Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 102
102 – ชนวนที่ถูกจุดขึ้น
ท่ามกลางความเหนื่อยช้าจากเรื่องต่างๆในกลุ่มของเธอ ชอว์น่ายังคงกระปรี้กระเปร่าราวกับปกติ
“สวัสดีค่ะ คุณโรดส์”
ชอว์น่าทักทายโรดส์ด้วยรอยยิ้ม
“บอกตรงๆ ฉันคิดว่าฉันฝันไปที่ได้ยินเรื่องของคุณจากตาแก่วอร์คเกอร์”
“ผมเองก็ประหลาดใจเหมือนกันที่ได้พบคุณ”
โรดส์พยักหน้าและตอบกลับพร้อมกับจับมือของชอว์น่า
“ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้มารวมกลุ่มของกลุ่มของคุณ”
ชอว์น่ายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อารมณ์ของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่เธอยังคงรักษาความสงบและส่งสัญญาณไปยังคนอื่นๆอีก 3 คนด้านหลังเธอ
“ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวหรอก เฮนรี่ มาร์ตินและเลวี่….ใช่ไหม?”
โรดส์ทวนชื่อพวกเขาทีละคนและย้ำเพื่อความมั่นใจ
พวกเขาทั้งสามต่างแปลกใจ เพราะเมื่อครั้งที่พวกเขาต่อสู้ร่วมก็นานมาแล้ว แต่โรดส์ก็ยังสามารถจำชื่อของพวกเขาได้
“คุณยังจำชื่อพวกเราได้ คุณโรดส์”
นักดาบที่ชื่อว่าเฮนรี่ยิ้มและพูดออกมา
เฮนรี่เป็นคนที่อยู่กลางสนามรบในสุสานพาเวล เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของโรดส์ เพราะเขาเคยเห็นโรดส์สั่งการและเอาชนะเนโครแมนเซอร์มาได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสนับสนุนให้มีการเจรจาในครั้งนี้
“แน่นอน ผมจำได้”
“แต่ผมคิดว่าคนที่สร้างความประทับใจอย่างสุดซึ้งไว้จะอยู่ที่นี่ด้วยซ่ะอีก?”
ชอว์น่าและคนอื่นๆต่างยิ้มออกมาอย่างหน้าเสีย พวกเขารู้ดีว่าโรดส์กำลังพูดถึงใคร โชคดีที่เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ไม่เช่นนั้น ชอว์น่าคงไม่สามารถมาพบโรดส์ได้แน่นอน
“ถ้าคุณกำลังพูดถึงบาร์นนี่…คุณไม่ต้องมองหาเขาหรอกค่ะ เพราะว่าเขาได้ออกจากกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราไปแล้ว”
“อ้าว?”
โรดส์แปลกใจเล็กน้อย
“นั่นไม่น่าใช่นะ เขาออกจากกลุ่มไปทำไมล่ะ?”
