Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง - ตอนที่ 477
บทที่ 477 : ทำไมประมุขหวังไม่อยู่ที่นี่?
“หวังเลิ๋นชรันมาแล้วหรอ? นายฆ่าเขางั้นเหรอ?” เจิงเจิงเซียไม่อยากจะเชื่อ แต่ทำไมเย่โมถึงถามว่าตระกูลหวังอยู่ที่ไหนละ?
มันไม่ได้หายากนัก รหัสนิกายลี้ลับไม่ว่าจะเป็นการโจมตี หรือการโจมตีและฆ่าพวกเขาทั้งหมด
เย่โม่ยิ้ม “ถูกต้อง เขาต้องการที่จะฆ่าฉัน ดังนั้นฉันก็เลยต้องฆ่าเขาก่อน แต่ฉันไม่ปล่อยใครให้มีชีวิตรอดนะ ฉันไม่เคยได้ยินภูเขาน่านแห่งนี้และฉันคิดว่า ในเมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งของนิกายลี้ลับ ก็น่าจะมีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
เจิงเจิงเซียตกตะลึงมากขึ้นเมื่อเย่โม่ยอมรับ ดูเหมือนว่ามันเป็นความจริง สิ่งที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับเย่โม่ ทำลายล้างนิกายธารา และนิกายเตี๋ยนชาง
เขาคิดว่าเย่โม่ไม่เลว แต่เลวร้ายยิ่งกว่าเขาเล็กน้อย ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นตติยปฐพี หวังเลิ๋นชรันก็อาจจะต้องการเพียงไม่กี่จังหวะในการฆ่าเขา แต่เย่โม่ก็สามารถฆ่าหวังเลิ๋นชรันและคนของเขาได้ทั้งหมด เขาไปถึงขั้นนภาสวรรค์ที่เป็นตำนานแล้วหรอ?
“นายเป็นขั้นนภาสวรรค์หรอ?” เจิงเจิงเซียนั้นซื่อตรง แต่เขาก็ไม่ได้โง่ มันน่าตกใจมากที่จะบอกว่าเย่โม่ เป็นปรมาจารย์นภาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ในอายุ 20 ปี
เย่โม่ฮึมฮัมครู่หนึ่ง เขานึกถึงทั๋นเจียว เนื่องจากเขาสามารถเอาชนะทั๋นเจียวได้ เขาก็ควรนับว่าเป็นขั้นนภาสวรรค์ใช่มั้ย? แต่แล้วเขาก็นึกถึงหวังเลิ๋นชรันและอูเต๋า หากขั้นนภาสวรรค์นั้นหมายถึงว่าแข็งแกร่งกว่าครึ่งก้าวสู่ขั้นนภาสวรรค์เล็กน้อย มันก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นขั้นนภาสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นทั๋นเจียวนั้นก็อ่อนแอกว่าทั้งสอง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่โม่ก็ส่ายหัว “เส้นทางข้างหน้าฉันอาจเป็นนภาสวรรค์ แต่ฉันก็ไม่รู้จริงๆ แต่ฉันไม่กลัวขั้นนภาสวรรค์หรอก”
เย่โม่ไม่ได้พูดป่าว เขาสามารถบินบนดาบบินได้และควบคุมมันได้ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับขั้นนภาสวรรค์ เขาก็แค่ต้องระวัง หากเขาไม่สามารถชนะได้ เขาก็สามารถหนีไปได้ตลอดเวลา แต่เขาไม่เคยพบปรมาจารย์นภาสวรรค์ที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าความแตกต่างว่ามันใหญ่เพียงใด
เจิงเจิงเซียถอนหายใจและสงบลง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายไม่กลัวเซียงหมิงหวัง เซียงหมิงหวังแข็งแกร่งที่สุด เท่ากับหวังเลิ๋นชรันและอ่อนแอกว่าเฟิงอู๋เล็กน้อย น้องเย่ นี่จริงๆแล้วเป็นอัจฉริยะแห่งสหัสวรรษเลยนะ”
เย่โม่ยิ้ม เขารู้จักธุรกิจของตัวเอง หากเขาไม่ได้ฝึกตน เขาอาจจะยังไม่ถึงขั้นสีดำในตอนนั้น เหตุผลที่ทำให้เขาแข็งแกร่งนั่นก็เพราะเขาเป็นผู้ฝึกเต่า มันหมายความว่าเขากำลังฝึกคนในเส้นทางอมตะ ทักษะการต่อสู้โบราณแบบไหนที่จะแข็งแกร่งกว่าเส้นทางอมตะอีกละ?
เจิงเจิงเซียกล่าวต่อ “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้พบกับตระกูลหวัง แม้แต่สมาชิกในตระกูลหวังก็ยังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน และมีน้อยคนที่รู้ ฉันสงสัยว่าเซียงหมิงหวังและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตระกูลหวังมักจะมีโปรไฟล์ต่ำและนำสมาชิก 2 คนมาเท่านั้นสำหรับการแข่งขันครั้งนี้”
เย่โม่ถอนหายใจ
“พี่เจิงไม่ได้อยู่ที่นี้เหรอ?” เย่โม่ไม่สามารถพบเจิงเจิงเซียได้ด้วยสัมผัสจิตวิญญาณของเขาในคืนนั้น เขาจึงถาม
เจิงเจิงเซียพยักหน้า “ไม่มี 6 นิกายใหญ่ไหนเลยอยู่ที่นี่ พวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ของรัฐบาล น้องเย่ การแข่งขันเริ่มต้นเวลา 9 โมงเช้า เวลาส่วนใหญ่นี้ฉันก็มาหานายแล้ว ตอนนี้ฉันต้องกลับไปและเตรียมตัวแล้วละ นิกายวารีซานลิ่วของเรามีศิษย์ 4 คนเข้าร่วม มันเป็นเกียรติของฉันจริงๆ ที่ได้พบกับใครบางคนอย่างนาย น้องเย่”
เย่โม่พูดทันที “พี่เจิงเป็นคนสัตย์จริง ไม่มีใครกล้าพูดออกหน้าเพื่อฉัน แต่พี่ทำ พี่เจิง ฉันขอน้อมรับพี่ในฐานะเพื่อนที่ดีจริงๆ”
“เอาล่ะ นิกายวารีซานลิ่วของฉันอยู่ที่เขตด๋วนเฮง ที่นั่นยินดีต้อนรับนะ” เจิงเจิงเซียพูดอย่างมีความสุข
เย่โม่พยักหน้าและพูดว่า “แต่เหตุผลที่ฉันเชิญพี่เจิงมาเป็นเพราะการบาดเจ็บภายในของพี่ ถ้าฉันเดาไม่ผิด การบาดเจ็บภายในนั้นร้ายแรงมาก หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา พี่สามารถอยู่ได้เพียง 3 ถึง 5 ปีเท่านั้นนะ”
“น้องเย่ นายบอกได้ว่าฉันมีอาการบาดเจ็บภายในงั้นหรอ?” เจิงเจิงเซียลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ เขาไม่กลัวความตาย แต่เขากลัวว่าจะไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะครอบครองนิกายวารีซานลิ่ว หากเขาเสียชีวิตพวกเขาจะตกจากลำดับที่ 5
เย่โม่ยิ้มและหยิบยาออกมา “นี่เป็นยาบัวแห่งชีวิต อาการบาดเจ็บของพี่จะหายขาดหลังจากที่กินมัน”
“เมล็ดหัวใจบัวหิมะพันปี? นั่นคือยาบัวแห่งชีวิตที่ขายที่วัดซีเซีย มันรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเหมี่ยวเชวียนใช่ไหม?” เจิงเจิงเซียพูดด้วยความตกใจ
เย่โม่พยักหน้า “ถูกต้อง”
เจิงเจิงเซียหยิบเม็ดยาอย่างเคร่งขรึมและพูดช้าๆ “น้องเย่ นี่มันโชคดีของฉันจริงๆ ที่เราเป็นเพื่อนกันได้ฉันรู้ว่าเหมี่ยวเชวียนค้นหาแหล่งที่มาของยาทุกที่ แต่สมาคมยวี๋ก็ไม่กล้าพูด ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมาจากนายเลย ฉันรู้ว่าเม็ดยานี้มีราคาแพงมากและไม่สามารถหาได้ในตลาด ฉันจะรับมัน ถ้ามีอะไรที่น้องเย่ต้องการ บอกฉันเลยนะ ฉันจะทำมันด้วยทั้งหมดที่ฉันมี”
เย่โม่ตบไหล่ของเจิงเจิงเซีย และพูดว่า “ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนั้นหรอก พี่เจิงยังต้องนำลูกศิษย์ของพี่ไปเทือกเขายอดทลาย ฉันจะไม่รอช้าอีกต่อไป ไว้เราเจอกันข้างบนนั่นนะ”
เย่โม่ไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดบัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจิงเจิงเซีย แต่ประการแรก มันจะเสียเวลาและลมปราณมากเกินไป ประการที่สองเนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนกัน เม็ดยาหนึ่งเม็ดก็ไม่สำคัญ
หลังจากเจิงเจิงเซียจากไป ฮันหยานก็อายน้ำเสร็จแล้ว พวกเขาเดินลงบันไดไป ขณะที่พวกเขาไปที่ชั้น 8 ก็มีประมุขนิกายและผู้อาวุโสจำนวนมากออกมา
