Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 474
บทที่ 474 : ก้นเทือกเขายอดทลาย
ก้นบึ้งเทือกเขายอดทลาย
ระยะทาง 10 เมตรไม่ได้มีความหมายอะไรกับหวังเลิ๋นชรัน และใบมีดของเขาก็มาถึงคอของเย่โม่ในชั่วพริบตา
ดูเหมือนเย่โม่จะถูกโกยขึ้นโดยวินด์เบลดเหมือนใบไม้ ในขณะที่เขาหลบมัน
หวังเลิ๋นชรันไม่โจมตีต่อ เขามองเย่โม่อย่างเย็นชา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่แกจะทำตัวอวดดี แกมีพลังจริงๆ แต่ถ้านี่คือทั้งหมดที่แกมี สถานที่นี้ก็จะเป็นหลุมฝังศพของแก!”
แสงจันทร์จางๆ ส่องประกายบนดาบของหวังเลิ๋นชรัน ทำให้มันเป็นเงาสีขาวอย่างน่าขนลุก
ใบหน้าของเย่โม่สงบและไร้อารมณ์ เขากำลังคิดเกี่ยวกับปัญหาอื่นๆ ‘ชัดเจนว่าพลังของหวังเลิ๋นชรันไม่ถึงขั้นนภาสวรรค์ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งกว่าทั๋นเจียว? นอกจากนี้เขายังจำพระภิกษุอูเต๋าที่คาดว่าไม่น่าจะถึงขั้นนภาสวรรค์ เสมอกับเย่โม่ที่ภูเขาหวู๋เหลียง ทั๋นเจียวไม่ได้ถึงขั้นนภาสวรรค์หรอ? มันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ทั๋นเจียวเคยอยู่ในขั้นปฐพีสูงสุดมาก่อน ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขามาถึงขั้นนภาสวรรค์หรือไม่?
แม้ว่าทั๋นเจียวเพิ่งจะถึงขั้นนภาสวรรค์ และความแข็งแกร่งของเขายังไม่เสถียร พลังของเขาก็ไม่ควรเลวร้ายยิ่งไปกว่าผู้ฝึกตนครึ่งก้าวสู่ขั้นนภาสวรรค์ มันมีเหตุผลอื่นอีกไหม?
“เย่โม่ แกรู้ไหมว่าทำไมฉันยังไม่ฆ่าแก?” คำพูดของหวังเลิ๋นชรัน ทำให้ความคิดของเย่โม่แตกสลาย
เย่โม่ยิ้ม “แกต้องการวิธีการฝึกตนของฉันหรอ? หรือว่าแกต้องการแนะนำภรรยาของแกให้กับฉันละ? ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่สวมรองเท้าที่ใส่แล้ว”
“แกกำลังหาเรื่องตาย!” หวังเลิ๋นชรันเย้ยหยัน แต่ก็ยังไม่ได้โจมตี แม้เย่โม่จะยั่วโมโหก็ตาม
“ฉัน หวังเลิ๋นชรัน ครองอำนาจมานานหลาย 10 ปีและฆ่าคนจำนวนนับไม่ถ้วน ไอ้เหลือขออย่างแกจะมาเข้าใจความตั้งใจของฉันได้ยังไง แม้ว่าแกจะฉลาด แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเล่นกลอะไรต่อหน้าแก แกพูดถูกนิดหน่อยนะ แต่ถ้าแกให้สิ่งที่ได้รับจากพวกซากของจมยุทธ์ที่แกพบ ฉันจะให้ตระกูลเย่ปักกิ่งมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันจะทำธุรกิจของแกในเมืองอสรพิษ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากนั้นฉันได้ยินว่าแกมีเมียที่สวยมากเลยนิ ฉันจะไม่ฆ่าหล่อน แต่ฉันจะเก็บไว้ข้างๆ ฉัน แน่นอนว่าแกสามารถปฏิเสธได้นะ แต่แม้ว่าแกจะทำแบบนั้น ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้แกพูดและถ้าแกทำให้ฉันต้องใช้วิธีแบบนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแกจะต้องตาย” หวังเลิ๋นชรันขู่อย่างเยือกเย็น
ในทันที เย่โม่ก็ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง แต่เดิมเขาเพิ่งวางแผนที่จะฆ่าหวังเลิ๋นชรัน และผู้คนที่เขานำมา แต่ตอนนี้เขาต้องการทำลายทุกคนในครอบครัวเขา! หลักการของเขาคือ ‘สิ่งที่แกต้องการทำกับฉัน ฉันจะทำกับแก’