ชอว์น่าได้เตรียมตอบคำถามนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงส่งสัญญาณมือให้โรดส์นั่งลงและเริ่มอธิบาย
“ก่อนที่พวกเราจะมาพบกับตาแก่วอร์คเกอร์ พวกเราได้รับคำเชิญจากกลุ่มเจดเทียร์ บาร์นนี่ค่อนข้างสนใจในคำเชิญนี้ แต่พวกเราทั้งสี่ไม่เห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้เขาเดินทางไปในเส้นทางที่เขาต้องการ ซึ่งเขาได้ออกจากกลุ่มไป”
อย่างไรก็ตาม ชอว์น่าอธิบายความจริงเพียงครึ่งเดียว หลังจากศึกที่สุสานพาเวล เรดฮอว์คได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้าของชอว์น่าจึงสั่นคลอน การเป็นทหารรับจ้างผู้หญิงทำให้เธอมีจุดอ่อน และตอนนี้มีอีก 2 คนที่ตายลงภายใต้การนำของเธอ ตำแหน่งของเธอจึงเริ่มไม่มั่นคง
ชอว์น่าวางแผนจะฟื้นฟู ก่อนที่จะเริ่มรับสมัครสมาชิก แต่เธอไม่คิดว่าผู้ติดตามของเธอจะทรยศในช่วงเวลาที่เธอตกต่ำ บาร์นนี่ทำการแข็งข้อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาได้มาหาชอว์น่าเป็นการส่วนตัวและขอให้เธอมอบตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มมาให้กับเขา
บาร์นนี่สัญญาว่าเขาจะพัฒนากลุ่มทหารรับจ้าง แต่ชอว์น่าเข้าใจสิ่งที่บาร์นนี่คิด เป็นธรรมชาติที่เธอจะปฏิเสธข้อเสนอนี้และส่งผลให้บาร์นนี่โกรธ
ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอสรุปได้เลยว่าเขาตั้งใจจะขายกลุ่มของเธอให้กับเจดเทียร์เพื่อแลกกับเงินก่อนโต อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่สุสานพาเวล เธอเริ่มระมัดระวังคนที่มักยื่นข้อเสนอที่ดีมากเกินไป ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริง
ดังนั้นหลังจากที่จบความสัมพันธ์ของพวกเขา บาร์นนี่ได้พาผู้ติดตามของเขาออกไปจากเรดฮอว์คและเดินทางไปที่เจดเทียร์ นั่นเป็นเหตุผลที่เหลือพวกเขาเพียง 4 คนเท่านั้น แน่นอน นี่ทำให้ชอว์น่าโกรธแค้นอย่างมาก แต่เมื่อชายชราวอร์คเกอร์ได้เข้ามาหาเธอ แม้ว่าจะเป็นเพียงประกายแสงท่ามกลางความมืดมิดรอบตัวเธอ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนี่เป็นเรื่องลับ ชอว์น่าไม่ได้วางแผนทำให้ความสัมพันธ์นั้นดีขึ้นระหว่างการเจรจา โรดส์เองก็ไม่ชอบยุ่งกับปัญหาภายใน ดังนั้นพวกเขาทั้งคู่จึงเข้าประเด็นหลักในการเจรจา
“พูดตรงๆเลยนะ”
โรดส์ยืดมือออกและจับไปที่แก้วไวน์บนโต๊ะ
“จำนวนคนของคุณมีไม่มาก…ผมไม่รู้ว่าคุณสามารถรับมือกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงได้ไหม….”
“ฉัน….เข้าใจค่ะ”
ชอว์น่าได้เตรียมใจเรื่องการถูกปฏิเสธไว้แล้ว เธอรู้ดีว่าเธอไม่อาจเทียบกับจอมเวทย์อย่างมาร์ลีนในการสร้างความเสียหาย หรือเทียบกับแอนที่เป็นตัวชนได้
พวกเขาเหลือเพียง 4 คนในกลุ่มเรดฮอว์ค ชอว์น่าและเฮนรี่ต่างเป็นนักดาบ มาร์ลีนเป็นนักรบโล่และคนสุดท้าย เลวี่ เป็นบาบาเรี่ยน
ถ้าพวกเขาถูกจัดอันดับตามระดับพลังของพวกเขา ชอว์น่าอยู่อับดับสูงสุด คนอื่นๆสูงกว่าหรือต่ำกว่านิดหน่อย แต่ชอว์น่ารู้ดีว่าเธออาจจะอยู่ในระดับสูงในกลุ่มทหารรับจ้างของเธอ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มของโรดส์ เธอเปรียบได้กับเศษขยะ
ถ้าเป็นแบบนั้น หน้าที่อะไรที่เขาจะมอบให้กลุ่มของเธอ ถ้าพวกเขาถูกรวมกลุ่มเข้าไป?
