Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 476
บทที่ 476 : ภูเขาน่านอยู่ใต้ฝ่าเท้า
— ตั้งแต่ตอนนี่ไป ไรท์จะเปลี่ยน ‘กระบี่’ เป็น ‘ดาบ’ , ‘ฮาน’ เป็น ‘ฮัน’ นะคะ ขอบคุณคะ —
ในขณะที่หวังเลิ๋นชรันกำลังจะบล็อกดาบของเย่โม่ ทันใดนั้นมันก็เลี้ยวโค้งในมุมที่เป็นไปไม่ได้และแทงเข้าไปในลูกกระเดือกของเขา
ดาบของหวังเลิ๋นชรันตกลงสู่พื้น ในขณะที่เขามองเย่โม่อย่างไม่เชื่อ “งั้นนี่ก็คือไพ่ตายของแกสินะ ครั้งที่ 4 ฉันก็ประเมินแกต่ำไป…” ดวงตาของหวังเลิ๋นชรันไร้สีสัน เขาไม่พอใจจริงๆ เขาเอาตระกูลหวังไปเดิมพัน และตอนนี้เขาสูญเสียทุกคน
ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะคิดถึงบางสิ่งและเขาลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย เขาดึงวัตถุรูปสามเหลี่ยมออกมาและพูดอย่างหมดหวังว่า “ตราภูเขาตระกูลหวังเวลา 50 ปี…”
ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ เขาก็โยนวัตถุออกมาและแทงเข้าไปในชายวัยกลางคนและชายหนุ่ม จากนั้นหวังเลิ๋นชรันก็เสียชีวิต
แม้แต่เย่โม่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าหวังเลิ๋นชรันจะเด็ดขาดอย่างมาก เพื่อไม่ให้ใครรอดชีวิตก่อนที่เขาจะตาย ด้วยเขาที่ฆ่าชายหนุ่มคนนั้น ทุกคนในตระกูลหวังที่มาจะตาย
ชายหนุ่มคนนี้ก็คงไม่เคยคาดหวังว่าผู้นำตระกูลจะฆ่าเขา เขาเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลหวังและเป็นขั้นตติยสีดำตอนอายุ 25 แต่ตอนนี้ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเขา ดวงตาของเขาเย็นชาเหมือนของหวังเลิ๋นชรันและเขาก็ตาย
ตั้งแต่ต้นจนจบการต่อสู้ เย่โม่ไม่ได้พบว่าลมปราณมืดมัว ราวกับว่าหลังจากการปะทะครั้งแรกมันก็หายไป
เย่โม่ตัดสินใจหยุดการสอบสวนภูเขานี้ เขารู้สึกจริงๆว่าเขาประเมินปรมาจารย์ของโลกนี่ต่ำเกินไป ถ้า 2-3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาได้ต่อสู้กับเซียงหมิงหวัง เฟิงอู๋และหวังเลิ๋นชรัน การชนะย่อมไม่แน่นอน
พวกเขาทั้งหมดเป็นส่วน 1 ใน 6 นิกายใหญ่ แต่พลังของหวังเลิ๋นชรันสูงมาก นิกายเตี๋ยนชางและนิกายธาราอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเย่โม่จะรู้ว่ามันเป็นเพียงหวังเลิ๋นชรันที่แข็งแกร่งในนิกายของเขา แต่มันก็ยังดังก้องสำหรับเย่โม่ ตระกูลหวังก็ยังอยู่ในอันดับที่ 3 ดังนั้นเรื่องที่ 1 และ 2 และประมุขนิกายถ้ำน้ำเต้าที่กำลังฝึกตนแบบสันโดษ และประมุขสถาบันจิงหมิงละ?
