Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 68
68 – สถานที่ที่ถูกลืม
มันคือเศษซากปรักหักพัง
หลังจากที่มองแวบแรก ถ้ำใต้ดินทั้งหมดเป็นรูปลูกบาศก์ มีวังอันงดงามตั้งอยู่ใจกลาง คูน้ำที่เปี่ยมไปด้วยน้ำล้อมรอบไปพระราชวัง ราวกับกำลังปกป้องวังแห่งนี้ ทางเข้า-ออกเพียงทางเดียวคือบันไดหินก่อนหน้านี้
“สถานที่แห่งนี้อยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้กัน?”
มาร์ลีนจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ โรดส์ดูดีขึ้นเล็กน้อยเพราะเขามีประสบการณ์มากกว่าเธอ เมื่อเทียบกับปฏิกิริยาของมาร์ลีน โรดส์เพียงแค่ยืนเงียบๆและนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวกับซากปรักหักพังแห่งนี้
แม้ว่าทั้งสองจะถูกคาดว่าเป็นสองอัจฉริยะในหมู่ผู้เยาว์ แต่พวกเขาไม่ได้รอบรู้ทุกสิ่ง โรดส์มีความรู้ที่ได้มาจากเกมและมาร์ลีนได้ศึกษาตำนานบางส่วนเกี่ยวกับเวทมนตร์มา ไม่มีใครมีความรู้ด้านโบราณคดี ถ้ามีนักวิชาการอยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะรู้ที่ตั้งของมัน
“คุณเจอเบาะแสอะไรไหม?”
โรดส์ใจเย็น เขาโบกมือและส่งสัญญาณให้หมาล่าเนื้อออกไปสำรวจ ขณะที่พวกเขาเดินตามอยู่ห่างๆ อย่างไรก็ตาม โรดส์ไม่ได้ลดความระมัดระวังลงแม้แต่น้อย เขากวาดตาไปรอบๆตลอดเวลา
วังทั้งหมดเปล่งประกายความหรูหรา เสาแต่ละต้นถูกแกะสลักอย่างประณีตราวกับว่าพวกมันเพิ่งถูกสร้างเสร็จได้ไม่นาน มีลูกแก้วเวทมนตร์ลอยอยากลางอากาศ ภายใต้แสงสว่างนี้ เงามืดทั้งหมดจางหายไป
ไม่มีศพ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และไม่มีอาวุธ
ว่างเปล่า
นั่นเป็นความประทับใจแรกที่โรดส์ได้รับจากสถานที่แห่งนี้
ความจริงแล้ว ‘ซากปรักหักพัง’ ไม่สมควรถูกเรียกว่าซากปรักหักพังเพราะว่าส่วนใหญ่พวกมันยังไม่เสื่อมโทรม สถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากบันได เสาและรูปปั้น
เมื่อย้อนกลับไปในเกม โรดส์เคยเห็นเศษซากปรักหักพังมามากมาย แต่ละที่มีเอกลักษณ์พิเศษของตัวมันเอง อย่างน้อยพวกมันก็มีอาวุธ ชุดเกราะหรือเฟอร์นิเจอร์ที่พังถูกทิ้งไว้รอบๆ อีกทั้งยังมีร่องรอยของการใช้ชีวิตประจำวันหลงเหลืออยู่ แต่สถานที่แห่งนี้แตกต่างออกไป ทุกสิ่งดูเหมือน…ตายไปแล้ว พื้นที่ทั้งหมดไม่มีร่องรอยของการใช้ชีวิต แม้แต่คูน้ำที่อยู่รอบๆวังยังไม่มีเสียงน้ำไหลออกมา
“ที่นี่แปลกมาก”
โรดส์ลดดาบลงและเดินไปยังเสาที่ใกล้ที่สุด ดวงตาของเขาตรวจสอบข้อความที่ซับซ้อนและรูปแบบการแกะสลักของเสา น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถหาเบาะแสอื่นในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ด้านหลังของโรดส์ มาร์ลีนกำลังทำสิ่งเดียวกัน แต่เธอพบเบาะแสเร็วกว่าโรดส์
“ฉันคิดว่ามันถูกสร้างในยุคของอาณาจักรฟาซิคาร์ลค่ะ คุณโรดส์”
อาณาจักรฟาซิคาร์ลเป็นอาณาจักรลึกลับอยู่ในยุคเดียวกับยุคแห่งการสร้าง แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้น แต่วันหนึ่งทั้งอาณาจักรหายไป แม้แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์มีเพียงไม่กี่ฉบับที่เอ่ยถึงอาณาจักรนี้
สิ่งที่แปลกคือประเทศใดที่ทรงพลังถึงขนาดทำให้พวกเขาหายไปราวกับควันไฟ และไม่ว่าผู้คนจะออกค้นหามากเท่าไหร่ เศษซากอาณาจักรของอาณาจักรฟาซิคาร์ลก็ไม่ถูกค้นพบ แม้แต่ในประเทศแห่งแสงและประเทศแห่งความมืดก็ไม่พบเศษซากบันทึกที่เหลืออยู่ของอาณาจักรฟาซิคาร์ล
ไม่ว่าบันทึกของประเทศใดๆก็ไม่มีข้อมูลของอาณาจักรฟาซิคาร์ล แม้ว่าชื่อ ‘ฟาซิคาร์ล’ จะถูกเขียนไว้ในเวทย์มังกรในยุคบรรพกาล
อาณาจักรลึกลับนี้ควรมีอุปกรณ์ที่มีค่าถูกเก็บไว้
“แต่ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร….”