“อะไร แกต้องการที่จะต่อต้านเรอะ?” หวังเลิ๋นชรันเยาะเย้ย “แกคิดว่าแกสามารถคุยกับฉันได้เพราะแกฆ่าขยะจากนิกายธาราใช่ไหม? หนุ่มน้อย ฉันสามารถยืนยันได้ว่าคนอวดดีไม่กลัวแน่นอน”
เย่โม่ก็หยิบดาบสั้นออกมาแล้วพูดอย่างใจเย็น “ฉันประเมินแกต่ำกว่าเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ฉันเดาว่าแกคงรู้ว่าสิ่งต่างๆ ในกระเป๋าของฉันเป็นของปลอม มีเพียงแกเท่านั้นที่เห็นมัน ฉันไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้เลย ฉันนอนไม่หลับแน่ ถ้าฉันไม่ฆ่าคนอย่างแก”
เย่โม่นึกถึงต่งฟางชื่อ หวังเลิ๋นชรันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนต่งฟางชื่อ ราวกับว่าเขาเป็นงู จากคำพูดของหวังเลิ๋นชรัน เย่โม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขารู้แล้วว่ากระเป๋านี้เป็นของปลอม แต่เขาก็ยังนำสิ่งต่างๆ ออกไป หากหวังเลิ๋นชรันไม่ได้บอกว่าเขาเล่นเล่ห์เหลี่ยม เย่โม่จะไม่รู้เลยว่าหวังเลิ๋นชรันมองเห็นผ่านกลไกของเขา
ในขณะนี้ เย่โม่เข้าใจความตั้งใจของหวังเลิ๋นชรัน เขาต้องการให้ผู้คนคิดว่าเขาฆ่าเย่โม่ด้วยความโกรธและเนื่องจากสิ่งต่างๆ ของเขาได้ถูกแยกออกไป มันเป็นธรรมชาติที่เขารับช่วงต่อเมืองอสรพิษหลังจากเย่โม่ตาย
เย่โม่ไม่คาดหวังว่าการคำนวณของชายคนนี้จะลึกซึ้งและซัยซ้อนแบบนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับหวังเลิ๋นชรันแล้ว เซียงหมิงหวังนั้นโง่บรม
หวังเลิ๋นชรันพูดอย่างไร้อารมณ์ “เย่โม่ แกผิดเองนะ แกยังเด็กเกินไป ฉันสามารถบอกได้จากการแสดงออกของแกว่ากระเป๋านี้เป็นของปลอม แต่ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ใช่คนเดียวที่จะสังเกตเห็นสิ่งนั้น สิ่งที่ฉันประสบความสำเร็จคือฉันไม่ได้ให้คนอื่นเห็นว่าฉันรู้ อย่างไรก็ตาม มันพอแล้วละ เย่โม่ ฉันจะให้ 3 วินาที ถ้าแกไม่พูด ฉันก็สามารถบังคับมันออกมาจากแกได้อยู่ดี”
เย่โม่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำผิด เขาให้กริชและยาออกมาอย่างเป็นระเบียบ แต่เมื่อพวกเขาขอกระเป๋า เขาก็ทำท่างกเกินไป นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาโดนจับได้ เมื่อคิดถึงมัน เย่โม่ก็หัวเราะ “ดี หวังเลิ๋นชรัน วันนี้แกสอนฉันเลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่ ฉันสัญญาว่าจะฆ่าทุกคนที่ข่มขู่ฉัน แบบเดียวกับภูเขาน่าน ตระกูลหวังของแก ฉันไม่สนใจว่าตระกูลของแกจะซ่อนอยู่ที่ไหน ฉันเชื่อว่าฉันสามารถหาพวกเขาได้”
“เย่โม แกเพิ่งปล่อยโอกาสสุดท้ายที่ตระกูลเย่ปักกิ่งจะอยู่ต่อไปนะ แกสามารถขอความเมตตาได้หลังจากที่ฉันจับแกเท่านั้นแล้วละ” หวังเลิ๋นชรันฟันไปที่ขาของเย่โม่ด้วยดาบของเขา
เย่โม่ไม่ได้ใช้กระบี่บินของเขาและเพียงแค่กันเท่านั้น
เคร้ง! – เสียงของมีคมปะทะกัน ขณะที่เย่โม่ปลิวไปเหมือนใบไม้
หวังเลิ๋นชรันงุนงงไปครู่หนึ่ง ดาบของเขาเจาะเข้าที่ขาของเย่โม่อย่างชัดเจน แล้วมันจะส่งเขาลอยไปได้ยังไง?
