Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 473
บทที่ 473 : ค่ำคืนแห่งการสังหาร
เย่โม่นั่งลงอย่างไร้ประโยชน์และคว้ากระเป๋าของเขาแน่นขึ้น “ถ้าเป็นกรณีนี้ ฉันคงต้องเลือกก่อน”
เฟิงอู๋พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า “ในเมื่อคุณทั้งสามเป็นคนที่มีส่วนร่วม งั้นพวกคุณทุกคนสามารถเลือกได้ก่อน”
เฟิงอู๋เป็นกังวล เขากลัวว่าเย่โม่จะนำสถาบันของเขามาเกี่ยวด้วย โชคดีแม้เย่โม่จะอวดดี แต่เขาก็แก้แค้นทั้งสองนิกายที่ต่อสู้กับเขา
จอมยุทธ์อื่นๆ มีความกังวลเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
“เราจะจัดการกับเรื่องนี้ เราจะมอบกระเป๋าของเราให้กับพี่เฟิง โปรดจบหนึ่งถุงก่อนที่จะเคลื่อนไปถุงต่อไป คุณจะไม่สามารถนำสิ่งของของคุณกลับคืนมาได้” หวังเลิ๋นชรันเยาะเย้ย
ตราบใดที่เขาได้อะไรจากกระเป๋าของเย่โม่ เขาก็จะชนะ
การแสดงออกของเย่โม่จมลง ขณะที่เขาหยิบเอาแก่นแท้สีเหลืองและหินใต้หุบเหว ก่อนที่จะให้กระเป๋ากลับไปที่เฟิงอู๋ ทุกคนรู้ว่าเย่โม่ทำการแลกเปลี่ยน 2 สิ่งนี้ และพวกมันก็ไม่ได้คุ้มค่ามากนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดอะไรเลย
ตอนนี้มันได้รับการตัดสินและทุกคนในเหตุการณ์สามารถได้รับสิ่งที่มีคุณภาพพรีเมี่ยมฟรีๆ พวกเขาทุกคนมีความสุข อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ดูกระเป๋าของเย่โม่ ท้ายที่สุดแล้วมันจะต้องมีค่ามากที่สุดและพวกเขาก็กลัวว่าตระกูลหวังและถ้ำน้ำเต้าจะเกลียดพวกเขาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำ
กระเป๋าของเซียงหมิงหวังถูกนำออกมาและวางสิ่งของบนโต๊ะ มียาจิตวิญญาณปฐพี 3 ขวด ดาบ 2 เล่ม ซึ่งดูดีมาก วิธีฝึกตนขั้นปฐพีระดับกลางและขั้นปฐพีระดับต้น และกล่องไม้ที่มีแร่ไฟอยู่ข้างใน
เมื่อเห็นอย่างนี้ เย่โม่ก็ดีใจ นี่คือแร่ไฟปฐพี แม้ว่าตอนนี้เย่โม่จะไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก แต่เขาสามารถใช้มันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน และมีสมุนไพร แต่ก็ไม่มีสมุนไพรจิตวิญญาณ
เย่โม่เดินไปคว้าแร่ไฟปฐพีและพูดว่า “ถ้าฉันข้ามหินนี้ มันอาจทำให้เกิดรอยใหญ่ได้เลย”
