Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 460
บทที่ 460 : ยาที่มีพรสวรรค์
เย่โม่ตั้งใจจะเจรจากับฮานจั่ยชินก่อน เพื่อขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาเรื่องดินแดนของเย่โม่ หากเขาสามารถหาพิมพ์เขียวสำหรับเขาได้ ยังไงซะตอนนี้เย่โมเปลี่ยนใจ เพราะถ้าพิมพ์เขียวมันดีจริงๆ แล้วทำไมเขาต้องแลกกับฮานจั่ยชินด้วยละ? เขาสามารถเก็บไว้กับตัวเองได้นิ
เมื่อออกจากบ้านของฮานจั่ยชิน เย่โม่ก็ตรงไปที่เมืองหนิงไห่เนื่องจากเขาต้องการพาน้องสาวของเขา ทังเป่ยเวยไปที่เมืองอสรพิษ
“พี่คะ!” ทังเป่ยเวยเพิ่งกลับมาถึงบ้าน เมื่อเธอเห็นเย่โม่ยืนอยู่ในสวน เธอก็มีความสุขมากที่ได้เห็นพี่ชายของเธอ
เย่โม่เห็นว่าทังเป่ยเวย มาถึงขั้นกลางระดับ 2 แล้ว เขาก็มีความสุขเช่นกัน เขาเห็นถุงพลาสติกอยู่ในมือแล้วถามว่า “เธอออกไปซื้อของหรอ?”
ทังเป่ยเวยเขินและพยักหน้า จากนั้นเธอเปลี่ยนเรื่อง “นี้พี่คะ เข้าไปข้างในแล้วดูรอบๆ สิ ฉันเปลี่ยนกระถางดอกไม้ด้วยนิดหน่อยละ”
เย่โม่ตามเธอมาที่กระถางดอกไม้ ปัจจุบันใหญ่ขึ้นและหญ้าหัวใจสีเงินก็เติบโตได้ดี เธอต้องใช้เวลากับมันมากทีเดียว
“เป่ยเวย เธอย้ายหัวใจเถาวัลย์สีม่วงด้วยหรอ?” เย่โม่ยังเห็นเถาวัลย์หัวใจสีม่วงอยู่ข้างๆ
ทังเป่ยเวยยิ้มแล้วพูดว่า “อื้ม พี่คิดว่าไงละ? ฉันกำลังจะย้ายดอกหญ้าสีครามด้วยนะ แต่พี่บอกว่ามันจำเป็นต้องมีค่ายกล ดังนั้นฉันจึงไม่ได้แตะต้องมันเลย”
เย่โม่อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเธอและพูดพึมพำ “มันเติบโตได้อย่างสวยงามจริงๆ”
“นี้พี่ชาย พี่กำลังพูดว่าฉันเติบโตสวยงามหรือหญ้าเนี้ย?” ทังเป่ยเวยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เย่โม่รู้จักเธอมาระยะหนึ่ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีด้านนี้ด้วย เขาเกาจมูกแล้วพูดว่า “ทั้งคู่แหละ”
เย่โม่หยุดพักครู่หนึ่งและพูดต่อ “เธออาจรู้แล้วว่าบริษัทลั่วเยวียเป็นของฉันใช่ไหม? ฉันมาที่นี่เพื่อพาเธอไปที่เมืองอสรพิษ ฉันกังวลเกี่ยวกับการที่เธออยู่ที่นี่ด้วยตัวเองนะ”
เย่โม่มีความสุขที่ทังเป่ยเวยเปล่งประกายขึ้น เธอรู้สึกหดหู่ใจตั้งแต่ที่ทังจิ่งตาย การเปล่งประกายที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่มีอะไรนอกจากเรื่องดีสำหรับการฝึกตนของเธอ แม้ว่าทังเป่ยเวยจะเคยพูดถึงว่าเธอชอบความเงียบสงบ แต่ผู้หญิงที่เพิ่งอายุ 20 ปีกว่าๆ อาศัยอยู่กับแม่ชีแก่ๆ ทุกวันทำให้เย่โม่กังวลเล็กน้อย เพราะนั่นเป็นเรื่องที่น่าหดหู่เกินไป
ลั่วหยิงนั้นดีกว่าเพราะเธอฝึกตนด้วยวิธีการเงียบสงบ แต่ทังเป่ยเวยเป็นเพียงฝึกสิ่งที่เย่โม่สอนเธอเท่านั้น
ทันทีที่เย่โม่พูดจบ ทังเป่ยเวยก็อุทานด้วยความดีใจ “พี่ชาย บริษัทลั่วเยวียเป็นของพี่จริงๆหรอ? ฉันรู้ว่าพี่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนั้น แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นจริงเลยอะ งั้นพี่ชายของฉันก็รวยสุดยอดเลยสิตอนนี้!”