ชอว์น่ารู้สึกคิดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทว่าโรดส์กลับทำให้คลายความกังวลทั้งหมดของเธอทันที
“ผมคิดว่าคุณกังวลเรื่องที่สตาร์ไลท์มีขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อพวกเราออกทำภารกิจ จะไม่มีใครเพื่อป้องกันฐานบัญชาการของพวกเรา เรื่องนี้อยู่ในใจผมมาได้สักพักแล้ว ดังนั้นถ้าคุณไม่มีปัญหากับการป้องกันฐานบัญชาการ ผมก็ยินดีต้องรับพวกคุณครับ”
ชอว์น่าและคนอื่นๆยังไม่ได้ตอบอะไร พวกเขาจิบไวน์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปรึกษากัน
“ฉันขอบคุณในความเชื่อใจของคุณ แต่….ไม่มีหน้าที่ที่มันหนักกว่าให้พวกเราเหรอคะ?”
เพียงแวบแแรก มันดูเหมือนว่าการคุ้มกันฐานบัญชาการเป็นความคิดที่ไร้สาระมากและอาจจะเป็นหน้าที่ที่สำคัญน้อยที่สุดในบรรดาหน้าที่อื่นๆ แต่ในทางตรงกันข้าม บางคนคิดว่าฐานบัญชาการเป็นแกนกลางของกลุ่มทหารรับจ้าง มีเพียงสมาชิกที่ได้รับความไว้วางใจเท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาตให้คุ้มกันฐานบัญชาการ ขณะที่หัวหน้าไม่อยู่ ดังนั้นสิ่งที่ชอว์น่ากังวลยังมีอยู่ แม้ว่าเธออาจจะมีความสัมพันธ์กับไลซ์ แต่นั่นไม่ได้ทำให้โรดส์เชื่อใจพวกเธอ100% พวกเขาไม่กลัวว่าพวกเธอจะใช้โอกาสนี้แสดงลวดลายในช่วงเวลาที่โรดส์ไม่อยุู่รึ?
แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอคาดคิด โรดส์เหมือนว่าจะไม่ได้กังวลอะไรเลย
“ผมบอกไปแล้วว่าพวกเรากำลังขาดกำลังคน และเนื่องจากคุณเต็มใจที่จะหารือเรื่องพวกนี้กับผม ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ทำเรื่องเลวร้ายหรอก ยิ่งไปกว่านั้น หน้าที่สำคัญนี้จะผลัดกับรับผิดชอบไม่ใช่พวกคุณทั้งสามคน เมื่อถึงเวลา พวกเขาทั้งสามจะอยู่ภายใต้การสั่งการของคุณ ผมมั่นใจว่าคุณสามารถใช้งานพวกเขาได้ดีเพราะคุณเคยมีประสบการณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมาก่อน”
“….”
ชอว์น่าอยากจะพูด แต่เธอลังเล
ถ้าเธอไม่เคยพบกับโรดส์มาก่อน เธอจะคิดว่าเขาล้อเล่น โรดส์ยื่นข้อเสนอมห้เธอได้ทำหน้าที่ที่สำคัญมากที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้าง อย่างไรก็ตาม เธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้งั้นรึ? เธอไม่เคยแม้แต่เข้าร่วมกลุ่มสตาร์ไลท์ด้วยซ้ำ!
ผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวผมแดงครุ่นคิดอย่างหนัก
อีกด้านหนึ่งโรดส์นิ่งเงียบและรอให้ชอว์น่าตัดสินใจ มันไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าเธอกังวล แต่เป็นเพราะระบบแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมา เขามีวิธีสังเกตการณ์ฐานบัญชาการของเขาได้ตลอดเวลาที่เขาต้องการ ในอีกความหมายหนึ่ง ถ้าชอว์น่าทำอะไรไม่ดี โรดส์จะได้รับแจ้งเตือนในทันทีและระบบความปลอดภัยจะทำงานโดยการขังทุกคนไว้ด้านใน
ดังนั้นเขาไม่ต้องกังวลเรื่องใครจะพยายามทำลายฐานบัญชาการของเขาจากด้านใน กลับกันเขากังวลว่าคนด้านนอกจะโจมตีเข้ามาจากด้านนอก แม้ว่าฐานบัญชาการจะมีการป้องกันที่แน่นหนาและยากที่จะทำลาย ถ้ามีคนๆหนึ่งโจมตีฐานบัญชาการอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีใครหยุดพวกเขา มันถือได้ว่าเป็นหายนะ มันก็ไม่มีความหมายที่จะเปิดระบบความปลอดภัยถ้าไม่มีคนอยู่ด้านใน
กลุ่มทหารรับจ้างเรดฮอว์คของลอว์น่าอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา แต่ตอนนี้มันเป็นวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุด
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่ยืนยันข้อเสนอของโรดส์ ชอว์น่าหันหน้าไปหาสมาชิกของเธอและพูดคุยกันด้วยสีหน้าจริงจัง
จากนั้นครู่หนึ่ง เธอหันหน้ากลับมาหาโรดส์และพูดขึ้น
“เนื่องจากคุณโรดส์ได้เชื่อใจในตัวพวกเรา ทำให้พวกเราไม่สามารถปฏิเสธความเมตตาของคุณได้ พวกเรารับประกันว่าพวกเราจะทำหน้าที่ป้องกันฐานบัญชาการให้ดีที่สุดค่ะ!”
เมื่อได้ยินการตอบรับของชอว์น่า โรดส์พยักหน้าอย่างพึงพอใจในการตัดสินใจของเธอ จากนั้นเขาบุกขึ้นและจับมือกับเธอ
“เยี่ยม งั้นก็ยินดีต้อนรับพวกคุณเข้าสู่สตาร์ไลท์นะครับ”
เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน รายละเอียดที่เหลือไม่ได้ยากอีกต่อไป จากนั้นพวกเขาตกลงกันเรื่องค่าตอบแทนและเงินเดือน
แต่ละเดือน ชอว์น่าและคนอื่นอีก 3 คนจะได้รับ 10 เหรียญทองขณะเดียวกันมันน้อยกว่าที่พวกเขาได้รับมาก่อน แต่มันเป็นเงินเดือนที่ไม่เลวเพราะหน้าที่ที่ได้รับมีความเสี่ยงต่ำ ในทางกลับกัน ถ้าชอว์น่าและคนอื่นๆละเลยหน้าที่ของพวกเขาและทำให้กลุ่มทหารรับจ้างเกิดความเสียหาย พวกเขาต้องชดเชยด้วยเงินส่วนของพวกเขา มันเป็นตรรกะที่เข้าใจได้ ตอนนี้ขั้นตอนสุดท้ายคือชอว์น่าได้ส่งเอกสารการยุบกลุ่มไปที่สมาคมทหารรับจ้างและรายงานว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างสตาร์ไลท์ในเวลาต่อมา
เมื่อถึงเวลาเซ็นเอกสารยุบกลุ่ม ชอว์น่าแสดงสีหน้าลังเล เนื่องมาจากเธอใช้เวลาหลายปีในการก่อตั้งกลุ่มเรดฮอว์ค เธอทำเพื่อพิสูจน์ว่าเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกผู้ชายเพื่อที่จะแข็งแกร่ง เธอทำงานหนักเป็นสองเท่าเพื่อสร้างชื่อให้กับกลุ่มทหารรับจ้างของเธอ แต่ท้ายที่สุดความเป็นจริงก็ได้ตอกหน้าของเธอ
มือของชอว์น่าที่กำลังถือปากกาอยู่นั้นหยุดเคลื่อนไหว เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังโรดส์ที่ยืนข้างเธอ
ชายคนนี้จะแตกต่างจากคนอื่นๆไหม?
เขาโน้มน้าวใจไลซ์ได้ ดังนั้นเขาต้องมีบางสิ่งที่ทำให้คนอื่นๆติดตามเขา แต่….เธอเห็นอะไรในตัวเขากัน?
คิดตอนนี้ไปก็ไร้ความหมาย
หลังจากนั้นไม่นาน ชอว์น่ากัดริมฝีปากและเซ็นชื่อลงไปในกระดาษทันที
ต่อจากนี้ไป กลุ่มทหารรับจ้างเรดฮอว์คถูกยุบอย่างเป็นทางการ
เมื่อชอว์น่าออกจากสมาคมทหารรับจ้าง เห็นได้ชัดเลยว่าสีหน้าของเธอเหนื่อย แต่เธอยังคงสีหน้าสงบนิ่งไว้
“ตอนนี้คุณเป็นหัวหน้าของฉันแล้วนะคะ คุณโรดส์”
ชอว์น่ายิ้มออกมาอย่างขมขื่นและตบไปที่ไหล่ของโรดส์
“หลังจากเก็บของเสร็จ มาที่ฐานบัญชาการของผม ผมจะพาคุณดูรอบๆ คุณน่าจะรู้ตำแหน่งของบ้านนะ”
หลังจากคุยกับโรดส์เสร็จ ชอว์น่าหันกลับและเดินออกไป แต่เดินออกไปได้ไม่นาน น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ
“พี่ใหญ่? ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่?”
เมื่อเธอได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของชอว์น่าเปลี่ยนไปทันที โรดส์ขมวดคิ้วและหันกลับไปมอง
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาเธอ เขาสวมชุดเกราะหนังใหม่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อมองเห็นหญิงสาวผมแดง
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่? พี่จะมารับภารกิจเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่เรื่องของแก บาร์นนี่”
รอยยิ้มของหญิงสาวหายไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ข้าแค่ถาม….”
ปากของบาร์นนี่สั่นเทาเมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเธอ จากนั้นเขามองไปยังโรดส์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ ทำไมพี่มากับไอ้…เจ้านี่เนี่ย?”
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของแก บาร์นนี่”
ชอว์น่าพูดประโยคเดิมด้วยความเย็นชา
“แกไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรดฮอว์คแล้ว แกจะมากวนฉันทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น เรดฮอว์คถูกยุบไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นสมาชิกของสตาร์ไลท์”
“อะไรนะ!?”
บาร์นนี่สะดุ้งโหยงราวกับแมวถูกเหยียบหาง
“พี่ใหญ่ พี่กำลังจะบอกว่าพี่ยุบกลุ่มเรดฮอว์คเพื่อไปเจ้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างของไอ้***นี่เหรอ? พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง? พี่ยอมแพ้ต่อกลุ่มเรดฮอว์คยังงี้แล้วข้า…”
“หุบปาก!! แกไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มเรดฮอว์ค เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้น!”
“มีสิทธิ์เหรอ?”
สีหน้าของบาร์นนี่มืดมน
“พี่พูดแบบนี้กับข้าเสมอ….บอกข้าว่าข้าไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น ข้าไม่ได้กำลังพูดความจริงงั้นรึ?! มันเป็นเพราะพี่ปฏิเสธข้าตลอด! แม้แต่ตอนที่ข้ายังอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างของพี่ พี่ก็บอกให้ข้าหุบปากตลอดและบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์พูด ตอนนี้ข้าไม่ได้สมาชิกในกลุ่มอีกแล้ว พี่ยังมาบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์พูดสิ่งที่ข้าคิดเหรอ? จริงๆแล้วพี่ต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาบอกว่าให้ข้าพูดอะไร!”
บาร์นนี่ยื่นมือออกมาและชี้ไปที่โรดส์
“ข้าจะพูดตอนนี้ กลุ่มทหารรับจ้างขยะของไอ้***นี่ไม่มีอะไรเทียบได้กับกลุ่มเจดเทียร์ ข้าพูดถูกใช่ไหม?”
“ใช่!”
“ใช่แล้ว!”
ผู้คนที่ติดตามบาร์นนี่เริ่มเห็นด้วย
“แล้วมีใครอยากเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างขยะอย่างสตาร์ไลท์บ้างไหม?”
