Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 461
บทที่ 461 : การต่อสู้ในโรงแรม
พวกมันไม่เพียงแต่มีราคาแพง แต่มันเป็นราคาที่ไร้เหตุผล แต่เพื่อที่จะไม่ทำให้เธอลำบากใจ เย่โม่ตบหน้าเธอแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ฉันมีอีกเยอะน่า แต่อย่าทำแบบนั้นอีกนะ”
“อื้ม” ทังเป่ยเวยเหลือบมองเย่โม่ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริง
เย่โม่และทังเป่ยเวยคุยกันเป็นเวลานาน ก่อนที่ซูจิงเหวินจะเข้ามา เธอไม่อยากเชื่อถึงผลกระทบของยาเลย เธอเคยกินยาความงามมาก่อน แต่เมื่อเทียบกับยารักษารูปลักษณ์แล้ว มันเทียบอะไรไม่ได้เลย
ยาทำให้ผิวของเธอเนียนเหมือนหยก และความไม่สมบูรณ์เล็กน้อยบนใบหน้าของเธอก็หายไป ยาเม็ดนั้นราคาไม่ใช่ถูกๆแน่ มันอธิบายได้ว่าทำไมผิวของเป่ยเวยถึงสวยแบบนั้น
“พี่จิงเหวิน พี่สวยมากเลยอะ แต่ตอนนี้พี่เป็นเหมือนเทพธิดาเลยอะ” ทังเป่ยเวยพูดเกินจริงแล้วเดินไปหาเธอ
ซูจิงเหวินมองเย่โม่ แต่เธอไม่ได้ขอบคุณเขา เธอรู้ว่ายาเม็ดนี้จะต้องมีราคาแพงอย่างไร้เหตุผล มันยังไม่ได้วางขายในตลาด ซึ่งหมายความว่าจะไม่สามารถผลิตได้จำนวนมาก
“เย่โม่ วันนี้นายยุ่งไหม? แม่ของฉันอยากเจอนายสักครั้งนะ แม่ยังไม่เคยได้เจอนายเลย” ซูจิงเหวินมองอย่างคาดหวังที่เย่โม่
เย่โม่ลังเลและพูดว่า “ฉันจะอยู่ที่นี่สัก 2 วันนะ ฉันไปบ้านของเธออยู่นะ นอกจากนี้อีก 2 สัปดาห์ถัดไปฉันจะยุ่งมาก แต่หลังจากนั้นฉันก็จะว่างเดือนนึง”
“โอเค งั้นต้นเดือนหน้าฉันจะรอนายที่บ้านของฉันนะ” ซูจิงเหวินพูดอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้กับอีกวันหนึ่งฉันก็ว่าง ทำไมต้องเดือนหน้าละ?” เย่โม่ถามอย่างสงสัย
ทังเป่ยเวยดึงมือของเย่โม่แล้วพูดว่า “ถ้าเธอบอกแบบนั้น มันก็ต้องหมายความว่าแม่ของเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านนะสิ พี่ชาย พี่เป็นเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยในตอนนี้ เราควรไปที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคืนนี้กันนะ พี่หยิวปิงเขาไปปักกิ่งอะ ไม่งั้นเธอก็สามารถมาร่วมกับเราได้แล้วละ”
เย่โม่ไม่ถือสาเธอ และพูดว่า “โอเค งั้นไปกันเถอะ”
…..
เย่โม่ใช้เวลา 2 วันถัดไปกับทังเป่ยเวย และเขาก็ไม่ได้พาเธอกลับไปเมืองอสรพิษอีกเลย หากเธอต้องการอยู่ที่นั่น เย่โม่ก็จะปล่อยเธอ ใน 2 วันนี้ เย่โมไม่เพียงแต่สอนบอลไฟเท่านั้น แต่ยังการควบคุมลมอีกด้วย
ในช่วงเวลานี้ เย่โม่ ทังเป่ยเวยและซูจิงเหวิน เที่ยวเล่นกันไปทั่วทั้งเมืองหนิงไห่ 2 วันนี้มันเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของทังเป่ยเวย เย่โม่ไม่ค่อยมีเวลามากนักที่จะมาเล่นกับเธอได้
หลังจากผ่านไป 2 วันถึงแม้จิงเหวินและทังเป่ยเวยจะเต็มใจ แต่เย่โม่ก็ออกจากเมืองหนิงไห่
“เป่ยเวย เธอนี่โชคดีจริงๆ พี่ชายของเธอเป็นคนที่มีความสามารถมาก เขาเป็นคนซื่อสัตย์และไม่หลงตัวเอง เขาคือลูกผู้ชายตัวจริงเลย” ซูจิงเหวินมองดูเย่โม่ในด้านหลัง และพูดจากใจ หลังจากนั้นเธอก็รู้ว่าคำพูดของเธอน่าอึดอัดใจเล็กน้อย เธอหน้าแดงและต้องการหาวิธีที่จะอธิบาย
แต่ทังเป่ยเวยเองก็มองเข้าไปในระยะไกลและตอบอย่างไม่รู้ตัว “ความจริงที่ว่าเขาคือพี่ชายของฉันทำให้ฉันมีความสุขที่สุด แต่ก็เป็นคนที่ไม่มีความสุขเลย”
ซูจิงเหวินมองไปที่ทังเป่ยเวย และเข้าใจในทันที ทังเป่ยเวยไม่เคยเจอเย่โม่เลยในก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นเย่โม่ยังใส่ใจเธอเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอพึ่งเขามาก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ซูจิงเหวินก็ถอนหายใจ แม้ว่าเย่โม่จะไม่ใช่พี่ชายของเป่ยเวยก็ตาม เธอก็ไม่มีโอกาส
ซูจิงเหวินและทังเป่ยเวยยืนอยู่กลางถนนโดยไม่ขยับ และเหม่อมองไปในระยะไกล
…
