Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 88
88 – พักในถ้ำ
การเข้ามาถึงของโรดส์และเซเร็คทำให้สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้าง ‘วิคตอเรียส ไวน์’ รู้สึกโล่งใจอย่างมาก จริงๆแล้วหลังจากที่พวกเขาขอกำลังเสริม สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือการรอคอย แต่ในโลกใบนี้ไม่มีโทรศัพท์ดาวเทียม แม้ที่นี่จะมีเวทมนตร์ที่สามารถสื่อสารได้จากระยะทางไกล แต่แน่นอนว่ากลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็กแบบนี้ไม่มีของแบบนั้น บางครั้งพวกเขาจะเหลือบมองไปยังความมืดและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ บางคนถึงกับคิดไปกว่าคนที่ถูกส่งไปจะไม่สามารถหลบหนีและตายอยู่ในดินแดนที่มืดมิดแห่งนี้ แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไรกัน?
แต่เมื่อพวกเขายกดาบขึ้นและเตรียมจะฆ่าตัวตาย พวกเขาไม่สามารถเอาชนะสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ได้ บางทีอาจะเป็นเพราะคนที่ถูกส่งไปหลบหนีไปได้สำเร็จและคนของทางสมาคมรีบเร่งรัดเดินทางมาที่นี่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ตราบเท่าที่พวกเขาเอาชีวิตรอดมาได้ พวกเขาก็ยังคงมีความหวัง!!
การตกอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตรายทำให้หลายวันมานี้ พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ความตาย ความหวัง ความสิ้นหวัง ทุกครั้งที่พวกเขาลืมตาขึ้น พวกเขาไม่สามารถรอให้คนเหล่านั้นมาถึงได้ แต่ละวันผ่านไป เสบียงอาหารเริ่มร่อยหรอไป ทำให้พวกเขาทรมานมากขึ้น ในสันเขาแห่งความเงียบนั้นมีเหล่าอันเดดอยู่ทุกที่ ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถกินได้นอกจากศพ แม้ว่ามันจะดูบ้าคลั่งจะไปกินซากศพ แต่ศพพวกนี้กลับเน่าสลายและส่งกลิ่นเหม็นราวกับจะให้พวกเขาตายได้ทุกเมื่อ
พวกเขารู้ขีดจำกัดของตัวเอง ถ้าโรดส์ไม่ปรากฎตัวออกมา บางทีพวกเขาอาจจะเกิดบ้าไปกินซากศพด้วยความสิ้นหวัง
โชคดีที่โอกาสที่จะเกิดเรื่องเหล่านั้นได้หมดสิ้นไป
ด้วยการรักษาของเหล่านักบวช บาดแผลของเหล่าทหารรับจ้างได้รับการรักษาโดยใช้เวลาไม่นาน หลังจากได้กินอาหารที่พวกเขานำมา เหล่าทหารรับจ้างเริ่มรู้สึกผ่อนคลายและหลับพักผ่อนอย่างมีความสุข มันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่พวกเขาต้องตื่นออกมาท่ามกลางความมืดมิดและความทุกข์ทรมาน
เหล่านักบวชที่เหนื่อยล้าก็ได้โอกาสพัก ทั้งหมดนั้นแตกต่างไปจากไลซ์ พวกเธอไม่เคยมีประสบการณ์การผจญภัย แม้ว่าพวกเธอจะพักหลายครั้งมาก่อน แต่นักบวชเหล่านี้ก็ไม่อาจสงบจิตใจได้ พวกเธอกังวลว่าอันเดดที่น่าหวาดกลัวจะมาจากที่ไหนสักแห่ง นอกเหนือจากนี้ โรดส์ยังคงเร่งความเร็วในการเดินทาง ซึ่งเป็นเหตุผลให้พวกเธอไม่มีเวลาในการตั้งสติ ตอนนี้พวกเธอก็สามารถพักผ่อนได้ หลังจากที่พวกเธอรักษาคนอื่นๆเสร็จ
มาร์ลีนดูดีกว่านักบวชเหล่านั้นมาก แม่ว่าเธอจะรับภาระหนักหลังจากที่เข้ามายังสันเขาแห่งความเงียบ แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับเหล่านักบวช เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่านักบวชซึ่ง ‘เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ’ เธอเพียงแค่เหนื่อยเล็กน้อยเท่านั้นเพราะเธอแค่เครียดมากเกินไปเท่านั้น ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของกองไฟ กำลังกินอาหาร ขณะที่พูดคุยกับไลซ์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แอนที่มีพลังงานเต็มที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปนอนกับทั้งสองคนและหลับไป เมื่อมองเห็นใบหน้าที่กำลังหลับอย่างมีความสุขของเธอทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าสมองของเธอทำงานยังไงกันแน่
