Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 465
บทที่ 465 : นามสกุลเย่
ฮานหยันเห็นสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกายของเธอ และพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉันจะไปอาบน้ำนะ”
เย่โม่ไม่ต้องรอนานกว่าฮานหยันจะออกมา เธอเดินไปหาเย่โม่ และพูดด้วยความขอบคุณ “พี่เย่ ฉันขอบคุณจริงๆ สำหรับสิ่งนี้ ฉันรู้ว่ายาเม็ดนี้จะต้องมีค่ามากแน่ๆ ถ้าฉันได้ 30 อันดับแรก เงินรางวัล -“
เย่โม่โบกมือขัดทันที “ยานี่เป็นสิ่งที่ฉันสัญญาว่าจะให้เธอ เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันทำดาบมาให้เธอ ลองดูสิ ใส่ชุดกันข้อมือนี้ด้วย มีดาบ 3 แบบที่ฉันทำตอนว่างๆ ดูสิว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันก่อนการแข่งขันไหม ฉันช่วยเธอได้มากที่สุดก็แค่นี้แหละ คืนนี้ฉันจะออกไปข้างนอกนะ ถ้าเธอต้องการอะไรก็โทรหาฉันแล้วกัน”
เย่โม่เพิ่งมอบมันให้กับฮานหยัน เมื่อการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก สัมผัสจิตวิญญาณของเขาสามารถสแกนได้ทุกที่ในโรงแรมนี้ และในขณะนั้นเขาเห็นว่าหวังซือเยวียกระอักเลือด และถูกตบอยู่ที่ชั้น 3
“เธอฝึกต่อไปนะ ฉันจะออกไปสักพัก” จากนั้นเย่โม่ก็รีบลงบันไดไป
ก่อนที่ฮานหยันจะตอบโต้ เย่โม่ก็หายไปแล้ว เธอมองดาบยาวในมือของเธออย่างระมัดระวัง เธอฟันโต๊ะอย่างเบามือแล้วมันก็กรีดที่มุมโต๊ะราวกับว่ามันเป็นเต้าหู้
ฮานหยันงงงวย ดาบอะไรน่ะ? ดาบนี่มีความสามารถสูงกว่าอาวุธใน Extreme WeaponsVault ซะอีก
…
ในห้องขนาดใหญ่ของชั้น 5 หัวหน้าตระกูลเซีย เซียชรังเทียนนั่งอยู่ที่ที่นั่งด้วยใบหน้าสีเขียว เขาได้ยินรายงานที่พูดเกินจริงของเซียเชิง เขาและผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเพิ่งกลับมาจากการประชุม พวกเขาออกไปข้างนอกอีกครั้งในคืนนั้น แต่บางอย่างก็เพิ่งเกิดขึ้น
เซียชรังเทียนตบโต๊ะน้ำชาเสียงดัง “มันกล้าดียังไง! สมาชิกนิกายกวงฮั่นและแมลงขั้นสีดำกล้ามายุ่งกับตระกูลเซียของเราเชียวเรอะ”
โต๊ะน้ำชาที่ทำจากไม้หนานที่แข็งแรงถูกทุบเป็นชิ้นๆ เพราะถูกแรงกระแทก เซียเชิงคุกเข่าลงที่พื้น แต่สายตาของเขาเย็นชา เขารู้ว่าผู้ชายที่ชือเย่ได้กลายเป็นเนื้อสัตว์ตายไปแล้ว ตอนนี้หัวหน้าตระกูลโกรธจัดอย่างมาห
“เซียเชิง แกทำให้ตระกูลเซียของเราขายหน้า เมื่อเรากลับมาแกจะเผชิญหน้ากับกำแพงเป็นเวลา 1 ปี” เซียชรังเทียนตำหนิ
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสที่นั่งถัดจากเซียชรังเทียนก็แทรกเข้ามา “เซียเชิง แกพูดว่าชายหนุ่มอายุ 20 ปีและมีพลังขั้นตติยสีดำเรอะ?”
เซียเชิงตอบอย่างรวดเร็วว่า “ครับผู้อาวุโสพ๋าง ซือจร่งจือจากวิทยาลัยจิ่วหมิงบอกว่าชายคนนั้นอาจจะอยู่ในขั้นตติยสีดำครับ”
“ขั้นตติยสีดำปรมาจารย์ในอายุ 20? นามสกุลของเขาคือเย่?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซียชรังเทียนก็พึมพำ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาก็จ้องมองผู้อาวุโสคนอื่นๆ การแสดงออกของเขาไม่ดีเลย
“เย่โม่” เซียชรังเทียนและเซียพ๋าง พูดชื่อนี้ในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็แน่ใจว่าชายหนุ่มคนนั้นคือเย่โม่ นอกเหนือจากเย่โม่แล้ว มันจะมีใครที่มีพลังเช่นนี้อีกละ แม้กระทั่งสมาชิกนิกายลี้ลับก็ไม่รู้ สิ่งสำคัญคือ ใครจะไปจะกล้าตบศิษย์นิกายอี้เจี้ยนอย่างทารุณแบบนั้นได้?
