขาและทำลายทุกคนที่นี่ แต่เขาไม่ได้กลับไปเลย
เย่โม่ผลักประตูเปิดไปที่ห้องโถงใหญ่และมีเสียงดังเอี๊ยด ซึ่งดูเหมือนจะโดดเด่นอย่างน่าขนลุกในความเงียบนี้
เก้าอี้ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น เย่โม่สแกนออกไปด้านนอกด้วยสัมผัสจิตวิญญาณของเขาและไม่มีใครคาดคิด แต่เมื่อดวงตาของเขาเจอกับภาพวาดบรรพบุรุษของหอทลายกำปั้น ดวงตาของเขาก็เย็นชา
มีหัวของมนุษย์แห้งถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นอยู่กลางโต๊ะเทียน ซึ่งหัวนี้เป็นหัวของจรังจรือฮุย
จรังจรือฮุยถูกฆ่าตายและหัวของเขาอยู่ที่นี่? มีใครบางคนในหอทลายกำปั้นที่แข็งแกร่งกว่าจรังจรือฮุย หรอ?
เย่โม่ก้มหน้าลงด้วยความโรกธ เขาเตะภาพวาดและทุบโต๊ะทิ้งในทันที
ต่อจากนั้น เย่โม่ก็พบจุดที่ดีและฝังศีรษะก่อนที่จะทำการจารึก ซึ่งกล่าวไว้ว่า “พี่จรัง พี่ได้ตายเพื่อประโยชน์ของผม ดังนั้นผมจะล้างแค้นพี่”
ทันใดนั้น เย่โม่ก็เริ่มตระหนัก จรังจรือฮุยทำลายล้างหอทลายกำปั้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าเขายังถูกฆ่าตายหลังจากนั้นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจะไม่ตกเป็นเป้าหมายของตระกูลจรังเช่นเดียวกับเมืองอสรพิษหรอ? ถ้าคนที่ฆ่าจรังจรือฮุยไม่ได้มาจากหอทลายกำปั้น แล้วทำไมถึงเอาหัวของจรังจรือฮุยไปที่นั่น?
โดยสรุปแล้ว เย่โม่ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่เขาไม่ได้ตระหนึกถึงมัน แต่ก็คิดไม่ออกว่ามันคืออะไร