“ยัยนักล่าสมบัติเอ้ย ไปที่เมืองอสรพิษกัน แล้วฉันจะให้เธอนับเงินทุกวันเลย” เย่โม่ลูบผมของทังเป่ยเวย
สิ่งที่เย่โม่ไม่ได้คาดหวังก็คือ ทังเป่ยเวยจะเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พี่ชาย พี่รู้ไหมว่าฉันชอบชีวิตที่สงบสุข นิกายซิเรนมันดีนะ และแม่ของฉันก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่บางครั้งฉันก็คิดถึงพี่ ดังนั้นฉันเลยออกมา สถานที่นี้ดีมากและพี่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน ฉันชอบมันมากนะ”
“ยัยเด็กโง่ อย่าเป็นเหมือนพวกแม่ชีน่าเบื่อสิ เธอจะแต่งงานกับใครสักคนในอนาคตนะ นอกจากนี้มันเหงาเกินไปที่เธอจะอยู่ที่นี่” เมื่อเย่โม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของทังเป่ยเวย เขาก็มีความสุขมาก
ทังเป่ยเวยมุ่ยริมฝีปากและบ่นว่า “ฉันไม่แต่งงานกับใครนะ นอกจากนี้ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดด้วย จิงเหวินย้ายมาอยู่กับฉัน พี่ยวินปิงและถิงถิงเองก็มาที่นี่บ่อยๆ”
“ซูจิงเหวิน?” เย่โม่พูดในทันทีว่า “ไม่ใช่ว่าเธอก็มีบ้านในหนิงไห่หรอ? ทำไมเธอย้ายมาที่นี่ตอนนี้ละ? เธออยู่ที่ไหน?”
“จิงเหวินชอบที่นี้มาก และเนื่องจากฉันอยู่คนเดียวที่นี่ เธอเลยย้ายมา มีนักข่าวคนหนึ่งมาสัมภาษณ์เธอวันนี้ เธอก็เลย -” ก่อนที่ทังเป่ยเวยจะพูดจบประโยค ซูจิงเหวินก็เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋า .
“อ๊ะ? เย่โม่ นายกลับมาแล้วเหรอ?” ซูจิงเหวินยืนงงงวย เมื่อเธอเห็นเย่โม่พูดกับทังเป่ยเวย
เย่โม่ยิ้มและพูดว่า “จิงเหวินไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ใช่ นานมาก” ซูจิงเหวินต้องการที่จะได้เจอเย่โม่อยู่เสมอ และตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้เจอเขา แต่เธอรู้ว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดเลย
ทังเป่ยเวยเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด ดังนั้นเธอจึงรีบหยิบเก้าอี้ 2-3 ตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
“พี่จิงเหวินคะ นักข่าวสัมภาษณ์พี่เรื่องอะไรหรอ?” ทังเป่ยเวยทำลายความอึดอัดใจ
ซูจิงเหวินจ้องที่เย่โม่แล้วพูดว่า “นักข่าวคือเพื่อนของฉันเองนะ ชื่อเซี่ยวเหลย เย่โม่ก็รู้จักเธอนะ เธออยากสัมภาษณ์พ่อของฉัน แต่เขาไม่ได้อยู่แถวนี้นะ เธอเลยสัมภาษณ์ฉันแทน มันเกี่ยวกับลุงของฉัน ซู เหิง เขาเคยเป็นนายกเทศมนตรีที่เมืองซีตง แต่ถูกจัดการและถูกกล่าวเขาฆ่าตัวตาย ความจริงมันชัดเจนแล้ว และเซี่ยวเหลยต้องการทำรายงานพิเศษกับเขานะ”
เย่โม่ไม่ได้คาดหวังความสัมพันธ์นี้ จากสายตาที่ซูจิงเหวินมองดูเขา เย่โม่รู้ว่าเซี่ยวเหลยต้องบอกทุกอย่างที่เขาทำ
หลังจากนั้นไม่นาน ซูจิงเหวินก็ถอนหายใจและทำตัวสบายๆ
“เย่โม่ บริษัทลั่วเยวียในเมืองอสรพิษเป็นของนายหรอ?” ซูจิงเหวินถาม เธอรู้ทันทีว่าหากบริษัทลั่วเยวียไม่ใช่ของเย่โม่ บริษัทเฟยยวีจะถูกเลือกได้ยังไง? เห็นได้ชัดว่ามันใช่