ด้านหลังของเซียชรังเทียนและเซียพ๋างสั่นสะท้าน แม้ว่าจะมีข่าวว่าเย่โม่จัดการนิกายเตี๋ยนชางจนพวกเขาจะต้องปิดผนึกนิกายของพวกเขาและไม่ได้ออกมา มีข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นของปลอม แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเย่โม่ได้ทำลายนิกายธารา และพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากปิดผนึกนิกายและซ่อนตัว
2 ใน 6 นิกายลี้ลับถูกบังคับให้ต้องปิดตัวลงโดยเย่โม่ และตอนนี้คนโง่จากตระกูลเซียไปขัดใจกับเขาเข้าแล้ว
ว่ากันว่าเย่โม่รักที่จะทำลายนิกาย ไม่ว่าตระกูลเซียจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็ไม่แข็งแกร่งเท่ากับ 1 ใน 6 ที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้พวกเขารู้บางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ ลูกเขยของพวกเขา 1 ใน 3 ปรมาจารย์ของนิกายจอมยุทธ์ฮง ขั้นปฐพีระดับกลาง จรังเฟิงจื่อ ถูกสังหารโดยเย่โม่
หลังจากที่เย่โม่ฆ่าเขา เขาก็ช่วยให้โม่คังพาเซี่ยโร่วออกมา อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้นิกายจอมยุทธ์ฮงก็ไม่กล้าพูดอะไร พวกเขายังไปช่วยเย่โม่ประกาศและชดเชยให้กับความสูญเสียของเขาด้วย
แต่เหตุผลของการชดเชยนี้ไร้สาระ มันเป็นที่คนเหล่านี้ได้ไปที่เมืองอสรพิษและทำลายทรัพย์สินของเขา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คนส่วนใหญ่ที่ยังคงนำของบางสิ่งไปเพื่อขอโทษ ตระกูลเซียของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
จากนี้สรุปได้ว่าเราจะได้เห็นการปกครองของเย่โม่ในนิกายลี้ลับ อาจกล่าวได้ว่าชื่อของเย่โม่เป็นข้อห้ามสำหรับนิกายลี้ลับ เซียชรังเทียนไม่รู้ทัศนคติของเย่โม่ต่ออีก 4 นิกายว่าคืออะไร แต่ตระกูลเซียของเขาไม่กล้ายุ่งกับเย่โม่แน่
พวกเขาต้องการที่จะให้เย่โม่ประทับใจ แต่มันก็เจ๊งเพราะคนโง่อย่างเซียเชิง หากเย่โม่โกรธขึ้นมา ตระกูลเซียจะเดือดร้อน
“ผู้นำตระกูล บางทีเราน่าจะสามารถติดต่อเซี่ยโร่วเและให้โม่คังขอความเมตตาจากเขาได้นะ” เซียชรังเทียนยินดีเสียสละเซียเชิงถ้าจำเป็น
“ผู้นำตระกูลครับ” เซียเชิงยังคงพูดออกมาในเวลาที่ผิดเช่นเคย
“ไสหัวไป ตระกูลเซียของเราจะถูกทำลายไม่ช้าก็เร็วก็เพราะขยะอย่างแกนี้แหละ” เซียพ๋างเตะเขาออกไป
เซียเชิงลอยขึ้นไปในอากาศขณะที่พ่นเลือด แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรเลย เขาเคยได้ยินถึงพลังของเย่โม่ แต่ไม่ได้ตระหนักว่าบุคคลที่เขาทำให้ไม่พอใจคือเย่โม่ ชีวิตเขาจบสิ้นแล้ว หัวใจของเซียเชิงจมลง เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่โชคร้ายเกินไป คนที่ไปยุ่งกลายเป็นเย่โม่
“รีบไปดูสิว่าเย่โม่ยังอยู่ในโรงแรมไหม ถ้าอยู่ช่วยรายงานให้ฉันรู้ทันทีเลยนะ” เซียชรังเทียนกล่าวอย่างเด็ดขาด เขาจำเป็นต้องได้รับการให้อภัยจากเย่โม่โดยเร็วที่สุด