ชายชราวอร์คเกอร์ไม่ได้รวมตัวอยู่กับเหล่าเด็กสาว เขานั่งอยู่ฝั่นตรงข้ามและกำลังดื่มไวน์และมองไปยังกองไฟที่อยู่ตรงหน้าสับสน ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ช่างเป็นกลุ่มคนประหลาด
เมื่อมองไปยังคนเหล่านี้ คุดล่าได้แต่สงสัย บอกตรงๆเขาไม่เคยเห็นกลุ่มทหารรับจ้างที่มีสมาชิกแปลกๆมารวมตัวกันแบบนี้มาก่อน ถ้าอ้างอิงจากสมาคมทหารรับจ้างทั่วไป อาชีพที่โจมตีระยะใกล้อย่างนักดาบ โจร เรนเจอร์และนักรบมีหน้าที่สำคัญมาก ในทางกลับกันยังมีจอมเวทย์และนักบวชอีก ข้อแรกอาชีพเหล่านี้หาจับตัวได้ยากมาก ข้อสองสำหรับจอมเวทย์และนักบวช พวกเขาจะไม่ยอมที่จะอยู่รวมกับคนอื่น เนื่องจากจอมเวทย์เป็นชนชั้นสูง และพวกเขาจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีมาออกเดินทางกับคนชั้นต่ำแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเหล่านักบวชยังมั่นใจในความฉลาดของคน แม้วว่าพวกเขาจะถูกบังคับให้ติดตามกลุ่มทหารรับจ้าง พวกเขาจะต้องเป็นคนออกคำสั่ง และท้ายที่สุด มันมีข้อจำกัดเรื่องตัวตนของพวกเขาที่จะร่วมเดินทางไปยังกลุ่มทหารรับจ้าง ยิ่งกับนักบวชที่ไม่มีสกิลในการป้องกันตัว ถ้าทั้งกลุ่มตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ตาย
นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมสมาคมทหารรับจ้างมีภารกิจอันตรายมากมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด นั่นเพราะภารกิจเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสันเขาแห่งความตาย สิ่งมีชีวิตประเภทอันเดดไม่หวาดกลัวความเจ็บปวดและความตาย ราวกับตำรวจที่ไม่สามารถหยุดซอมบี้ได้ด้วยปืนพก มันสามารถถูกจินตนาการได้ว่าเมื่อกลุ่มทหารรับจ้างเหล่านี้ใช้อาวุธธรรมดาไปเผชิญหน้ากับเหล่าอันเดดจำนวนมหาศาล
แม้เรนเจอร์จะสามารถโจมตีอันเดดได้จากระยะไกล แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไม่หวาดกลัวความตาย พวกมันคงไม่สนใจลูกธนูที่ถูกยิงใส่ดอกหรือสองดอกหรอกใช่ไหม?
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างของโรดส์เรียกได้ว่ามีความหลากหลายมากๆ มีทั้งจอมเวทย์ นักบวช นักดาบ เรนเจอร์ นักรบโล่…มันดูไม่เหมือนกลุ่มทหารรับจ้างเลย ไม่ต้องพูดถึง….
คุดลามองไปยังเด็กสาวที่กำลังยืนหลับตาอยู่ข้างโรดส์ ปีกสีขาวด้านหลังเธองดงามดูคล้ายกับเสื้อคลุม
ทูตสวรรค์
คุดลาสามารถสาบานกับดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ว่าเขาไม่เคยเห็นทูตสวรรค์มาเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างมาก่อน ตอนแรกเขาคิดว่าเด็กสาวทูตสวรรค์เป็นคนรู้จักของเซเร็ค เนื่องจากเซเร็คมีสถานะสูงส่งและเป็นหนึ่งในคนสำคัญของสมาคมทหารรับจ้างในเมืองดีพสโตน สำหรับกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็ก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีบุคคลลึกลับและคาดเดาไม่ได้มาอยู่ด้วย แต่เมื่อเขามองไปยังซีเลีย ซึ่งเรียกโรดส์อย่างสุภาพว่า ‘นายท่าน’ แต่เขานี้เป็นถึงสายเลือดบาบาเรี่ยนที่กล้าลงไปต่อสู้กับอันเดดที่น่าเกรงขามพวกนั้น
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่?