ก่อนที่หวังเลิ๋นชรันจะตอบโต้ได้ เย่โม่ก็ตกลงมา ดาบยาวในมือของเขากลายเป็นแสงสีขาวและพุ่งรัศมีกระบี่ไป 10 เมตร
“เย่โม่ แกไม่กล้าหรอก!” นัยน์ตาของหวังเลิ๋นชรันโป่งออกมาและเขารีบเหมือนสายลม เขาไม่สนใจชีวิตของเย่โม่อีกต่อไป ดาบยาวในมือของเขาถูกปกคลุมด้วยลมปราณสีขาว ขณะที่มันฟันไปที่เย่โม่ที่ยังไม่ได้ลงถึงพื้น
แต่ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน เขาก็ยังช้ากว่าเย่โม่เล็กน้อย
อ๊ากกกก! เสียงโหยหวนของความเจ็บปวดดังออกมา พร้อมเลือดที่สาดกระจาย
เคร้ง! เคร้ง! – หลังจากการปะทะหลายครั้ง เย่โม่ก็ล้มลงกับพื้นและมั่นใจว่าหวังเลิ๋นชรันแข็งแกร่งกว่าทั๋นเจียวแน่นอน
ทันใดนั้น ก็มีสองร่างที่เนื้อตัวมอมแมมปรากฏ ชายวัยกลางคนที่กำลังอุ้มเยาวชนวัย 20 และมาอยู่ข้างหน้าหวังเลิ๋นชรัน
ชายวัยกลางคนมองเย่โม่ราวกับว่าเขากำลังจะเปลี่ยนเย่โม่ให้เป็นเถ้าธุลีด้วยสายตาของเขา ก่อนที่จะมองกลับไปที่หวังเลิ๋นชรันและโห่ร้อง “ผู้นำตระกูล….”
หวังเลิ๋นชรันมองหน้าเย่โม่ด้วยใบหน้าสีเขียวแล้วมองไปที่ที่ ซึ่งเย่โม่ฟันเขา
“ผู้นำครับ เขาโจมตีพวกเราทั้ง 5 คนเซียนหลิน เซียนจาและหวังซีทุกคนถูกฆ่าตาย มีเพียงผมและชรังเออร์เท่านั้นที่สามารถหลบหนีมาได้” ชายวัยกลางคนเยาวชนลงและร้องไห้
หวังเลิ๋นชรันได้ยินสิ่งนี้และแทบจะกระอักเลือด เย่โม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนซ่อนตัวอยู่รอบๆ?
“เย่โม่ แกทำให้ฉันโกรธได้สำเร็จแล้ว ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าตระกูลเย่ทั้งหมด ฉันก็หมาแล้ว!” หวังเลิ๋นชรันยกดาบในมือของเขาขึ้นมา
เย่โม่ยิ้ม แม้ว่าหวังเลิ๋นชรันจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบหนีจากมือเขาไปได้
เย่โม่พูดช้า “หวังเลิ๋นชรัน แกคิดว่าวันนี้ตระกูลหวังของแกจะสามารถออกไปได้หรอ? แกไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับการวางแผนสำหรับเมืองอสรพิษของฉันหรอก เพราะฉันจะทำลายตระกูลหวังของแกคืนนี้แหละ แต่ฉันต้องพูดก่อนเลยว่า ดาบของแกดีมากจริงๆ มันยังไม่พังเลยนิ”
หวังเลิ๋นชรันตัวสั่น เขาแค่คิดว่าตัวเองจะฆ่าทุกคนในตระกูลทั้งหมดของเย่โม่ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาแพ้
ในบรรดาคน 3 คนที่เย่โม่ฆ่าตายนั้นมี 2 คนที่อยู่ตรงขั้นปฐพีระดับกลาง และอีกคนอยู่ที่ขั้นตติยสีดำ เย่โม่เป็นขั้นนภาสวรรค์หรอ? หรือว่าเขาเป็นครึ่งก้าวสู่ขั้นนภาสวรรค์?
หวังเลิ๋นชรันตระหนักว่าเขาประเมิณเย่โม่ต่ำเกินไป และมองดาบในมือของเขา ซึ่งมีรอยหลายรอย
ที่หัวของหวังเลิ๋นชรันส่งเสียงพึมพำ ดาบเล่มนี้ที่ผ่านมาตระกูลของเขาจะไม่กลัวที่จะปะทะกับสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่เวทมนตร์ แต่มันถูกดาบเล็กๆ ของเย่โม่ทำให้เป็นรอยได้ยังไง?
‘เดี๋ยวนะ’ หวังเลิ๋นชรันเพิ่งจำการโจมตีของเย่โม่ได้ ‘ดาบเล็กนั้นยิงแสงสีขาวออกมาได้ยังไง? แม้แต่สิ่งประดิษฐ์เวทมนต์ก็ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย’