Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 471
บทที่ 471 : หน้าด้านสุดๆ
เมื่อชีซรือเฮิงใส่เม็ดยาเข้าไปในปากของเขา เขารู้สึกว่ามันละลาย ลมปราณที่เผ็ดร้อนพุ่งพล่านขึ้นจากจุดตันเทียนของเขา แต่มันก็ไม่รู้สึกอึดอัด เขาพูดความจริงเกี่ยวกับยาเม็ดนี่หรอ? การแสดงออกของชีซรือเฮิงปลี่ยนไป เขานั่งลงเพื่อกลั่นยาโดยไม่ลังเล
ทันทีหลังจากนั้น เขารู้สึกว่าของเหลวเปลี่ยนเป็นลมปราณภายในเติมเส้นชีพจรของเขา
เฟิงอู๋จ้องที่ชีซรือเฮิง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขเมื่อเขานั่งลงเพื่อกลั่นยา เขาก็รู้ว่าเย่โม่อาจพูดความจริงเกี่ยวกับยาเม็ดนี้
เย่โม่เป็นชายหนุ่มในวัย 20 ปี แต่เขายังพกยานี่เลิศเล่อมากเช่นนี้ไปกับเขา นี่เองที่ทำให้เฟิงอู๋จ้องเขาจริงจัง
มีการกล่าวกันว่าผู้ที่สามารถปรุงยาได้อยู่ในขั้นนภาสวรรค์ ขั้นพลังของเย่โม่นั้นเป็นนภาสวรรค์หรอ? หรือเขาเกี่ยวข้องกับนภาสวรรค์? ไม่เคยมีขั้นนภาสวรรค์ในนิกายลี้ลับภายนอกใดๆ เมื่อเร็วๆ นี้และแม้ว่าจะมี ก็อาจเป็นแค่อูเต๋าหรือประมุขนิกายของถ้ำน้ำเต้า เย่โม่เป็นเด็ก เขาจะเป็นขั้นนภาสวรรค์ได้ยังไง? หากเขาไม่ได้รับยาโดยบังเอิญ นั่นหมายความว่ามีปรมาจารย์นภาสวรรค์อยู่เบื้องหลังเขา
หากเม็ดยานั้นสามารถพัฒนาพลังขั้นปฐพีได้ แม้ว่าเขาจะพบว่าโชคดีแท้ๆ มันก็ยังมีค่า เขาแลกเปลี่ยนกับหินจิตวิญญาณได้อย่างไร เขาอาจทำเช่นนั้นเพื่อสร้างความรำคาญให้เซียงหมิงหวังละมั้ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ความคิดของเฟิงอู๋ก็เปลี่ยนไป
ทั๋นเจียวเพิ่งจะไปถึงขั้นนภาสวรรค์และเขาก็พ่ายแพ้ต่อเย่โม่ เพื่อไม่ต้องบอกใครทุกคนก็รู้ เขาเลือกที่จะเข้าการฝึกตนสันโดษเพื่อบังคับขั้นพลังของเขา ดังนั้นแทบไม่มีใครรู้ว่าทั๋นเจียวมาถึงขั้นนภาสวรรค์ เฟิงอู๋ส่งเสียงไอ เขาลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ในเมื่อประมุขนิกายชีกลั่นยา เราก็จะดำเนินการประชุมต่อไป”
บรรยากาศของการประชุมสงบลงและผู้คนเริ่มซื้อขายกัน
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เซียงหมิงหวังก็ขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเลยและนั่งลงด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
เย่โม่สแกนเซียงหมิงหวัง ทุกคนคิดว่าเขาแลกเปลี่ยนหินใต้หุบเหวเพื่อท้าทายเซียงหมิงหวัง แต่เขารู้ว่าเขาไม่ เขาไม่กลัวเซียงหมิงหวังเลย หากเขาต้องการต่อสู้ เย่โม่ก็จะมอบการต่อสู้ให้กับเขา
ธุรกิจการค้าที่ตามมานั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนที่นั่น แต่พวกเขาก็มีค่มาตรฐานมากเกินไปสำหรับเย่โม่
สถาบันจิงหมิงมีความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่และได้นำวิธีการฝึกตนการต่อสู้โบราณขั้นสูงขั้นปฐพีออกมา เฟิงฮู๋มองเย่โม่ ในขณะที่เขาหยิบมันออกมา แต่มันไร้ประโยชน์กับเย่โม่
ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วและการประชุมใกล้จะสิ้นสุด แต่จากนั้นชีซรือเฮิงก็ตะโกนและลุกขึ้นยืน เขาเหยียดแขนออกมาแล้วกรีดร้องว่า “ยาเม็ดนี่ยอดเยี่ยม! ฉันมาถึงขั้นปฐพีระดับกลางได้อย่างง่ายดายเลย!”
