Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 58
58 – อีกด้านหนึ่งของกระดาน
แสงแดดยามเช้าส่องเป็นประกายอีกครั้ง แสงสว่างส่องผ่านหน้าต่างตกลงมายังพื้นห้อง แสงอุ่นๆทำให้ดวงตาของเด็กสาวหรี่ลงเล็กน้อย ร่างของเธอสัมผัสกับโซฟานุ่มๆในเวลาว่างยามบ่าย
ด้านนอกหน้าต่าง มีระลอกคลื่นในแม่น้ำมาพร้อมกับสายลมเย็นๆ….กิ่งไม้ที่เขียวชอุ่มและเสียงฮัมเพลง โคมไฟระย้าเวทมนตร์ส่องแสงออกมาอย่างงดงาม ทำให้สีของภาพวาดที่แขวนบนผนังทอแสงออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงสรวงสวรรค์ของงานศิลปะ
ประตูแกะสลักเป็นรูปวิหค 9 ตัวถูกเปิดออก ร่างของขุนนางสาวเดินมาบนพรมแดง ก่อนจะคุกเข่าให้กับหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟา
“ฝ่าบาท”
“ว่าไง?”
เมื่อเห็นขุนนางสาวตรงหน้าเธอ ดวงตาของเด็กสาวเปิดอย่างช้าๆ ดวงตาสีเขียวของเธอทำให้เธอดูขี้เล่นและขี้เกียจ แสงสุกสกาวที่ส่องผ่านหน้าต่างราวกับผ้าไหมที่ห่อหุ้มร่างที่งดงามและมีเสน่ห์ของเธอ รูปร่างผอมเพรียว เรียวขาของเธอห้อยลงมาจากโซฟาอย่างเย้ายวนใจ ผมสีทองเปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์เหมือนกับว่ามันเป็นมงกุฎ
“อะไรนะ แครอล”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสั่ง ทางสมาคมพ่อค้าได้ดำเนินการแล้ว ตามคำสั่งของท่าน พวกเราสามา-”
ผู้หญิงคนนั้นหยุดพูดและปิดปากของเธอ นี่เป็นเพราะว่าเธอเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าเธอหลับตาอีกครั้ง ตามความเข้าใจในตัวฝ่าบาทของเธอ เธอตัดสินใจหยุดพูดและรอคำสั่งของเธอ
“พืชที่เน่าเสียช่างน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ” เธอพูด ขณะที่เธอหลับตา เธอยื่นมือออกมาลูบแมวสีดำที่นอนอยู่บนตักของเธอ “แต่พวกมันเป็นอาหารให้กับเหล่าต้นกล้าที่จะเติบโตกลายเป็นดอกไม้ที่งดงาม การหยุดกระบวนการเติบโตของสิ่งมีชีวิตที่งดงามไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิด”
“ฉันเห็นด้วยค่ะ ฝ่าบาท”
แม้ว่าคำพูดของเธอจะดูไม่สอดคล้องกัน แต่หญิงสาวยังคงเข้าใจความหมายเบื้องลึกในคำพูดของเธอ เธอพยักหน้าตอบ แต่ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นความซับซ้อน
“…จากรายงานครั้งล่าสุด พื้นที่แถบภาฟิวด์” เธอลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อ “…ดูเหมือนจะมีหนูจากสภา”
“ปล่อยพวกมันไป”
เด็กสาวหยุดลุบแมวดำและถอนหายใจออกมา
“ลูกน้องที่น่ารักของฉันรู้ดีว่าต้องทำอะไร ผู้ปกครองและลูกน้องนั้นรู้เห็นกันอยู่แล้ว ลูกน้องที่ผ่านคุณสมบัติจะเข้าใจสิ่งที่ฉันหมายถึง มีเพียงดอกไม้ที่ผ่านพายุมาได้เท่านั้นจึงจะมาสิทธิ์รับความชอบจากฉัน ฉันเชื่อว่าพวกเขารู้ว่าต้องทำอะไร”
“ค่ะ ฝ่าบาท”
เมื่อเด็กสาวได้ยินคำตอบที่เชื่องช้า เธอยิ้มออกมาอย่างสดใส
“หลังจากทำงานมาหนัก ฉันเชื่อว่าเธอต้องเหนื่อยแน่ ลองดื่มชาถ้วยนี้เป็นไง? นี่เป็นชาแดงสดที่ข้าเพิ่งซื้อมา ข้าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้านะ”
“ขอบคุณค่ะ ฝ่าบาท”
“แครอล เจ้าอ่อนโยนเกินไป…แต่นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าชอบเจ้า มานี่ ไม่ต้องไปยืนตรงนั้น มาอยู่ใกล้ๆข้าเป็นยังไง?”
