Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 120
120 – ช่วยเหลือคนของฮิลเลอร์(1)
“นี่มันอะไร?”
ไลซ์คิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองลาปิสซึ่งกำลังดึงฮู้ดขึ้นปกปิดทั้งร่างของเธอ ทุกครั้งที่เขามองลาปิส เขาอยากจะบ่นเธอว่าทำไมเธอถึงกลัวเขา หรือเธอกลัวว่าเขาจะกินเธอ?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาบ่น
“เข้าใจแล้ว เธอกลับไปได้แล้ว จำไว้ อย่าลืมทำหน้าที่ของตัวเอง”
“ค่ะ หัวหน้า”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของโรดส์ ลาปิสถอนหายใจลึก เธอวิ่งออกไปจากเต๊นท์ของโรดส์ราวกับโจร เมื่อมองไปยังร่างที่กระวนกระวายของเธอ โรดส์อดถอนหายใจและไม่พูดอะไรออกมา
สภาพของไลซ์เป็นไปอย่างที่เขาคิด มีบางอย่างที่เธอไม่สามารถปรับตัวได้ แม้ว่าไลซ์จะพยายามทำดีที่สุด แต่ท้ายที่สุดเธอก็ยังไม่สามารถเดินออกมาจากเงามืดในจิตใจของเธอได้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากแม้ว่าไลซ์จะคิดว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว แต่เธอยังพยายามหลีกเลี่ยงทุกสิ่ง ตอนนี้เมื่อเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาตรงหน้าได้ เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับมัน แม้ว่ามาร์ลีนจะบอกว่าเธอนั้นช่วยได้ แต่โรดส์ไม่คิดว่ามาร์ลีนทำได้ เพราะมาร์ลีนไม่เคยมีประสบการณ์กับมันมาก่อน ดังนั้นแน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจว่าไลซ์รู้สึกอย่างไร โรดส์คิดว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกใบนี้คือเมื่อคนๆหนึ่งไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กลับเอาแต่พูดว่า “ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ” กับอีกคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงปกติ มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากเนื่องจากพวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์กับมันมาก่อน พวกเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเข้าใจได้อย่างไร?
แต่ด้วยความช่วยเหลือของโรดส์ที่บอกเธอได้ไม่มาก เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ถ้าตัวไลซ์เองไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้ จะไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้อีกต่อไป โรดส์เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ไลซ์ผ่านจุดๆนี้ไปได้ด้วยตัวเธอเอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสดีมากอยู่ตรงหน้าเขา
หลังจากที่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างเบิร์นนิ่งเบลดได้เผชิญหน้ากับอันตราย โรดส์ได้ตัดสินใจช่วยพวกเขาในทันที แม้ว่ามันจะอันตราย แต่มันยังเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ฝึกฝนผู้ติดตามของเขา ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเหตุการณ์เรือบินล่ม โรดส์เคยสงสัยว่าอสรพิษลมพวกนั้นถูกควบคุม มันแปลกเกินไปที่เบิร์นนิ่งเบลดจะถูกโจมตีในเวลาแบบนี้ บางทีพวกเขาอาจจะเผชิญหน้ากับคนที่ควบคุมอสรพิษลมและถูกล้อมเอาไว้ โดยปกติกลุ่มอสรพิษลมทั่วไปอาจจะมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันตัว ในกรณีนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ล้างแค้น เขาจะไม่ปล่อยตัวการที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไปได้ง่ายๆแน่
เมื่อโรดส์ถูกส่งมาที่โลกใบนี้พร้อมบาดแผลสาหัส เขายังสามารถฝ่าวงล้อมของศัตรูและหลบหนีออกมาได้ ตอนนี้โรดส์ไม่ได้ ‘อ่อนแอ’ เหมือนแต่ก่อน เขาเลื่อนระดับขึ้นมาแล้วและเขามั่นใจว่าเขามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับพวกมัน แลกนอกเหนือจากนั้นเขายังมีไพ่ลับ….
หลังจากได้พักมาตลอดทั้งวัน ลาปิสได้ทำภารกิจที่โรดส์มอบให้เสร็จ ขอบตาดำสองชั้นปรากฎขึ้นใต้ดวงตาของเธอ เธอส่งกระเป๋าที่เต็มไปด้วยโพชั่นมาให้โรดส์ ปกติแล้ว ลาปิสที่น่าสงสารมีแผนจะนอนต่อหลังจากนั้น แต่เธอไม่คิดว่าหลังจากที่โรดส์ได้รับโพชั่นจากเธอ เขาจะบอกให้ออกเดินทาง เมื่อเผชิญหน้ากับความเลวร้ายตรงหน้า ลาปิสจึงได้แต่ทำตามคนอื่นและเริ่มออกเดินทางต่อด้วยความขมขื่น
อีกด้านหนึ่งแล้ว ไลซ์ดูเหมือนว่าจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ในขณะนั้น เธอกำลังเดินอยู่ข้างลาปิสที่กำลังฟื้นฟูพลังงานของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากปกติ
“ฉันไม่คิดเลยว่าลุงนั่นจะตกอยู่ในอันตราย….”