ดูเหมือนชีซรือเฮิงจะรู้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ไหนและเคารพอย่างระมัดระวังที่เซียงหมิงหวัง และเฟิงอู๋ ด้วยกำปั้นของเขา และพูดว่า “เชียนเปย วั่นเปยเพิ่งทะลวงขั้นพลังได้ ต้องขออภัยต่อความไม่สุภาพของผมด้วยนะครับ”
“นายมาถึงขั้นปฐพีระดับกลางแล้วหรอ?” เฟิงอู๋มองที่ชีซรือเฮิง เขาไม่มีสัมผัสจิตวิญญาณที่จะถอดรหัสลมปราณภายในของจอมยุทธ์ ดังนั้นเขาจึงสามารถถามได้เท่านั้น
“ใช่ครับเชียนเปยเฟิง วั่นเปยมาถึงขั้นปฐพีระดับกลางแล้วอย่างแน่นอนครับ”
ความสุขบนใบหน้าของชีซรือเฮิงยังคงอยู่
หวังเลิ๋นชรัน พูดอย่างใจเย็น “งั้นยาเม็ดนั่นก็ของจริงเหรอ?”
น้ำเสียงของชีซรือเฮิงเริ่มระวังมากขึ้น ยาเม็ดนี้เป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ระหว่างเย่โม่และเซียงหมิงหวัง แต่ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเขามาถึงขั้นปฐพีระดับกลางแล้ว และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึง เขาก็ไม่กล้าโกหก
“ใช่ครับ ยาของน้องเย่ทำงานตามที่เขาพูด” จากนั้น ชีซรือเฮิงก็กล่าวทักทายเย่โม่ด้วยกำปั้นของเขา “ขอบคุณมากนะน้องเย่ ฉันขอบคุณจริงๆ”
การแสดงออกของเซียงหมิงหวังเปลี่ยนไป เขารู้ว่าเขาสูญเสียอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าเขาไม่ออกมาแล้วพูดอะไรเลย อำนาจของเขาก็จะเสียหาย
“อืมมม แกนี่มันมีของเหลือของจอมยุทธ์ที่กแกไปทำลายมาสินะ มันเป็นความมั่งคั่งที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้พวกเรา เย่โม่ ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะมีส่วนร่วมในทักษะการต่อสู้โบราณของจีนที่ลดถอยลงนี่ แม้ว่าแกจะไม่สามารถแจกทุกสิ่งทุกอย่างได้ฟรีๆ แกก็ควรนำออกมาค้าขายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะต่อสู้โบราณของจีน” เซียงหมิงหวังหัวเราะเยาะ เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนตัดสินเขาได้เพราะยาเพิ่มลมปราณ
เย่โม่โกรธมาก ใครๆก็สามารถบอกได้จากดวงตาของเขา เขาเคยเห็นคนหน้าด้านไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านเหมือนอย่างเซียงหมิงหวัง เขากล้าพูดคำพวกนี้ออกมา มีนิกายจำนวนมากอยู่ที่นี่ แต่เย่โม่จะต้องมีส่วนร่วมกับสิ่งต่างๆ ของเขา
เย่โม่รู้ว่าเซียงหมิงหวังต้องการทำอะไร ในอีกด้านหนึ่งเขาต้องการที่จะรักษาหน้าของตัวเองและในทางกลับกัน เขาพยายามที่จะหันเหความสนใจของทุกคนในเรื่องเย่โม่และทำให้เขาเป็นเป้าหมาย
เขาบอกว่าเย่โม่ได้รับยามาจากการทำลายเหล่าจอมยุทธ์ และซากปรักหักพังเหล่านี้เป็นความมั่งคั่งร่วมของจอมยุทธ์ทุกคน ดังนั้นเจ้าโมจึงควรแบ่งปันกับทุกคน
“ใช่แล้วความมั่งคั่งนั้นควรจะเป็นของทุกคนที่ฝึกตน”
“ฉันสนับสนุนคำพูดของเชียนเปยเซียง มันเป็นของทุกคน”
ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมเย่โม่จึงได้กินยาที่วิเศษแบบนี้ และมีสิ่งประดิษฐ์เวทมนต์