“ฝ่าบาท….”
—
ลมพัดแรงขึ้น
โรดส์รู้สึกโล่งใจ เมื่อเขากลับมายังเมืองดีพสโตนอย่างปลอดภัย
ระหว่างทางกลับ พวกเขาไม่พบเจอสิ่งรบกวนใดๆ อย่างที่มาร์ลีนว่าไว้ เหล่าอันเดดต้องใช้พลังงานของเนโรแมนเซอร์ในการรักษาร่าง ตอนนี้มันตายไปแล้ว เป็นธรรมดาที่อันเดดเหล่านั้นจะสลายกลายเป็นฝุ่นตามเดิม
ภารกิจนี้สำเร็จ ในที่สุดโรดส์ก็สร้างแกนวิญญาณที่เขาต้องการได้ ไลซ์ได้รับหนังสือศักดิ์สิทธิ์ และวอร์คเกอร์ได้รับเสื้อคลุมที่สามารถต้านทานการโจมตีด้วยธาตุได้
ในการแบ่งของแหวนวิญญาณมืดนั้น โรดส์และมาร์ลีนนั้นมีความเห็นต่างกัน
ใน Dragon Soul Continent คำจำกัดความว่า ‘แรร์ไอเทม’ ถูกแบ่งเป็นสองประเภท ประเภทแรกเป็นไอเทมที่มีน้อย และประเภทที่สองคือไอเทมที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของตัวมันเองได้ เช่น ดาบของโรดส์ เครื่องหมายแห่งดวงดาวที่เป็นประเภทแรก และแหวนวิญญาณมืดเป็นประเภทที่สอง ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองชิ้นก็เป็น ‘แรร์ไอเทม’ และแหวนวิญญาณมืดครอบครองสกิลที่มีค่ามาก แต่กับผู้เล่น
[หมอกเงา : ผู้ถือไอเทมสามารถสร้างหมอกเป็นวงกว้าง AOE เมื่ออยู่ภายในหมอก ผู้ถือไอเทมจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตามที่เขาต้องการ และยังได้รับความสามารถติดตัว ‘ซ่อนตัว’ ผลลัพธ์จะหายไปเมื่อผู้ถือไอเทมถูกโจมตี]
อีกวิธีหนึ่งในการอธิบายความสามารถนี้คือ : เป็นการเคลื่อนไหวทะลุมิติภายในขอบเขตที่กำหนด ในเกมแหวนวงนี้เป็นอุปกรณ์หายากมาก เนื่องจากความสามารถของมันสามารถใช้ได้ทุกคลาส ไอเทมนี้ถูกตามหาอย่างมากโดยเฉพาะคลาสจอมเวทย์ นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีสกิลที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วและหมอกเงานั้นเป็นวิธีแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้และยังสามารถป้องกันการซุ่มโจมตีได้ ถ้าผู้ถือถูกโจมตีก็สามารถใช้สกิลนี้หลบหนีได้ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ขอบเขตพื้นที่ที่จำกัด แต่เหล่าผู้เล่นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการผจญภัย มันจึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
แม้ว่ามันจะเป็นไอเทมหายากและมีประโยชน์ แต่โรดส์ไม่ได้คิดจะผูกขาดไอเทมทั้งหมดไว้กับตัวเอง เขาค่อยๆอธิบายวิธีการใช้งานแหวนวิญญาณมืดให้มาร์ลีนฟังและถามเธอว่าเธออยากได้หรือไม่
แต่เขาไม่เคยคิดว่ามาร์ลีนจะแสดงท่าทีรังเกียจออกมาอย่างมาก! เหตุผลของเธอนั้นง่ายมาก! อย่างแรก เธอเป็นจอมเวทย์วงเวทย์ขั้นกลางและมีเวทมนตร์ช่วยชีวิตมากมายและอย่างที่สอง เธอรู้สึกว่าหมอกเงาไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าที่โรดส์อธิบาย ในการต่อสู้ เมื่อเนโครแมนเซอร์ใช้ทักษะเดียวกันเพื่อซ่อนตัวเอง โรดส์ยังสามารถทำลายได้อย่างง่ายดายด้วยดาบของเขา เธอเชื่อว่ามันเป็นการดีที่สุดที่เธอจะไม่ฝากชีวิตของเธอไว้กับบางสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ ดังนั้นโรดส์จึงรับแหวนเอาไว้
….จริงหรือ?