“เฮ้….ไม่แน่ ไอ้เจ้านั่นอาจใช้หน้าสวยๆของมันยั่วยวนคนอื่นก็ได้มั่ง? ดูหน้าของมันดิ มันเหมือนกับเด็กสาวไม่มีผิดใช่ไหม?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!! แม่งเหมือนผู้หญิงจริงๆว่ะ! บางทีมันอาจจะเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาก็ได้! ไม่ใช่ว่ามันเป็นผู้หญิงไม้กระดานนะเลยปลอมตัวมาเป็นผู้ชายน่ะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกชะมัด ยังไงก็เถอะ ผู้หญิงหน้าอกไม้กระดานยังไงก็ยังเป็นผู้หญิง คนแบบนี้ต้อง….”
ก่อนหน้าที่ชายคนนั้นจะพูดจบ ประกายแสงสีแดงตัดผ่านหัวของชายคนนั้น ในพริบตา ศีรษะครึ่งหนึ่งของชายคนนั้นปลิวลอยไปในอากาศตามมาด้วยเศษสมองที่สาดกระจายไปทั่ว ร่างของเขายังคงยืนนิ่งด้วยท่าทางหยาบคาย แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันร่วงล้มลงไปกับพื้น
ตายไปแล้ว!!
ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปยังศพด้วยสายตาไม่เชื่อ
“แค่ระดับ 5 รึ? ฮืม ได้ค่าประสบการณ์แค่ 5 เอง พวกกระจอกนี่หว่า”
โรดส์ตวัดดาบของเขาอีกครั้งเพื่อสลัด ‘คราบเลือดสกปรก’ ออกไปจากตัวดาบของเขา จากนั้นเขาแสยะยิ้มออกมาและจ้องมองไปยังพวกที่เหลือ ทำให้คนที่เหลือเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง
“เจ้-เจ้า เจ้าทำอะไรไปลง!!”
บาร์นนี่ในที่สุดก็นึกได้ เขาหยุดหันไปมองศพและชี้นิ้วไปยังโรดส์ด้วยความโกรธแค้น แต่ในเวลาเดียวกัน เขาพยายามถอยหลังเพื่อหนีจากเขา มันไม่ใช่เพราะเขาอยากไปรวมกลุ่มกับพวกผู้ติดตามเขา แต่เพื่อให้ตัวเขาปลอดภัย
“เจ้ากล้าฆ่าคนในที่วสาธารณะ!! เจ้ารู้ไหมเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างเจดเทียร์?! ทำแบบนี้มันไม่ต่างจากการประกาศสงครามเลยนะ!”
“ฆ่าคนรึ?”
โรดส์มองไปยังศพนั้นและเอียงหัวเล็กน้อย และยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“ผมเห็นเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง ผมไม่เห็นใครที่คุณพูดถึงเลย…รวมถึงคุณด้วย”
โรดส์ก้มหน้าลงเล็กน้อยและมองไปยังบาร์นนี่อย่างน่าหวาดกลัว ริมฝีปากด้านหนึ่งแสยะออกมาราวกับปีศาจ
“เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของโลกใบนี้ และในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ผมเลยมีหน้าที่จัดการหมาขี้เรื้อนที่มันอาจจะไปทำให้หมาตัวอื่นๆติดเชื้อ….ด้วยโรคของพวกมัน”
โรดส์เดินตรงไปที่บาร์นนี่
“และสำหรับคุณ….บางทีคุณอาจจะลืมความเจ็บปวดครั้งก่อนสินะ คุณบาร์นนี่? ของขวัญของผมมัน คุณคงลืมมันไปง่ายๆ คุณคิดว่าผมควรมอบบางอย่างเพื่อเตือนให้คุณจำผมได้…ตลอดไปเลยดีไหม?”
“อ่า…อ่า….”