ผู้คนมีความกังวลเกี่ยวกับการกระทำในก่อนหน้านี้ของเย่โม่ แต่ตอนนี้เซียงหมิงหวังเป็นผู้นำและพวกเขาก็สามารถได้รับประโยชน์จากมันได้ ทุกคนจึงสนับสนุนเซียงหมิงหวัง
เย่โม่แสยะยิ้ม เขานั่งโดยไม่ขยับและมองไปรอบๆ ซึ่งทำให้ทุกคนที่เย่โม่มองมึนงง
“เซียงหมิงหวัง พูดตามตรงนะ ฉันเย่โม่ ได้เห็นคนหน้าด้านไร้ยางอายมาก็หลายคน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นตาแก่ที่ไร้ยางอายเหมือนแกเลย ถ้าแกต้องการสิ่งที่ฉันมี มันก็ง่าย มาเอาพวกมันไปสิ ถ้าแกมีความกล้ามากพออะนะ” เย่โม่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงท้าทาย
“เย่โม่ ฉันหวังเลิ๋นชรัน จากตระกูลหวัง แม้ว่าคำพูดของประมุขเซียงจะตรงไปตรงมา แต่ฉันเห็นด้วยกับนาย นายโชคดีที่พบซากปรักหักพังโบราณ แต่มันก็ยังเป็นของจอมยุทธ์โบราณทุกคน เราจะไม่ขอให้นายแจกมันฟรีๆ นายสามารถเลือกที่จะแลกเปลี่ยนหรือขออะไรก็ได้” หวังเลิ๋นชรันผู้ซึ่งไม่ได้พูดอะไรมาก่อนยืนขึ้น
เจิงเจิงเซียมองสถานการณ์แล้วถอนหายใจ เขาไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ว่าไร้ประโยชน์
แม้ว่าเย่โม่จะไม่เข่นฆ่าทุกคน แต่ก็หมายความว่าเขาจะกลายเป็นศัตรูกับนิกายลี้ลับทั้งหมด หากเขาทำ แม้ว่าเขาจะไม่กลัวสิ่งนั้น แต่ตอนนี้เขามีเพื่อนและครอบครัว หากไม่ใช่เพราะเซียงหมิงหวังผู้ขี้อิจฉาสิ่งของ เขาจะสามารถโจมตีได้ในที่มืด แต่ด้วยเซียงหมิงหวังในฐานะประมุข พวกเขาทั้งหมดจะโจมตีอย่างเปิดเผย
หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เย่โม่ก็สงบลงและพูดว่า “เซียงหมิงหวัง เนื่องจากแกเป็นหนึ่งในคนที่จัดการประชุมนี้ แกก็ต้องใช้ชีวิตอยู่มานานและรู้เยอะ ก่อนที่ฉันจะหยิบของๆฉัน ฉันอยากจะถามแก มันเป็นคำถามเล็กน้อย”
“ฉันซื่อตรงมาตลอดชีวิต ไม่มีอะไรที่ฉันไม่สามารถตอบได้” เซียงหมิงหวังเยาะเย้ย แต่รู้สึกพึงพอใจที่เปลี่ยนสถานการณ์ได้
“ฮ่าฮ่าสมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีสิ่งใดที่แกไม่สามารถตอบได้ ฉันต้องการถามคำถาม 2-3 ข้อ แกเป็นรองประมุขของถ้ำน้ำเต้า ฉันอยากรู้ว่านิกายของแกมีชื่อเสียงมานานแค่ไหนแล้ว” เย่โม่ถามอย่างชัดเจน
เซียงหมิงหวังหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “เราอยู่มาประมาณ 100 ปีแล้ว แต่ความมั่งคั่งของเรานั้นยิ่งใหญ่และด้วยการยอมรับของเพื่อนๆ นิกายลี้ลับของเรา เราได้รับเลือกให้เป็นนิกายอันดับ 1”
เย่โม่เย้ยหยัน “แกอยู่ที่นี่มา 100 ปีแล้ว และแกยังกล้าบอกว่าแกมีความมั่งคั่งมากมาย? จากสิ่งที่ฉันรู้มา นิกายซิเรน นิกายเตี๋ยนชาง และหอทลายกำปั้นนั้นมีมานานกว่า 100 ปีแล้ว ด้วยคำพูดของแก พวกเขาจะไม่ร่ำรวยกว่าและมีเหตุผลมากกว่าที่จะเป็น 1 ในบรรดานิกายลี้ลับหรอ? แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ก็ตามไม่มีนิกายใดที่มีอายุมากกว่า 100 ปีรึไง? ด้วยนิกายมากมายเหล่านี้ที่นี่ ทำไมอันดับ 1 ถึงควรเป็นของแกละ?”