เห็นได้ชัดว่าหลายคนประหลาดใจเมื่อเห็นเย่โม่ออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ คนที่รู้จักเย่โม่ก็ยังขึ้นมาทักทายเขา เซียชรังเทียนและยวี๋เทาก็ยิ่งตกใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงอะไร
ฮันหยานถอนหายใจ ถ้าเธอมาเอวหรือกับอาจารย์ของพวกเธอ พวกเธอก็จะไม่ได้มีสถานที่พูดคุยและจะต้องให้คนอื่นเข้าลิฟต์ก่อน มันเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากการติดตามเย่โม่ ไม่มีใครกล้าเข้าไปก่อน มีเพียงเย่โม่ และเธอที่เข้าลิฟต์ก่อนเท่านั้น
นี่คือพลัง สังคมเป็นเรื่องของพลัง
เย่โม่ไม่ได้สนใจอะไรเลย เขาคุ้นเคยกับมันมากเกินไป เขาเคยอยู่ที่ลั่วเยวียมาก่อน เขาต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน
เมื่อเย่โม่และฮันหยานเดินเข้าไปในห้องโถงหลัก หวังซือเยวียก็รอพวกเขาอยู่ เขารีบพาพวกเขาไปที่ห้องอาหารพิเศษและบอกเย่โม่ว่ารถพร้อมแล้ว
…
เมื่อคืนก่อน เทือกเขายอดทลายนั้นหนาวเย็นและหนาวเหน็บ แต่ตอนนี้มันมีชีวิตชีวาและคึกคัก รถยนต์ยังคงมาถึงด้านล่างของเทือกเขา ในขณะที่ผู้คนในเสื้อผ้าต่างๆ จากนิกายต่างๆ มุ่งหน้าไปที่เทือกเขา
นอกเหนือจากบางคนที่มีความสัมพันธ์พิเศษกับนิกายลี้ลับ คนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถมาได้
ยอดเขาประมาณ 1 ใน 4 ตารางกิโลเมตรถูกลบออกไปแล้ว ในศูนย์กลางมีร่องรอยของการต่อสู้ขนาดใหญ่ ที่นั่งได้ถูกวางไว้แล้ว มีคนประมาณ 7,000-8,000 พันคน เย่โม่คาดว่าคนส่วนใหญ่มีคนที่ช่วยนิกายลี้ลับทำธุรกิจ
แม้ว่าจะมีทีมรักษาความสงบเรียบร้อย แขกที่นี้ก็มีมารยาทที่ดีและไม่จุกจิกกับที่นั่งของพวกเขา ฉากนั้นไม่วุ่นวายเลย
สถานะของนิกายกวงฮั่นต่ำมาก พวกเขามีเพียง 2 ที่นั่งและพวกเขาอยู่ด้านหลัง เมื่อเย่โม่นำฮันหยานมายังที่นั่ง พวกเขาก็ถูกนำตัวเข้าสู่เขตนิกายวารีซานลิ่วโดยเจิงเจิงเซีย ซึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่
“น้องเย่ นายสามารถนั่งที่นี่ได้นะ ฉันจะให้คนพาคุณฮันไปสมัคร และฉันจะช่วยให้เธอได้ตำแหน่งผู้ควบคุมการแข่งขัน” เจิงเจิงเซียกล่าว
เย่โม่ยิ้มว่า “ถ้าฉันจัดการการแข่งกัน ตาแก่เซียงหมิงหวังนั้นคงไม่เห็นด้วยแน่นอน ยิ่งกว่านั้นฉันไม่สนใจ ฉันจะนั่งที่นี่ ฮันหยานไปลงทะเบียนก่อนเถอะ ฉันจเดินดูรอบๆ ที่นี่หน่อย”
หลังจากที่ฮันหยานไป เจิงเจิงเซียก็ต้องไปเช่นกัน เพราะเขาต้องการดำเนินการแข่งขัน แต่แน่นอนว่าเย่โม่มีบริการที่มีคุณภาพสูงในพื้นที่นั้น โดยมีบริกรคอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา
เย่โม่เห็นว่าสถานที่ในการสมัครนั้นค่อนข้างวุ่นวายและใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการจัดการ แต่เขาไม่ได้กังวล เขามีสองเป้าหมายหลัก : หนึ่งคือการนำฮันหยานเข้าสู่การแข่งขัน สองคือเพื่อดูว่าจิตวิญญาณดีอยู่ไหน
เพื่อที่จะไม่ทำให้เรื่องยากสำหรับเจิงเจิงเซีย เขาไม่ได้ถามเขา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เซียงหมิงหวังมีสีหน้าเยือกเย็นบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาถามว่า “ทำไมประมุขหวังถึงยังไม่มาที่นี่อีก?”
น้ำเสียงของเขาดูไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด ในเมื่อเห็นได้ชัดหวังเลิ๋นชรันว่าได้นำทุกอย่างมาให้ตัวเองเมื่อคืนก่อน แม้จะรู้ว่าหวังเลิ๋นชรันจะแบ่งบางอย่างเมื่อเขามาถึง แต่เขาก็ยังไม่มีความสุขอย่างมาก