ลิ้นของบาร์นนี่แข็งขึ้นมาทันที ขณะที่โรดส์เดินเข้ามาทีละก้าวและพบว่าตัวเองตัวแข็งทื่อ แม้ว่าเขาจะมีจำนวนคนมากกว่าโรดส์ เขายังคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยเลย จากการรับรู้ของเขา ประกายตาที่เย็นชาในดวงตาคู่นั้นเหมือนกับมอนสเตอร์ที่สามารถฆ่าเขาได้ในพริบตาโดยไม่เสียเหงื่อเลยแม้แต่น้อย
“ปะ-ปะ…ไป…”
ฟันของเขาสั่นรัวราวกับมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงสองคำ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่สามารถพูดมันออกไปได้
บัดซบ!! บัดซบ!! บัดซบ!!
โรดส์เดินเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น บาร์นนี่เริ่มรู้สึกได้ถึงบาดแผลก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับการรักษาแล้วเริ่มกลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง
เหงื่อมากมายไหลท่วมหน้าผากของเขา แต่เขายังคงไม่สามารถขยับได้
ข้ากำลังจะตายงั้นรึ?
วืดดด!!
ทันใดนั้นเงาสีดำปรากฎขึ้นด้านหลังโรดส์ ในพริบตา กริชแหลมคมพุ่งตรงมายังแผ่นหลังของโรดส์
ในวินาทีที่กริชจะถึงแผ่นหลังของเขา เขาหายตัวไปและปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งด้านหลังมือสังหาร มือของเธอชาและสูญเสียการควบคุมกริชไปและทำให้มันร่วงลงสู่พื้น
ไม่ดีแล้ว!
เมื่อรับรู้ว่าการโจมตีของเธอล้มเหลว เธอวางแผนจะถอย แต่ก่อนที่เธอจะสามารถทำได้ วินาทีถัดมา เธอพบว่าตัวเองถูกตรึงไว้กับกำแพงแน่น
“นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ดูเหมือนจะมีอีกคนที่ไม่เข้าใจบทเรียนนี้”
เขามองไปยังเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่ถูกตรึงติดกำแพง
“ผมไม่คิดว่าคุณเองก็มาเข้าร่วมกับเจดเทียร์เหมือนกัน ดูเหมือนว่ากลุ่มนี้จะเต็มไปด้วยพวกขยะทั้งนั้น พวกมันรับทุกคนเลยสินะ”
“อั่ก…อั่ก….”
ขาทั้งสองข้างของเธอเตะเข้าไปที่กำแพง มือของเธอพยายามขัดขืนมือของโรดส์ที่จับอยู่ อีกด้านหนึ่ง โรดส์ไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว เขาหันกลับไปมองบาร์นนี่
“เธอเป็นพรรคพวกของคุณสินะ? งั้นผมควรเริ่มจากเธอก่อนดีไหม?”
“ห-หยุดนะ!! ปล่อยเธอไป!”
แม้ว่าคำพูดของโรดส์จะปลุกเขาขึ้นมา บาร์นนี่รวบรวมความกล้าและดึงดาบออกมา และชี้ไปที่โรดส์
“เร็ว ปล่อยเธอไป! ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ออมมือแล้วนะ!”
“ลูกผู้ชายพูดน้อยๆและทำให้มันเยอะๆ”
โรดส์ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาเมื่อเห็นจุดอ่อนของบาร์นนี่ มือของเขาบีบคอของเธอแน่นขึ้น ส่งผลให้ร่างของเด็กสาวลอยขึ้นไปกลางอากาศ เรี่ยวแรงของเธอเบาบางลง ขาของเธอก่อนหน้านี้ที่เตะไปที่กำแพง ตอนนี้เริ่มอ่อนปวกเปียก
“ทุกไป! ไป!!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น บาร์นนี่ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาชูดาบขึ้นและส่งคำสั่งโจมตี เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่ง ทหารรับจ้างคนอื่นๆก็ชักดาบออกมาและวิ่งตรงไปยังโรดส์
ไม่ชั่วขณะนั้น เสียงทุ่มระเบิดดังออกมา
“ทุกๆคน หยุด!!!!!”