Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 74
74 – กลับเมืองดีพสโตน
โรดส์ลืมตาขึ้น
เขาไม่มีทางเลือกทำได้แต่ยอมนอนหลับ นี่เป็นการนอนหลับที่สบายที่สุดตั้งแต่ที่ออกมาจากเมืองดีพสโตน ความรู้สึกที่ปล่อยให้ทุกสิ่งผ่านไปและสนใจแต่การผ่อนคลายราวกับเป็นยาเสพติด มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกสบายกับ ‘หมอน’ นุ่มๆใต้ศีรษะของเขาที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
หลังจากที่ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่โรดส์เห็นคือใบหน้าของมาร์ลีนที่กำลังหลับอยู่ อาการเหนื่อยล้าของเธอเป็นหลักฐานที่ชัดเจน เธอเอนหลังพิงเสา หลับตาโดยใช้มือของเธอหนุนเข่า เวทย์แสงที่เธอร่ายไว้ก่อนหน้าได้ดับลงเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแสงสลัวๆจากคบเพลิงเท่านั้น
โรดส์นั่งลงช้าๆ แต่เมื่อเขาใช้มือซ้ายพยายามยกตัวขึ้นจากพื้น เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลกๆ เขาหันศีรษะและมองไปยังมือของเขา เมื่อเขาสังเกตเห็น ‘แครอท’ ทั้ง 5 ซึ่งสมควรจะเป็นนิ้วของเขา เขาถึงกับพูดไม่ออก
อย่างที่คิด เด็กสาวชนชั้นสูงคนนี้
โรดส์ถอนหายใจและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาเริ่มแกะผ้าพันแผลออกและพบว่ารอยแผลลึกบนฝ่ามือของเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเผ่าพันธุ์ของเขาจะเป็นอะไร แต่ความสามารถในการฟื้นตัวที่รวดเร็วขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นมนุษย์ทั่วไป บางทีรอยแผลนี้จะยังไม่ถูกรักษาและเขาต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีก 2 สัปดาห์
ขณะนี้ดวงตาของมาร์ลีนเปิดออกอย่างช้าๆ
“หืมมม….”
เธอกรนออกมาเบาๆและลืมตาขึ้น ดวงตาของพวกเขาทั้งสองสบตากัน
โรดส์เลือกที่จะไม่หลบสายตาของเธอและจ้องมองกลับไป หลังจากเห็นปฏิกิริยาของเธอที่ผ่านมา เขาค้นพบบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวของเธอ ยกตัวอย่างเช่น เธอมีความดันโลหิตต่ำ
สำหรับจอมเวทย์ อาการเวียนหัวไม่ใช่เรื่องดี
จริงๆแล้วเมื่อโรดส์พบเรื่องนี้ เขาเองก็ตกใจ เขาอยากให้มาร์ลีนตื่นจากฝันของตัวเอง แต่เมื่อเธอกอดเขาแน่นด้วยมือของเธอเอง แม้ว่าเธอจะดูบอบบางจากภายนอก แต่โรดส์ก็รู้ดีว่าเวทมนตร์ของเธอทรงพลังมากขนาดไหน ถ้าไม่ใช่ว่าเธอติดอยู่ในความฝัน เธออาจจะระเบิดร่างของเขาตายไปแล้วก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือเธอจำอะไรไม่ได้เลย!
ถึงตรงนี้ โรดส์ตัดสินใจถอยห่างจากเธอโดยเฉพาะเมื่อเธอตื่นขึ้นมา
แม้ว่าตอนนี้ดวงตาทั้งสองของเธอว่างเปล่าราวกับถูกมนต์สะกด เธอดูคล้ายกับตุ๊กตาที่ถูกชักใยและนอกจากนี้ ใบหน้าที่งดงามของเธอในตอนนี้สามารถปลุกสัญชาตญาณของชายทุกคนได้
แต่โรดส์รู้ดี ถ้ามีใครทำอะไรลงไป พวกเขาทุกคนตายหมดแน่
ต่อมา ร่างกายของเธอเริ่มส่ายไปมาราวกับลูกตุ้ม
หนึ่ง
สอง
สาม
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องหลุดรอดออกมาจากปากของเธอ
“กรี๊ดดดดดดด!” ดวงตาที่ง่วงนอนของมาร์ลีนเปิดออก เมื่อเธอสังเกตเห็นโรดส์กำลังจ้องมองมาที่เธอ “คุ-คุณโรดส์ คุณตื่นแล้วหรอ?”
ดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็ตื่น
“สวัสดี คุณมาร์ลีน”
โรดส์โบกมือทักทายเธอ
“ดูเหมือนว่าคุณจะหลับฝันดีนะ”
“อืม…เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” มาร์ลีนพูดออกมาเบาๆ
เธอกวาดตาไปรอบๆ แต่เธอนึกได้ว่าพวกเขาอยู่ใต้ดิน ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถบอกเวลาได้
มาร์ลีนพยายามยืนขึ้น แต่ขาของเธอไร้ความรู้สึกและล้มลงที่พื้น “โอ้ย..เจ็บ…”
“เตรียมตัวออกกันเถอะ พวกเรากำลังจะกลับเมืองดีพสโตนกัน”
“ได้…” มาร์ลีนก้มหัวเล็กน้อยและตอบกลับ เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างอาย
เธอยืนขึ้นอีกครั้งและเดินตรงไปยังก้อนผลึกโปร่งแสง ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาและเก็บไปยังช่องเก็บของ ทันใดนั้น มาร์ลีนนึกบางสิ่งได้ เขาเดินตรงไปที่โรดส์และหยิบของออกมา 2-3 ชิ้นจากกระเป๋าของเธอ
“ใช่สิ ของพวกนี้….”
“อะไรหรอ?”
“ตามที่คุณสั่ง มันเป็นของที่ ‘ปล้น’ ได้มา”
ท้ายที่สุดเธอก็กลับมาเป็นเธอคนเดิม
“ฉันเจอของพวกนี้จากพวกสายลับ ฉันคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับคุณ…”
“เอ๊ะ?” โรดส์ส่ายหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเธอเกลียดการจัดการกับศพเหล่านั้นและดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากทำมันอีก
แต่นี่คืออะไร?
มันไม่ใช่แนวทางของมาร์ลีนที่เธอจะทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอพูด หรือเด็กสาวคนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว?
แม้ว่ามาร์ลีนจะเกลียดการทำเช่นนี้ เธอยังคงเป็นเด็กสาวที่เด็ดเดี่ยว เมื่อเธอคิดได้ เธอจะจัดการภารกิจที่ได้รับอย่างครบถ้วน จากร่างของศพทั้งสาม มาร์ลีนพบอุปกรณ์เวทย์ 4 ชิ้น ส่วนใหญ่จะเป็นของทั่วไปซึ่งช่วยเพิ่มประสาทสัมผัสและพลังเวทย์ โรดส์รู้สึกว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เนื่องจากกลุ่มทหารรับจ้างของเขานั้นเหมือนกับเด็กแรกเกิด อุปกรณ์เวทย์เหล่านี้ยังสามารถใช้หรือนำไปขายได้
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขา มันเป็นกริชที่มือสังหาร(สายลับ)หญิงก่อนหน้านี้เป็นคนใช้ มันมีความสามารถในการทะลวงเวทมนตร์ระดับกลาง ยิ่งไปกว่านั้น มันยังถูกเคลือบไปด้วยพิษอัมพาตตั้งแต่แรก วิธีการหลอมอาวุธประเภทนี้ต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมาก คมมีดถูกสร้างมาจากเหล็กอัลลอยด์สีทองซึ่งถูกสร้างเป็นสุดยอดอาวุธสังหาร
น่าเสียดาย คลาสปัจจุบันของโรดส์ไม่ใช่โจร และกระบวนท่าดาบของเขาไม่อนุญาตให้เขาใช้กริช มันค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่ดูจากการประเมินแล้ว ถ้าเขานำมันไปประมูลในตลาดมืด เขามั่นใจว่าต้องได้ราคาอย่างงาม แต่เขากังวลมากกว่าว่าการนำกริชเล่มนี้ออกไปเปิดเผยกับสารธารณะ มันอาจนำปัญหาที่ไม่จำเป็นกลับมาสู่เขาได้
หลังจากตรวจสอบของที่ปล้นมา โรดส์พยักหน้าอย่างพอใจและเก็บมันเข้าไปในกระเป๋ามิติ
ภารกิจของพวกเขาสำเร็จแล้ว