เซียงหมิงหวังมีใบหน้าเยือกเย็นและดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเย่โม่
จากนั้น หวังเลิ๋นชรันก็หยิบยาจิตวิญญาณปฐพีออกมา ไม่มีใครกล้าที่จะหยิบของถ้ำน้ำเต้า หลังจากนี้ก็ถึงคราวของเย่โม่อีกครั้ง เขาหยิบยาจิตวิญญาณปฐพีและดมกลิ่น “แม้ว่าคุณภาพจะไม่ดี แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถเอาไปให้อาหารนกได้นะ”
เซียงหมิงหวังเกือบพ่นเลือดด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าที่จะหยิบของเขาและมันก็เป็นของเย่โม่อีกครั้ง เซียงหมิงหวังก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ทุกคนโปรดรับสิ่งที่คุณต้องการเถอะ ฉันไม่รังเกียจ”
เมื่อเซียงหมิงหวังพูดไป ทุกคนก็ดินไปยังเป้าหมาย และแยกย้ายในไม่ช้า
กระเป๋าของหวังเลิ๋นชรันเปิดออก เย่โม่เพียงหยิบวิธีฝึกตนขั้นปฐพีระดับกลางและกล่าวว่า “ลาก่อน วันนี้เป็นการประชุมที่ดีจริงๆ”
เซียงหมิงหวังหัวเราะเยาะ “กระเป๋าของนายยังไม่ได้เปิดเลย นายไม่ต้องการที่จะรู้ว่าใครจะเอาไปบ้างหรอ?” เขาต้องการเห็นสีหน้าของเย่โม่เมื่อทุกอย่างถูกเอาไปจริงๆ
เย่โม่โบกมือของเขาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเลย ฉันบอกนายแล้วว่ามันเป็นแค่หม้อ งั้นใครก็ตามที่ชอบ จะมาหยิบมันก็ได้นะ”
จากนั้น เย่โม่หันหลังหนีและจากไป เสียงของเฟิงอู๋ดังขึ้นว่า “เย่โม่ ถ้าคุณพาใครบางคนไปทัวร์นาเมนต์ คุณจะต้องอยู่ที่เขาด๋วนดิง ก่อน 9.00 น.”
เมื่อเห็นเย่โม่ไปโดยไม่ได้หยิบกระเป๋าของเขาออกมา หลายคนส่ายหัว เย่โม่ค่อนข้างโชคร้าย เขาสูญเสียสิ่งดีๆมากมายโดยไม่มีเหตุผลและเขาไม่กล้าพูดอะไรเลย
กระเป๋าของหวังเลิ๋นชรันว่างเปล่าในไม่ช้า เฟิงอู๋หยิบกระเป๋าของเย่โม่ออกมาและพูดว่า “ประมุขหวัง ประมุขเซียง โปรดดูที่มันก่อนสิ”
เฟิงอู๋หยิบทุกอย่างออกมาในกระเป๋า มันมีการส่งเสียงกระทบกันและหลังจากนั้นมันก็เงียบไป
เย่โม่พูดความจริงมาตลอด ไม่มียาหรือวัตถุวิเศษใดๆ อยู่ในกระเป๋าของเขา มีเพียงมีดครัว หม้อใหญ่และช้อนเท่านั้น
เซียงหมิงหวังตกตะลึงและหวังเลิ๋นชรันเช่นกัน ทุกคนจ้องมองไปที่ชุดเครื่องครัวขนาดใหญ่พวกเขา ทุกคนต่างก็สงสัยว่า เย่โม่เป็นบ้าหรือเปล่า? นี่มันเป็นการประชุมของจอมยุทธ์ แต่จริงๆ แล้วเขาถือเครื่องครัวมาตลอดเนี้ยนะ?