ใครๆ ก็จินตนาการได้ว่านิกายไท่อี้ของนิกายลี้ลับภายในนั้นแข็งแกร่งกว่านิกายลี้ลับหลายแห่งเหล่านี้รวมกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่เย่โม่จะสามารถรอดชีวิตได้ ถ้าเขาไปในนิกายไท่อี้เพื่อแก้แค้นในตอนนี้
เป็นครั้งแรกที่เย่โม่พิจารณาความแข็งแกร่งของเขาอย่างเหมาะสม ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและผู้เชี่ยวชาญทุกประเภทที่สูงขึ้นและไม่สนใจเรื่องมนุษย์ ไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลรู้สึกว่าถูกคุกคามโดยนิกายลี้ลับ พวกเขามีพลังที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
นิกายลี้ลับจะไม่ยอมให้ปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาเข้าร่วม Heaven Squad ทั๋นเจียวไปถึงขั้นนภาสวรรค์ แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าหวังเลิ๋นชรัน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสำหรับเรื่องนั้น
เย่โม่เผาศพด้วยบอลไฟและทิ้งอาวุธบนพื้นดินเป็นคูก่อนที่จะฝัง หากเขาไม่ได้ทำลายดาบหวังเลิ๋นชรัน จนมันสาหัส เขาจะเอาไปด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจมันแล้ว
หลังจากทั้งหมดนี้ เย่โม่กระโดดขึ้นไปบนดาบบินของเขาและมุ่งหน้าไปที่โรงแรมซือเยวีย
มันเป็นเวลาตี 3 แต่เย่โม่พบว่าฮันหยานยังไม่ได้หลับ เธอนั่งอยู่ในห้องและมองออกไปข้างนอกอย่างกังวล
“ฮันหยาน เธอมีแข่งวันนี้นะ ทำไมเธอไม่นอน?” เย่โม่เดินเข้ามาในห้องและถาม
“พี่เย่ สบายดีใช่ไหม? นั้นเยี่ยมเลย” ฮันหยานยืนขึ้นอย่างมีความสุขทันที เธอตัดสินใจที่จะไปหาเย่โม่ทันทีที่เป็นเวลากลางวัน หากเย่โม่ไม่มา เธอจะไม่ไปการแข่งนั้น เธอรู้ว่าในนิกายลี้ลับการฆ่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไรมาก
เย่โม่ถามอย่างสงสัยว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันละ?”
ฮันหยานตอบด้วยดวงตาแดงก่ำ “ในตอนเช้า มีคนที่ชื่อไกเฉิงมาที่นี่ เขามากับลูกศิษย์ของเขา เขาจะจู่โจมและบอกว่าคุณจะไม่กลับมา และบางทีพรุ่งนี้เช้า ฉันอาจจะพบร่างของคุณเช่นเดียวกับที่เขากำลังจะบังคับให้ฉันออกไป ประมุขเจิงเจิงเซียมาที่นี่ เขาตะโกนให้เขาออกไปและอยู่ที่นี่ 2 ชั่วโมง ก่อนจะไป เขาบอกฉันว่าคุณทำให้ประมุขเซียงและหวังโกรธ และบอกฉันว่าถ้าคุณไม่กลับมาก่อนเช้า ฉันควรออกจากเมืองนี้ทันที”
ดูเหมือนว่ามีผู้คนมากมายรู้ว่าหวังเลิ๋นชรันกำลังจะฆ่าเขาในคืนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะตาย คนเหล่านี้ก็มาที่นี่แล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา คนที่ติดตามเขาจะเป็นอย่างไร?
“ไกเฉิงคือใคร? และเขาพักอยู่ที่ไหน?” เย่โม่ถาม
ฮันหยานพูดว่า “ประมุขเจิงบอกว่าเขาเป็นหมอที่เข้ามาในเหล่าจอมยุทธ์โดยบังเอิญ และรู้จักกับตระกูลหวัง เหตุผลที่เขมาในครั้งนี้เป็นเพราะตระกูลหวัง เขาพักอยู่โรงแรมเยวียนเฉิง”
เย่โม่พยักหน้าและพูดว่า “โอเค รอฉันที่นี่นะ ไม่นานฉันก็กลับแล้วละ”
ฮันหยานเห็นเย่โม่ออกไปและรู้ว่าเขากำลังไปหาไกเฉิง เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ผู้นำประมุขเจิงพูดว่าเขาอยู่ในขั้นปฐพีระดับต้น
…
ฮันหยานผ่อนคลายมากหลังจากเย่โม่กลับมา เธอคิดว่าเย่โม่จะกลับมาตอนกลางวันเท่านั้น แต่เย่โม่กลับมาในเวลาไม่ถึง 20 นาทีโดยไม่คาดคิด
“พี่เย่ ฉันคิดว่าคุณจะไปซะแล้วหลังจากไปหาไกเฉิง” ฮันหยานยังรู้สึกโล่งใจหลังจากเห็นเย่โม่กลับมาแม้ว่าจะรู้ว่าไกเฉิงก็ไม่เหมาะกับเขา
เย่โม่ยิ้มเท่านั้น เขาไม่ได้บอกเธอว่าเขาฆ่าไกเฉิง และลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว และถามว่า “การเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่อย่างที่ฉันสอนให้เธอเป็นไงบ้าง?”