โรงแรมซือเยวีย เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวเพียงแห่งเดียวในเมืองกุยเฉิง เนื่องจากอาคารไม่ได้ถูกเรื่องหลอกหลอนอะไรตามรั้งควานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นี่เป็นเรื่องยากมากในเมืองผี โรงแรมอื่นจะมีปีละครั้งหรือ 2 ครั้ง ในกรณีที่ร้ายแรงคนจะเสียชีวิต ในกรณีที่เบา คนๆนั้นจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลครึ่งเดือน
เจ้าของโรงแรมหลายคนเริ่มออกจากเมืองผี แต่ธุรกิจของโรงแรมซือเยวียเติบโตขึ้น คนอื่นไม่รู้ว่าทำไม แต่บอสหรือเจ้าของโรงแรม หวังซือเยวียก็รู้ดีเช่นกัน มันเป็นเพราะอุปกรณ์ป้องกันที่เย่โม่มอบให้เขา
หวังซือเยวียรู้ว่ามีปรมาจารย์ที่ซ่อนอยู่มากมายในโลกนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่เหมือนปกติ
คนชั้นสูงหลายคนกำลังมา ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้ยังไม่ได้รับโอกาสเข้าพักที่โรงแรมซือเยวีย เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคนชั้นสูงเหล่านี้จะมาที่นี่อย่างเคารพนับถือทุกวันเพื่อเยี่ยมชมผู้คนที่อยู่ในนั้น บางครั้งพวกเขาจะรอทั้งวัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใจร้อนเลย
ดังนั้นเขาจึงสั่งให้บริกรทุกคนในโรงแรมอย่าทำให้ใครไม่พอใจ แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่สำคัญก็ตาม มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา
แต่ตอนนี้หวังซือเยวียมีปัญหา เขาไม่ต้องการรุกรานใคร แต่คนในโรงแรมกำลังต่อสู้กันและเขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ มีคนต้องการที่จะอยู่ที่นี้ แต่เนื่องจากไม่มีห้องแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ออกไปและทำให้แขกไม่พอใจ ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กัน
ฮานหยันรู้สึกรำคาญ เธอมาที่โรงแรมที่เย่โม่บอก แล้วก็ถามบริกรสำหรับห้องของเย่โม่ แต่เธอไม่พบคนที่ชื่อว่า ‘เย่โม่’ ในระบบเลย เรื่องนี้ทำให้ฮานหยันรู้สึกอายมาก หลายคนมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“เธอมาจากนิกายกวงฮั่นหรอ?” เมื่อฮานหยันไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ชายในวัย 20 ก็เข้ามาหาเธอและถามอย่างเมินเฉย
ฮานหยันผ่อนคลายตัวเองลง มันง่ายที่จะเห็นเธอ ในขณะที่เธอสวมเสื้อผ้าของนิกาย
“ค่ะ” ฮานหยันตอบกลับด้วยความเคารพ
ชายคนนั้นพูดอย่างจริงจังว่า “สาวน้อย เธอคิดคนจากนิกายกวงฮั่นสามารถเข้าพักที่โรงแรมซือเยวียได้หรอ? เธอกำลังฝันอยู่รึไง เฮ้อออ…. มันไม่สำคัญว่านิกายของเธอจะมาหรือไม่ ทำไมต้องเผชิญกับใบหน้าของเธอด้วยเนี้ย?”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของชายคนนี้ ทุกคนก็หัวเราะ
ฮานหยันหน้าแดง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรกลับ บุคคลนั้นมาจากตระกูลเซีย แม้ว่าเธอจะไม่ได้ออกมาข้างนอกบ่อย แต่เธอก็จำเขาได้จากเสื้อผ้าของเขา แม้ว่าตระกูลเซียจะไม่ใช่ 1 ใน 6 นิกายที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเธอก็อยู่ข้างใต้พวกเขา
นิกายกวงฮั่นนั้นไม่มีใครจริงๆเลย ฮานหยันรู้ว่าถ้าเธอทำให้พวกเขาโกรธนิกายของเธอ และแม้แต่ตระกูลฮานเองก็อาจมีส่วนร่วม
“พี่เซียพูดถูกต้องนะ เธอสามารถอยู่ในห้องของฉันได้นะ ห้องของฉันใหญ่มากเลยละ ฮิฮิ ถึงแม้ว่าเธอจะดูธรรมดา แต่ฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะ” คนในกลุ่มผู้ฟังยิ้มเยาะ
มีเสียงหัวเราะอีกรอบ ผู้คนในนิกายลี้ลับมักจะฝึกตนและไม่ค่อยออกมา พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกเขาถูกสอนว่าพลังคือทุกสิ่ง ไม่มีใครสนใจความอ่อนแออย่างนิกายกวงฮั่น
“นอนห้องแกเชี่ยไรละ ทำไมแกไม่กลับไปนอนกับแม่ของแกล่ะห่ะ?” ในที่สุดฮานหยันก็ระเบิดออกมา เธอได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพมาโดยตลอด นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอยอมรับที่จะขายหน้าเช่นนี้?
“นังบ้านี้ แกต้องไม่อยากอยู่แล้วสินะ” ใบหน้าของชายผู้นั้นเย็นชา และพุ่งมาที่ด้านหน้าของฮานหยันเพื่อตบเธอ