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับผู้เล่นที่ยินดีจ่ายเงินมหาศาลเพื่อขอซื้อไอเทมแรร์ที่ถูกตีตราว่า ‘ไม่น่าไว้ใจ’ โดย NPC
เขาสงสัยว่าสีหน้าของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ คุณโรดส์”
สีหน้าของชอว์น่าดีกว่าเดิมมาก แม้ว่าการโจมตีของเนโครแมนเซอร์จะโจมตีจุดตาย แต่เนื่องจากนักดาบสาวผมแดงมีประสบการณ์โชกโชน เธอหลบการโจมตีได้ทันเวลาและได้รับบาดเจ็บแค่หัวไหล่ ด้วยการรักษาของไลซ์และนอนพัก เธอจึงไม่มีปัญหาตามมา
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วกลุ่มทหารรับจ้างเรดฮอว์คเสียหายอย่างหนักเมื่อเทียบกับกลุ่มของโรดส์ พวกเขาเข้าสุสานพาเวลมาจากด้านบน แต่พวกเขายังไม่เจอดาบที่พวกเขาค้นหา นั่นทำให้ชอว์น่าเศร้าอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่โรดส์คิดเพราะเขาจดจำสิ่งของทั้งหมดที่ดรอปจากสุสานพาเวลได้และไม่เคยได้ยินภารกิจลับที่เกี่ยวข้องกับดาบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้ยินภารกิจที่ชอว์น่าอธิบาย เขาคิดว่ามันเป็นภารกิจพิเศษสำหรับ NPC และผู้เล่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นแปลกๆ……
“คุณชอว์น่า คุณแน่ใจนะว่าลูกค้าของคุณกำลังหาดาบอยู่?”
“ค่ะ”
เธอถอนหายใจและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เขาบอกว่ามันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลของเขาและพาเวลขโมยมันไป ดังนั้นเขาจึงขอร้องให้พวกเรามาหาดาบ ตามข้อตกลง เขาจ่ายมัดจำให้พวกเรา 150 เหรียญทอง ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่ามันเป็นภารกิจปลอม แต่ตอนนี้ ฉันหาดาบไม่เจอ ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี….”
ไม่น่าแปลกใจที่ชอว์น่าจะไม่สงสัยในภารกิจ เพราะตามกฎแล้ว เงินมัดจำจะไม่ได้รับคืนเมื่อภารกิจไม่สำเร็จ ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว เงินส่วนนี้ก็จะต้องจ่ายออกไป มีกรณีมากมายที่ลูกค้าจ่ายเงินมัดจำก้อนเล็กๆเพื่อเป็นการยืนยันให้ทมำภารกิจ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็จะจ่ายที่เหลือหลังจากภารกิจเสร็จสิ้น เนื่องจากลูกค้าของเธอเสนอเงินมัดจำให้เธอถึง 150 เหรียญทอง มันเทียบจะเท่ากับการทำภารกิจระดับ 3 ดาว มันเป็นเงินก้อนโต ชอว์น่าจึงไม่ได้สงสัยในตัวของลูกค้า ซึ่งท้ายที่สุดเขาโขนเงินก้อนนี้ทิ้งเพื่อความสนุกสนาน?