ด้วยความช่วยเหลือของเวทย์แสง โรดส์มองไปยังจุดสื้นสุดของวัง
ไม่มีหีบสมบัติ ไม่มีดาบ ไม่มีสิ่งใดเลย มีแท่นบูชาหินเพียงก้อนเดียวถูกตั้งไว้ทำให้โรดส์เริ่มรู้สึกเสียใจ
ด้านข้างของแท่นบูชามีรูปปั้นอัศวิน 2 นาย พวกเขาสวมชุดเกราะแบบเต็มชุดและถือดาบชูไปบนท้องฟ้า ราวกับว่าพวกเขากำลังต้อนรับแขกผู้มาเยือนและแสดงความแข็งแกร่งออกมา
“ดูแล้วไม่มีอะไร พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ”
โรดส์ไม่ยอมกลับไปมือเปล่า แต่ที่แห่งนี้แปลกเกินไป และโรดส์รู้สึกว่ามันไม่ง่าย ถ้าเขาตายในเกม เขายังสามารถเกิดใหม่ได้ แต่ถ้าตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าถ้าไม่มีสิ่งใด ก็ไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้ ดังนั้นการถอยจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มาร์ลีนไม่พอใจเล็กน้อยกับความไร้เหตุผลของโรดส์ แต่เธอยังคงทำตามคำสั่งและวางแผนจะออกไป เมื่อเธอยืนขึ้นและกำลังจะออกไป ในขณะนั้นกระรอกที่คุ้นเคยของเธอปรากฎขึ้นจากความมืดและวิ่งเข้ามาหาเธอ มันร้องออกมาทำให้สีหน้าของมาร์ลีนเปลี่ยนไปทันที
“คุณโรดส์ พวกมันอยู่ที่นี่!”
บ้าเอ้ย!
โรดส์สาปแช่งออกมา แต่เขายังคงสงบจิตใจ เขาคาดไว้แล้วว่าชายชุดดำจะต้องตามเขาเข้ามาในถ้ำนี้ บอกตรงๆว่ามันเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะฝังคนพวกนั้นไว้ที่นี่เพราะไม่มีใครรู้ แต่น่าเสียดายเวลาของเขาไม่พอ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็จะไม่มีปัญหาใดๆตามมา แต่ตอนนี้พวกเขากลับค้นพบซากปรักหักพังที่ไม่รู้จักซึ่งเป็นสถานที่ลึกลับอย่างไม่คาดคิด!