“ผู้นำตระกูลครับ ผประมุขนิกายอี้เจี้ยน และผู้อาวุโสอยู่ที่นี่มาพบครับ” มีคนรายงาน
เซียชรังเทียนและเซียพ๋างรู้ทันทีว่าทำไมพวกเขาถึงมา พวกเขาต้องการให้ตระกูลเซียเข้าร่วมกับพวกเขาในการต่อสู้กับเย่โม่
เซียพ๋งเยาะเย้ย นิกายอี้เจี้ยนไม่ต้องการให้พวกเขาจัดการกับอีแค่จอมยุทธ์ขั้นสีดำเพียงอย่างเดียวหรอก พวกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และถ้าเขามีภูมิหลังที่ดีแล้วพวกเขาก็สามารถลากตระกูลเซียลงมากับพวกเขาได้
“กรุณาเข้ามา” นิกายอี้เจี้ยนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเซีย เซียชรังเทียนเองก็ไม่ต้องการอยู่ฝ่ายที่ไม่ดีเช่นกัน
“น้องเซีย วันนี้ดูเครียดๆนะ” ชายร่างผอมเข้ามาก่อน เขาคำนับและยิ้มให้
เซียชรังเทียนเองก็แสดงความเคารพกลับไปเช่นกัน “ประมุขยวี ก็เช่นกัน”
ในไม่ช้าคนไม่กี่คนเหล่านี้ก็นั่งลง และคนของเซียชรังเทียนก็รีบกลับเข้ามาและพูดว่า “เย่โมเพิ่งไปที่ชั้น 3 ครับ เขาเข้าไปในห้องทำงานของบอสครับ”
เซียชรังเทียนลุกขึ้นทันทีที่ชายคนนี้พูดอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็รีบพูดว่า “ประมุขยวี ฉันมีธุระกิจสำคัญมากที่จะต้องจัดการ ไว้พวกเราคุยกันทีหลังนะครับ”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ประมุขนิกายและผู้อาวุโสก็คิดว่ามันแปลกและหยาบคายเกินไป เป็นแค่ตระกูลเซียกลับกล้าที่จะทำแบบนั้น เขามาเยี่ยมพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขากลับรีบออกไป แม้ว่าเขาจะได้เจอประมุขนิกายของนิกายใหญ่ทั้งหก เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
“ประมุข เขาพูดว่า ‘เย่โม่’ หรือเปล่า?” ผู้อาวุโสได้ยินสิ่งนี้และถามทันที
คนที่มอบความพ่ายแพ้ให้เฟิงหนานก็เป็นจอมยุทธ์ที่มีนามสกุลว่าเย่ พวกเขาเชื่อมโยงจุดต่างๆ ในทันทีและตระหนักว่าผู้ที่จัดการเฟิงหนานคือเย่โม่
…
เมื่อเย่โม่ไปถึงชั้น 3 หวังซือเยวียก็อยู่ที่มุมหนึ่งของห้องแล้ว บุคคลที่ตบเขาเป็นชายอายุ 30 ปี ขั้นตติยสีเหลือง
เย่โม่เห็นหวู่อิงเยวียนถัดจากชายคนนั้น เขารู้ว่าบุคคลนี้เป็นปรมาจารย์ที่เขาเคยได้ยิน แต่นายกเทศมนตรีหวู่ดูนับถือมาก เขาดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นว่าหวังซือเยวียถูกตบเลย
“คุณมันเจ้าเล่ห์มากนะบอสหวัง คุณกล้าให้ห้องพักกับไอ้ขยะนั่น ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วงั้นสินะ” ชายหนุ่มคนนี้สบถออกมา เขาคิดว่าหวังซือเยวียควรให้ห้องกับเขาในการเตือนไปครั้งแรก แต่หวังซือเยวียก็ไม่ได้ให้เขา และเขาสบประมาทเขา
“นายน้อยเป่ย ไอ้คนที่อยู่ห้องข้างบนคือเขานั้นไงครับ” หวู่อิงเยวียนเป็นคนแรกที่เห็นเย่โม่ที่ประตู
ชายหนุ่มจ้องเย่โม่อย่างเย็นชาและสาบานว่า “ไอ้โง่เอ้ย แกอยากจะตา-“
นายน้อยเป่ยพูดเพียงครึ่งประโยคแล้วหยุด สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ซะ – ประมุขเซีย” เขาพูดพึมพำและคำนับกับชายชราที่เพิ่งเดินเข้ามา