“พี่เย่ พี่นี้น่าทึ่งจริงๆ! ฉันเห็นข่าวด้วยนะว่า บริษัทเยวียนเป่ยที่จริงเป็นพวกเลวทราม คนหน้าซื่อใจคดจริงๆ! ไงก็เถอะ พี่มียารักษารูปลักษณ์พวกนั้นอีกไหมอะ? ให้พี่จิงเหวินสักเม็ดสิ ยาความงามที่เธอซื้อมามันแพงมากเลยอะ!” ทังเป่ยเวยเพิ่งรู้หลังจากพูดออกไป คำพูดของเธอมันไม่เหมาะ หากยาความงามราคาแพงขนาดนั้น ยารักษารูปลักษณ์จะไม่แพงไปกว่านี้หรอ? เธอเคยมีมันและรู้ว่ามันดีแค่ไหน
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือยารักษารูปลักษณ์อยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากเธอเข้าใจถูกต้อง เธอคงไม่พูดคำนั้น
เย่โม่รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขามีค่อนข้างน้อย แต่เขากำลังรอเพิ่มพวกมันอยู่ ครั้งที่แล้วเขาบอกให้โม่คังขายเพียงไม่กี่เม็ด หลังจากผ่านไปไม่กี่ปีและทุกคนรู้ว่ามันมีคุณค่า มันจะไม่ขายเพียงได้ไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น
ตอนนี้น้องสาวของเขาถามมาแบบนี้ เขาก็อยู่ในจุดที่ลำบาก ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขา มันไม่ได้อยู่เหนือการให้สิ่งที่มีราคาแพงเช่นนี้
ซูจิงเหวินเห็นใบหน้าที่อึดอัดใจของเย่โม่และรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอรู้ว่ามันไม่ถูก แต่ไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหน ด้วยมูลค่าปัจจุบันของเย่โม่ เขาก็ไม่รังเกียจ สิ่งที่เธอใส่ใจไม่ใช่ยา แต่เป็นทัศนคติของเย่โม่
สัมผัสจิตวิญญาณของเย่โม่รู้ถึงการแสดงออกของซูจิงเหวินในทันที จำได้ว่าเธอช่วยเขามาก่อนและพวกเขาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร เขารีบนำมันออกมาอย่างรวดเร็วและมอบให้กับซูจิงเหวิน “สิ่งนี้คล้ายกับยาความงามที่เธอมีนั้นแหละ เอาไปสักเม็ดสิ ฮ่าๆ ถ้าเป่ยเวยไม่ได้พูดถึงมัน ฉันก็นึกไม่ออกเลยนะเนี้ย”
ซูจิงเหวินรับยามาและรู้สึกมีความสุขมาก เธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับยา แต่ความจริงที่ว่าเย่โม่ยินดีที่จะให้ยาแก่เธอ หมายความว่าเขาให้การดูแลเป็นพิเศษกับเธอ
มีกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ออกมาจากยา ซูจิงเหวินรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ยาความงามสามารถเปรียบเทียบได้ บางทีมันอาจจะมีมูลค่านับแสน เธอรู้ว่าแม้ว่าเธอจะขายบริษัทของเธอ เธอก็อาจจะไม่สามารถซื้อได้ เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย
เย่โม่พูดอย่างรวดเร็วว่า “เร็วเข้า กินมันสิ ถ้าเธอไม่กิน มันจะสูญเสียพลังงานนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เธอก็เอายาใส่ในปากของเธอทันที สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือมันละลายในปากของเธอทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในร่างกายของเธอและดูเหมือนจะมีสิ่งต่างๆ ไหลออกมาจากผิวหนังของเธอ เมื่อเธอรู้สึกไม่มั่นใจ ทังเป่ยเวยจึงพูดว่า “หลังจากที่เธอกินยา มันจะมีสิ่งสกปรกออกจากร่างกายนะ ไปอาบน้ำเถอะ”
หลังจากซูจิงเหวินออกไป ทังเป่ยเวยก็พูดด้วยเสียงเล็กๆ ว่า “พี่ชาย ฉันผื่นพี่เกินไปรึเปล่า? ยาเม็ดนั้นต้องแพงมากแน่เลย”