เมื่อพวกเขากำลังออกไป โรดส์พบร่างของชายโชคร้าย 2 คนที่ทางเข้า หลังจากที่โรดส์และมาร์ลีนออกมาจากเส้นทางลับ หินที่อยู่บนปากถ้ำก็ปิดตัวลงมาอัตโนมัติและรูปปั้นก็กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม
ถ้าเขาเลือกได้ เขาคงไม่อยากเข้ามาในสถานที่แห่งนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
ทั้งคู่ลากร่างที่เหนื่อยล้ากลับไปยังเมืองดีพสโตน เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง มันผ่านไปถึง 2 วัน พวกเขาตรงเข้าไปยังสมาคมทหารรับจ้างทันทีและส่งภารกิจให้กับชายแก่แฮงค์ หลังจากที่ส่งสมุนไพรเวทมนตร์ โรดส์ได้ยื่นตราสัญลักษณ์ที่เขาพบในป่าราตรี ซึ่งตอนนี้สตาร์ไลท์ได้เสร็จสิ้นภารกิจไปถึง 3 ภารกิจ ระดับของพวกเขาขึ้นมาถึงลำดับที่ 6 จากล่างสุด
เยี่ยม อย่างน้อยเขาก็ออกมาจากลำดับสุดท้ายได้
“ไอ้หนู เจ้าทำงานได้ดีนี่หว่า” ชายชราแฮงค์ตบไปที่ไกล่ของโรดส์อย่างเป็นมิตร
“เพียงครึ่งเดือน เจ้าสามารถจบภารกิจได้ถึง 3 อย่างและยังได้รับแต้มไปอีก 5 แต้ม ข้าล่ะอยากให้ไอ้พวกกลุ่มที่ขี้เกียจๆมาเอาอย่างเจ้าจังเลย หืมม..ถ้าพวกมันไม่ทำงานหนัก พวกมันต้องร้องไห้ที่ถูกยุบกลุ่มทิ้งแน่นอน!”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” โรดส์ส่ายศีรษะ
เขาไม่ได้สนใจมากนัก กลับกันเขากังวลกับเรื่องอื่นมากกว่า
“ไลซ์เป็นอย่างไรบ้างครับ? เธอไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไลศ์สบายดี…ไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่….” ชายชราแฮงค์ขมวดคิ้วและชะงัก
ผ่านไปชั่วครู่ เขาได้พูดต่อ “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเร็วๆนี้ แต่นางเอาแต่ล็อกตัวเองอยู่แต่ในห้อง เห็นบอกว่ากำลังเรียนเวทย์บทใหม่ อาหารที่นางกินก็ถูกส่งไปโดยข้านี่แหละ ไม่อย่างนั้นข้ากลัวว่านางจะลืมกินข้าวเอาน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าทำไมนางถึงตั้งใจมาก…นางยังเป็นเด็กและยังมีเวลาเรียนรู้อีกมาก มันไม่ไร้ประโยชน์งั้นรึ ถ้าเธอเอาแต่ทำร้ายตัวเอง? ไอ้หนู ช่วยข้าโน้มน้าวนางหน่อย นางฟังเจ้าคนเดียว”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
โรดส์พยักหน้านอมรับ เขาเองก็ไม่อยากให้ไลซ์ล้มป่วยเพราะการฝึกฝนของตัวเอง ความสามารถของเธอทำได้เพียงรักษาบาดแผลภายนอก ถ้าเธอล้มป่วยไป มันจะเป็นปัญหาได้
โรดส์โบกมือลาชายชราแฮงค์และหันกลับไปหามาร์ลีนที่อยู่ข้างกายเขา
“ไปกันเถอะ”
“ได้….สิ”
มาร์ลีนเผยแววตาสับสน แต่เธอรีบวางมือไปที่หน้าเรียกสติของเธอกลับมา
เมื่อทั้งคู่ออกจากสมาคมทหารรับจ้าง ทันใดนั้นมีเสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง
“ไง ไอ้หนุ่ม ในที่สุดเจ้าก็กลับมา!”
พวกเขาหันกลับไปหาต้นเสียงและเห็นตาแก่วอร์คเกอร์ที่เดินมาพร้อมใบหน้ากระฉับกระเฉง เขาเดินออกมาจากฝูงชน
“ฉันคิดว่าหมาป่าพวกนั้นจะกินพวกเจ้าไปแล้ว แต่ดูจากตอนนี้ พวกเจ้าเพิ่งผ่านศึกหนักมาสินะ!”
“คุณวอร์คเกอร์” โรดส์ขมวดคิ้วและถามขึ้น “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
“ข้าหรอ?”
ตาแก่วอร์คเกอร์หยิบเหยือกที่กอดไว้ออกมาและดื่มเข้าไป จากนั้นเขาหรี่ตาลงและยิ้ม จากนั้นก็มองมาที่เขา
“ขอบใจมากไอ้หนุ่ม ข้าเจอคนที่เจ้ากำลังตามหาแล้ว!”