โรดส์หันกลับไปและยืนยันว่าไม่มีทางออกอื่น เขาเดาว่าชายพวกนั้นไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เหมือนกัน มีเพียงผู้รอบรู้เท่านั้นที่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกค้นพบ
“คุณมาร์ลีน”
โรดส์วางแผนในใจของเขาและดึงเธอมาหาเขา จากนั้นก็กระซิบข้างหู “ผมมีแผนและต้องใช้ความช่วยเหลือของคุณด้วย…”
—
กลุ่มเงาปรากฏขึ้นในความมืดและหยุดอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ
พวกเขามองหน้าซึ่งกันและกัน ก่อนจะส่งสัญญาณมือออกมา
เป้าหมายอยู่ใกล้
ประจำตำแหน่ง
จากนั้นชายชุดดำหลายคนพุ่งเข้าไปในถ้ำ
ต่างจากมาร์ลีนที่ใช้เวลาไปกับการมองดูผนังถ้ำที่สวยงาม ชายเหล่านี้ไม่เสียเวลาเหล่านั้น เมื่อพวกเขาพบถ้ำใต้ดินแคบๆและเดินไปตามทาง ก่อนจะพบถ้ำขนาดใหญ่ภายในนั้น พวกเขาแทรกตัวไปตามช่องว่างและเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
หลังจากที่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาไม่พบใคร
ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเข้าอื่น พวกมันบินหนีไปไหนรึเปล่า?
นั่นเป็นไปไม่ได้
ในไม่ช้า พวกเขาพบทางเดินลับด้านหลังรูปปั้น ไม่แปลกใจเพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นมืออาชีพ และพวกเขาไม่มีความลังเล ไม่เหมือนกับโรดส์ที่ระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
แต่พวกเขายังคงตื่นตัวอยู่เสมอ พวกเขาทิ้งชายสองคนไว้ที่ทางเข้า ในขณะที่อีก 3 คนเดินเข้าไปในทางเดินลับเพื่อติดตามเป้าหมาย
คนพวกนั้นวุ่นวายเหลือเกิน…
โรดส์ที่ซุ่มอยู่ในเงามืดเริ่มรู้สึกปวดหัว เมื่อเขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มชายชุดดำ เขาไม่ได้กังวลว่าจะถูกค้นพบโดยศัตรูเพราะเขาเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน บ่อยครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับนักฆ่าและโจร ถ้าเขาไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ เขาคงตายไปหลายแสนครั้งแล้ว เพื่อเป็นการรับประกัน เขายังเปิดใช้งานเสื้อคลุมผู้ส่งสารเงา อุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง หลังจากใช้งาน ร่างกายของเขากลืนไปกับสภาพแวดล้อม แต่ว่าจะมีคนออกค้นหาเขาอย่างรอบคอบ ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาเขาพบ
โรดส์มั่นใจในความสามารถของเขา ไม่เพียงแต่เขามีผู้ส่งสารเงา เขายังสวมแหวนวิญญาณมืดอยู่ด้วย
ในการ PVP ทั้งอุปกรณ์และสกิลมีความสำคัญมากพอๆกัน
ชายชุดดำ 3 คนเดินผ่านโรดส์โดยไม่ได้สังเกตตัวตนของเขา พวกเขาไม่รู้ว่าโรดส์ได้ชักดาบและกำลังปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
หืม! ฉันจะทำให้แกรู้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นผู้ถูกล่า!!
แม้ว่าเขาจะได้เปรียบ แต่โรดส์ไม่ตัดสินใจอย่างเร่งด่วน โดยพื้นฐานการเคลื่อนไหวของสามเหลี่ยม เขารู้ว่าแต่ละคนจะสนับสนุนอีกคนได้สบายๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกคน สองคนที่เหลือจะตอบโต้และโจมตีสวนกลับมาทันที ถ้าหากโรดส์ไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งสามได้ในคราวเดียว การโจมตีในตอนนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ตัวละครในปัจจุบันของเขามีม่คุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกัน
ดังนั้น โรดส์จึงต้องอดทนเพราะเขารู้ว่าชายชุดดำพวกนี้กำลังจะทำอะไร
เมื่อซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเงียบเชียบ เขารอโอกาสที่จะโจมตี
ไม่นานหลังจากที่ชายชุดดำเดินผ่านทางเดินและพบบันไดหิน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้มีเวทย์แสงเหมือนมาร์ลีน ในขณะเดียวกัน เมื่อพวกเขามองเห็นแสงไฟสลัวๆอยู่ไกลๆ พวกเขาจับจ้องทันที
ด้วยความระมัดระวัง ชายชุดดำเหล่านั้นค่อยๆย่ำลงบนบันได และในไม่ช้าพวกเขาเห็นมาร์ลีนกำลังถือคบเพลิงและยืนอยู่ข้างเสา
นี่แหละโอกาส!!