“ฉันเพิ่งเรียนรู้อย่างเดียวเอง และแทบจะไม่สามารถใช้มันได้เลย” ฮันหยานคิดว่าการย้ายดาบนี้ที่เย่โม่สอนให้เธอค่อนข้างยากมาก
เย่โม่พยักหน้า “ในวันพรุ่งนี้ เธอจะมีแข่งแล้ว ไปนอนเถอะ ฉันยังมีธุระอยู่นิดหน่อย”
หลังจากที่ฮันหยานไปนอนแล้ว เย่โม่ก็นั่งลงเพื่อฟื้นฟูบาดแผลของเขา แม้ว่าเย่โม่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าประมาทเลย แม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะทำลายล้างตระกูลหวัง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าภูเขาน่านอยู่ที่ไหน
…
มันเป็นเวลา 7 โมงเช้า เมื่อเย่โม่เดินออกไปพร้อมกับจิตวิญญาณที่สดชื่น หลังจากคืนหนึ่ง บาดแผลของเขาก็หายเป็นปกติและเขาสามารถเข้าใจการเคลื่อนย้ายของดาบจากเทคนิคดาบของหวังเลิ๋นชรันได้ มันเกี่ยวข้องกับการใช้รัศมีดาบในการห่อลมปราณภายใน และระเบิดลมปราณออกไปด้านนอกเพื่อโจมตีศัตรู แต่ท่านี้ใช้ลมปราณมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้มันอย่างลวกๆได้
ฮันหยานมองไปที่ด้านหลังของเย่โม่ และในทันใดก็มีความรู้สึกว่าเย่โม่อยู่ห่างจากเธอออกไป 10,000 ไมล์ ราวกับว่าเย่โม่จะบินไปบนก้อนเมฆได้ทุกเวลา ความรู้สึกนี้มันแปลกมาก
“เธอตื่นแล้วนิ ไปล้างตัวก่อนสิแล้วเราจะไปเทือกเขายอดทลายกัน” เย่โม่หันไปหาเธอแล้วยิ้ม
ฮันหยานรู้สึกโล่งใจ หลังจากที่เย่โม่หันหลังให้ ความรู้สึกนั้นก็หายไป เย่โม่ได้กลับไปที่คนปกติที่เธอรู้จัก
“น้องเย่ ฮ่าๆ ฉันรู้อยุ่แล้วว่านายคงสบายดี!” เสียงแหบแห้งดังขึ้น เย่โม่ไม่จำเป็นต้องหันศีรษะของเขาเพื่อให้รู้ว่าคือ เจิงเจิงเซีย
เย่โม่พาเขาไปที่ลานบ้านห้องชุด และนั่งลงก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณพี่เจิงสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้นะครับ ถ้าพี่ไม่มา ฮันหยานคงได้รับบาดเจ็บแน่”
เจิงเจิงเซียโบกมืออย่างไม่เป็นทางการและพูดว่า “เล้กน้อยน่า ไอ้ไกเฉิงนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขารู้จักตระกูลหวัง ฉันคิดว่าหวังเลิ๋นชรันจะมาหานายนะ แต่ฉันไม่คิดเขาจะไปในคืนนั้นเลย”
จากมุมมองของเขาหาก หวังเลิ๋นชรันไปหาเย่โม่ เย่โม่จะไม่มานั่งอยู่ที่นี่
เย่โม่ยิ้มและถามอย่างลวกๆ ว่า “พี่เจิง คุณเคยได้ยินไหมว่าตระกูลหวังภูเขาน่านอยู่ที่ไหน?”
เจิงเจิงเซียไม่เข้าใจความหมายของเย่โม่ และถอนหายใจ “ที่ที่ซ่อนเร้นที่สุดไม่ใช่ ถ้ำน้ำเต้า หรือ สถาบันจิงหมิง แต่คือ ตระกูลหวังภูเขาน่าน กล่าวกันว่ามรดกที่พวกเขาได้รับนั้นเรียกว่าภูเขาน่าน ซึ่งอยู่ใต้เท้า มันหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน – “
จากนั้นเจิงเจิงเซียก็ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างและเขาก็ยืนขึ้นอย่างฉับพลันโดยมองเย่โม่ด้วยความไม่เชื่อ