ด้านหลังโรดส์ แอนที่ดูปกติ เธอกำลังกัดแอปเปิ้ลที่เธอเด็ดมาจากไหนก็ไม่รู้และพูดขึ้น
“เธอรู้จักเขาเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของแอน มาร์ลีนถามขึ้นมาอย่างสงสัย ขณะที่กำลังถือคทาอยู่ในมือ
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไง ฉันเคยเจอเขาไม่กี่ครั้งกับหัวหน้าคนก่อนน่ะ เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก เขามีสีหน้าเรียบเฉยตลอดและไม่แม้แต่จะพูดสักนิด ฉันจำได้ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขาพูดเพียงคำว่า “อือ” เป็นคำตอบให้กับลูกน้องของเขา บอกตรงๆ ในตอนนั้นฉันคิดว่าเขาเป็นใบ้”
แอนหัวเราะออกมา
“เขาเป็นตาลุงที่น่าทึ่งมาก ฉันคิดว่าเขาเกือบจะเหมือนกับหัวหน้ามากเลยล่ะ? เขาเองก็แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะดาบของเขา ใช่แล้ว แข็งแกร่งมากๆ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนประเภทที่ไม่แม้แต่จะเมตตาต่อผู้หญิงเหมือนกับหัวหน้า…ใช่แล้ว ฉันคิดว่าหัวหน้าน่าจะเข้ากับเขาได้ดีเลยล่ะ?”
“ห๊าา….” เมื่อได้ยินคำตอบของแอน มาร์ลีนมองไปยังโรดส์ด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่ไม่ได้พูดอะไร
โรดส์ได้ปฏิเสธคำขอของทหารับจ้างคนนั้นที่ขอร้องเขา ทหารรับจ้างคนนั้นขอร้องให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากสมาคมทหารรับจ้าง แต่ในความคิดของโรดส์ มันเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก เมื่อพวกเขาออกไปจากป่าราตรีและกลับมาพร้อมกับกำลังเสริมจากสมาคมทหารรับจ้าง บางทีกลุ่มทหารรับจ้างเบิร์นนิ่งเบลดอาจจะกลายเป็นเพียงตำนานไปแล้ว เนื่องจากอสรพิษลมนั้นเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำและจัดการได้ง่ายกว่าอันเดด โรดส์จึงตัดสินใจให้ทหารรับจ้างคนนั้นพาพวกเขาไปยังตำแหน่งของกลุ่มทหารรับจ้างเบิร์นนิ่งเบลด เพื่อไปช่วยพวกเขา
แม้ว่าทหารรับจ้างคนนั้นจะสงสัยและลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่เขารู้ว่าถ้าเขากลับไปขอความช่วยเหลือที่สมาคม มันอาจจะสายเกินไป มันดีกว่าที่เขาจะให้พวกเขาลองดูก่อน เนื่องจากโรดส์ได้ช่วยเหลือ ‘วิคตอเรียส ไวน์’ ไว้จากสันเขาแห่งความเงียบ เขาควรที่จะแข็งแกร่งระดับหนึ่ง
หลังจากที่เร่งรีบมาตลอดทั้งวัน โรดส์และคนอื่นๆก็มาถึงตำแหน่งนั้น
“ที่..ที่นี่แหละ”
เมื่อชี้ไปยังป่าที่อยู่ไม่ไกลจากเขา ทหารรับจ้างคนนั้นปาดเหงื่อและพูดออกมา
“หัวหน้าและคนอื่นๆติดกับดักอยู่ด้านใน ถ้าพวกเราไม่รีบ….”
ในความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะไม่พูด ทุกๆคนก็สังเกตได้จากภาพแปลกประหลาดในป่า
อสรพิษลมจำนวนมหาศาลกำลังก่อตัวขึ้นกลางอากาศและปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนือป่าราวกับกลุ่มก้อนเมฆ พวกมันหมุนเป็นวงกลม จากรอบๆ พวกมันสามารถถูกมองเห็นได้อย่างชัดเจน
อย่างที่คิด พวกมันถูกควบคุมโดยใครบางคน
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า โรดส์มั่นใจมากว่ามันไม่ใช่ภัยธรรมชาติแต่เป็นฝีมือของมนุษย์ นี่เกิดขึ้นจากจอมเวทย์ที่มีพันธะ ซึ่งการควบคุมกลุ่มของมอนสเตอร์จำนวนมากต้องควบคุมจากดวงวิญญาณของหัวหน้า มันแทบจะเหมือนกับนักดาบอัญเชิญ เนื่องจากพวกมันเองก็อาศัยจำนวนในการเอาชนะ สิ่งที่แตกต่างไปจากนักดาบอัญเชิญคือพวกมันไม่สามารถใช้ความสามารถของมอนสเตอร์ได้อย่างอิสระ การควบคุมมอนสเตอร์หลายหมื่นตัวแบบนี้สามารถทำได้ในป่าเท่านั้น และพวกมันต้องมั่นใจว่ามอนสเตอร์ที่มันทำพันธะด้วยยังไม่ตาย ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงแต่เหล่ามอนสเตอร์จะไม่ทำตามคำสั่งแล้ว แต่มันจะโจมตีจอมเวทย์กลับ
“นั่นเป็นจอมเวทย์พันธะ”
มาร์ลีนสังเกตได้อย่างรวดเร็ว เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปอย่างหวาดระแวง
“พวกเราสามารถหาตัวมันได้ไหม? เนื่องจากเขาสามารถควบคุมมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลได้ บางทีมันอาจจะเป็นถึงจอมเวทย์วงเวทย์ขั้นกลางที่ 3 และมอนสเตอร์ที่มันควบคุมอาจจะเป็นมอนสเตอร์ระดับผู้บัญชาการ”
“ไร้ประโยชน์ แม้ว่าพวกเราจะหาตัวมันได้ มันก็ไม่ปล่อยเราไปหรอก”
โรดส์ส่ายหัสและปฎิเสธความคิดของมาร์ลีน แม้ว่ามันจะเป็นกฎเหล็ก-จะยิงคน-ต้องยิงม้า จะจับโจร-ต้องจับหัวหน้า แต่มันก็ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เรื่องจากมีอสรพิษลมมากมาย ถ้าพวกเขาไม่สามารถโจมตีได้ก่อน พวกเขาจะเป็นฝ่ายถูกไล่ให้จนมุมและโรดส์ไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึัน
“เป้าหมายของพวกเราคือไปรวมกลุ่มกับเบิร์นนิ่งเบลดก่อน ด้วยความช่วยเหลือของฮิลเลอร์ มันเป็นเรื่องง่ายที่เราจะจัดการกับพวกมัน พวกเราเองก็ต้องเตรียมพร้อม เมื่อเริ่มมืด เราจะเริ่มเคลื่อนไหว”
อาจบอกได้ว่าฮิลเลอร์เป็นคนที่ฉลาดมาก การถูกล้อมโดยงูจำนวนมหาศาล เขายังสามารถสงบสติอารมณ์และพาลูกน้องของเขาฝ่าพุ่มไม้หนาและต้านทานการโจมตีของศัตรูออกไปได้ มันเป็นการตัดสินใจที่ยากเพราะเมื่อผู้คนเห็นจำนวนของอสรพิษลม พวกเขามักจะหวาดกลัวจนไปกล้าทำอะไร
ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างอันดับ 1 ในเขตภาฟิวด์จะแข็งแกร่งสมชื่อ
เมื่อเขาออกคำสั่งออกไป โรดส์จะมองไปยังไลซ์ ในเวลานี้ สีหน้าของเธอราบเรียบมากและนั่งอยู่ข้างเขาเงียบๆ สายตาของเธอซับซ้อนเล็กน้อย ขณะที่มองไปยังฝูงอสรพิษงูที่อยู่ไกลออกไป โรดส์ได้ไม่เข้าไปปลอบเธอโดยตรง เขาเข้าใจว่าถ้าไลซ์สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ตกดึก
ภายใต้คำสั่งของโรดส์ ทหารรับจ้างคนนั้นที่เตรียมตัวมาเป็นเวลานานได้ออกมาทันที พวกเขาลอบเข้าไปในป่าและลอบเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆโดยอาศัยพุ่มไม้และกิ่งไม้ป้องกันการมองเห็นของอสรพิษลม ในตอนแรก สิ่งเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่น อสรพิษลมพวกนี้บินอยู่บนอากาศและไม่คิดจะเข้ามาตรวจสอบในป่าเลยแม้แต่น้อย ในความคิดของพวกเขา พื้นที่แคบๆนั้นอันตรายมากและทำให้เคลื่อนไหวได้ยาก นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาจึงเคลื่อนที่ไปบนพื้น ป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้และพุ่มไม้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เร็วๆนี้ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับอันตราย
เมื่อพวกเขาเข้าไปลึกขึ้น จำนวนของอสรพิษลมเริ่มมากขึ้น พวกมันไม่ได้เข้ามาโจมตีโรดส์ ในทางตรงกันข้าม พวกมันอยู่ที่นี่เพื่อโจมตีศัตรูที่เข้ามา
“ไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะ คุณโรดส์”
มาร์ลีนยกไม้คทาขึ้นและขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงกระพือปีกและเสียงคำรามไม่ไกลจากป่า มาร์ลีนพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจ “แม้ว่าจะอ้างอิงตามหนังสือ อสรพิษลมพวกนี้มีการมองเห็นในตอนกลางคืนแย่มาก แต่พวกมันก็ยังมีประสาทการได้ยินที่ดีมาก ในป่าใหญ่แบบนี้ พวกเรา…”
“ไม่ต้องกังวลไป ผมเตรียมการไว้แล้ว”
โรดส์หยิบโพชั่นออกมา 4 ขวดจากกระเป๋า หลังจากนั้นเขาส่งใช้ชอว์น่า แอนและแรนดอฟ
“เปิดมัน”
หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของโรดส์ ทั้งสามรีบเปิดขวดออกอย่างรวดเร็ว ไม่นาน กลิ่นเหม็นและฉุนคละคลุ้งออกมารอบบริเวณ