แม่ชีร่างเล็กอยากหัวเราะ แต่ปิดปากเธออย่างรวดเร็ว การหัวเราะในเวลานั้นน่าจะหมายถึงการเยาะเย้ยประมุขเซียงและหวัง
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าเล่ห์นักนะ” การแสดงออกของเซียงหมิงหวังนั้นมืดถมึนมาก เขาหยิบของทุกอย่างออกจากกระเป๋า แต่มันก็ไร้ประโยชน์หรือมันมีไว้สำหรับถุงเครื่องครัวเท่านั้น
ใบหน้าของหวังเลิ๋นชรันสงบ และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง
เฟิงอู๋ถอนหายใจ เย่โม่ทำมากเกินไป เขารู้ว่าหวังเลิ๋นชรันมีเจตนาฆ่าต่อเย่โม่ บางทีคืนนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเย่โม่
ใครก็ตามที่รู้จักประมขหวังมากหรือน้อยก็สามารถบอกได้ว่าเขาจะฆ่าเย่โม่ แต่เขาก็หยุดไม่ได้ ไม่แม้แต่ เฟิงอู๋ที่จะทำได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับเย่โม่
การประชุมสิ้นสุดลงในสถานการณ์ที่น่าขนลุกนี้
เย่โม่ออกจากวังกษัตริย์ชิงกวง เขารู้ว่าเย็นวันนี้จะไม่สงบ
“มันเป็นคืนที่มืดครึ้มอย่างแท้จริงเลยแหะ” เย่โม่บ่นและเดินขึ้นไปบนยอดเขา
…
เทือกเขายอดทลาย ตั้งอยู่ที่ชายแดนของเมืองกุยเฉิง ห่างจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร มันถูกเรียกว่า ‘ยอดทลาย’ เพราะมันไม่มียอดสูงสุด มันเป็นเหมือนปิรามิดที่ถูกแบ่งกลาง ดังนั้นผู้คนจึงชอบรวมตัวกันที่ด้านบนสุดเพื่อทำกิจกรรม
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางครั้งมันก็มีผีสิงมีมากกว่าหนึ่งกรณีของการครอบครองและความตาย แม้กระทั่งถูกกล่าวว่าผู้ที่ขึ้นไปอยู่ยอดนั้นจะต้องตายด้วยโรคแปลกๆ
ดังนั้น คนน้อยลงที่จะไปด้านบน รัฐบาลส่งผู้เชี่ยวชาญไปที่นั่นและพวกเขาบอกว่ามีสนามแม่เหล็กแปลกๆ ที่ทำให้เกิดภาพหลอน แต่ไม่มีใครเชื่อเลย
เมื่อเวลาผ่านไป หลายคนพบว่ามันไม่ใช่แค่เทือกเขา แต่เมืองทั้งเมืองถูกหลอกหลอน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับเทือกเขายอดทลาย
ผีเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ประชาชนจำนวนจึงมากกลัว แต่สำหรับผู้ฝึกตนในนิกายลี้ลับมันไม่สำคัญ ดังนั้นการแข่งขันถูกเลือกให้จัดขึ้นที่เทือกเขายอดทลาย
เหตุผลที่เย่โม่มาที่นั่นในตอนดึกเพราะเขารู้ว่ามีคนกำลังจะโจมตีเขา เขาต้องการหาสถานที่ที่ไม่มีใครมารบกวน นอกจากนี้เขาต้องการที่จะดูว่าผีชนิดใดที่ซ่อนอยู่ที่นั่น
เมื่อเดินเข้ามาใกล้เทือกเขา เย่โม่รู้สึกถึงลมเยือกเย็นพัดผ่านเขาไป มีบางอย่างผิดปกติที่นั่น เขาไม่ได้ชักกระบี่ออกมา เขาต้องการชักชวนคนที่อยากจะฆ่าเขามที่นี่ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรู้ว่าอะๆไรที่ล้อมรอบเขา
พวกผีน่าจะติดต่อกับคนที่เป็นผู้ฝึกตนที่คอยควบคุม อย่างเช่น วิหารเก้าจันทราเป็นตัวอย่าง หากไม่มีสภาพแวดล้อมที่แน่นอน ผีจะไม่สามารถอยู่ได้นาน เทือกเขานี่ไม่มีเงื่อนไขที่ผีจะอยู่ที่นั่น แล้วผีอยู่ได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลมเยือกเย็นก็กระทบคอของเขา มันรวดเร็ว แต่มีลมปราณที่น่าขนลุก
ก่อนที่เขาจะคิดได้ เย่โม่ก็หลบ เขาประหลาดใจที่สัมผัสจิตวิญญาณของเขาไม่สามารถหาได้ว่าลมถูกโจมตีจากที่ไหน
เมื่อเย่โม่ต้องการค้นหาแหล่งที่มาของการโจมตี สัมผัสจิตวิญญาณของเขาก็จะสแกนเจอหวังเลิ๋นชรัน ซึ่งกำลังมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเพิ่งฟันไปที่เย่โม่ด้วยดาบของเขา เขาเร็วกว่าลมที่เยือกเย็นก่อนหน้านี่ซะอีก
เย่โม่รู้ว่าลมเยือกเย็นไม่ได้มาจากหวังเลิ๋นชรัน