แต่การเศร้าเสียใจกับเรื่องนี้ในตอนนี้นั้นไม่มีประโยชน์ ดาบที่ชอว์น่าตามหาเป็นดาบโบราณ มันเป็นดาบที่มีอยู่ในเกม แต่ดาบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นดาบสำหรับตกแต่ง เนื่องจากเธอไม่พบมัน ภารกิจของเธอจึงถือได้ว่าล้มเหลวและเธอสูญเสียลูกน้องไปมากมาย ดังนั้นเธอจึงเศร้าอย่างมาก เธอกล่าวลาโรดส์และคนอื่นๆ และเดินตรงไปในสมาคมทหารรับจ้างพร้อมสมาชิกที่เหลือ มีเพียงบาร์นนี่เท่านั้นที่ถูกอุ้มมาโดยนักรบโล่ เด็กหนุ่มที่น่าสงสารยังไม่ตื่นจากสภาพโคม่า แต่ถ้าโรดส์เดาไม่ผิด เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกต่อไป
เมื่อชอว์น่าและคนอื่นๆเดินจากไป ดวงตาของโรดส์เปล่งประกายเย็นชา
“พวกเขาถูกหลอก” โรดส์พูดขึ้น
“เอ๊ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไลซ์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แม้แต่ชายชราเองยังขมวดคิ้ว
“มันคืออะไรรึ ไอ้หนุ่ม? เจ้าบอกว่าพวกเขากำลังถูกหลอกรึ? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?”
“ง่ายๆ”
โรดส์ยักไหล่
“ถ้าเป็นอย่างที่ลูกค้าพูดจริงๆ” ดวงตาของโรดส์หรี่ลง ขณะที่เขาพูดขึ้น “งั้นทำไมพวกเขาถึงเชื่อใจทหารรับจ้างมากขนาดนั้น ดาบนั่นเป็นถึงสัญลักษณ์ประจำตระกูลเลยนะ? ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเขาไม่เดินทางมาด้วย”
โรดส์พูดออกมาและสรุปอย่างใจเย็น
“ใช่”
มาร์ลีนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“สำหรับขุนนางอย่างพวกเรา มรดกของตระกูลคือจิตวิญญาณของตระกูล สามารถบอกได้ว่ามันเป็นตัวที่บ่งบอกถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูล ถ้ามรดกหายไป ต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกในตระกูลที่ต้องตามหามันให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นมรดกของตระกูลเซเนียถูกขโมยไป ไม่เพียงแต่ข้าจะขอร้องให้กลุ่มทหารรับจ้างช่วยเท่านั้น แต่ข้าจะออกตามหาไปกับพวกเขาด้วย มีเพียงสายเลือดกของตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถรื้อฟื้นความรุ่งโรจน์ให้กลับมาอีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ทหารรับจ้างคนหนึ่งได้รับมรดกประจำตระกูลไป นั่นหมายถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูล ฉันไม่ไว้ใจ ถ้ามีใครเก็บมรดกประจำตระกูลไปและนำมันไปขาย พวกเขาจะกลายเป็นเศรษฐีใหม่ทันที อย่างที่คุณโรดส์พูด มันต้องมีปัญหาแน่”
“ปัญหาอะไรเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินคำอธิบายโดยละเอียดจากมาร์ลีน สีหน้าของไลซ์เครียดขึ้นทันที เนื่องจากชอว์น่าเป็นเพื่อนที่แสนดีของเธอ ตอนนี้เธอรู้ว่าชอว์น่ามีอันตราย แน่นอนเธอไม่สามารถใจเย็นได้
“ผมก็ไม่รู้”
โรดส์ส่ายศีรษะ จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังเมืองดีพสโตนที่อยู่ตรงหน้า
“แต่บางทีอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่าง”