คุดลาไม่รู้จักและพยายามสิบถามเซเร็ค แต่นักดาบคนนี้ไม่ได้ให้คำตอบเขา นั่นทำให้เขารู้สึกว่าโรดส์ลึกลับมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จำเป็นจ้องขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นและ….
ในความคิดของเขา คุดลายืนขึ้นและเดินตรงไปที่โรดส์
“คุณโรดส์ ข้าดีใจมากที่เข้าร่วมในปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณเจ้าและกลุ่มของเจ้า”
แม้ว่ารูปร่างของเขาจะดูสูงใหญ่ แต่คำพูดของบาบาเรี่ยนคนนี้แสดงออกถึงความอ่อนโยนอย่างชัดเจน เขาจดจำคำเตือนของเซเร็คได้ อย่าพูดถึงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับใบหน้าของโรดส์……เพราะสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อาจจะเกิดขึ้น
มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุดลาที่จะเข้าใจสิ่งที่เซเร็คหมายถึง เขาเองก็ตกใจเหมือนกันในตอนแรกที่เขาพบโรดส์ แต่ตอนนี้…
“พวกเรา’วิคตอเรียส ไวน์’ จะไม่ลืมความช่วยเหลือที่กลุ่มทหารรับจ้างของคุณ โปรดมั่นใจ หลังจากกลับไป พวกเราจะตอบแทนอย่างแน่นอน…สำหรับพี่น้องของคุณที่เสียสละเพื่อพวกเรา พวกเราจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตายอย่างสูญเปล่า!!”
ชายคนนี้กำลังพูดอะไรกัน?
โรดส์เงยหน้าขึ้นและรู้สึกมึนงงเมื่อมองไปยังชายตรงหน้าเขา เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ชายตรงหน้ากำลังพูดถึง ในเวลาเดียวกัน เซเร็คยิ้มและพูดขึ้น
“เจ้าผิดแล้ว คุดลา ตั้งแต่ที่พวกเราเข้ามาที่สันเขาแห่งความเงียบ ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ด้านหลังเลย อย่าดูถูกความสามารถในการสั่งการของเขา บอกตรงๆในความคิดของข้า เจ้ายังไม่สามารถเทียบกับเจ้าหนูนั่นได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ต้องไปสาปแช่งเขาด้วยการพูดถึงการเสียสละและตายอย่างเปล่าประโยชน์ ระวังไว้ จะเป็นเขาแหละที่ต้องพูดกับเจ้า”
ไม่มีใครตาย?!!!
เมื่อได้ยินดังนั้น คุดลาถึงกับตกตะลึง เขามองไปยังโรดส์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ไม่ใช่ประหลาดใจ ทหารรับจ้างทุกคนรู้ดีว่าสันเขาแห่งความเงียบเป็นสถานที่แบบไหน ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็ก แม้แต่สมาคมทหารรับจ้างยกมาทั้งหมด พวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับความตายที่จะเกิดขึ้นเลย
แต่ตอนนี้ เซเร็คกลับบอกเขาว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือตายเลย!
เด็กหนุ่มคนนี้ทำได้อย่างไรกัน!?
ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้ คุดลาคงไม่อาจเชื่อได้ แต่เมื่อได้ยินจากปากของเซเร็ค ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาคมทหารรับจ้าง ซึ่งสามารถเชื่อถือได้ เมื่อนึกได้ดังนี้ คุดลาตกอยู่ในอาการตกใจ เขาเองก็เป็นหัวหน้าทหารรับจ้างและเขารู้ดีถึงข้อห้ามในบรรดาทหารรับจ้าง การพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างชัดเจน
“ข้าขอโทษ ข้า….”
“คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก คุณคุดลา”
โรดส์หยุดการอธิบายของคุดลาอย่างใจเย็น เขาไม่ได้สนใจเรื่องงมงายพวกนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่เกี่ยวข้องกับเข้าหมายของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กังวล
“แต่ผมมีคำขอร้องอย่างหนึ่งครับ”
“ว่ามาเลยครับ คุณโรดส์”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของโรดส์เปลี่ยนไป คุดลารู้สึกโล่งใจและเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
“อย่างที่เซเร็คพูด ผมมั่นใจว่าพวกคุณทุกคนสามารถออกไปจากสันเขาแห่งความืดได้อย่างปลอดภัย แต่ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง ผมรู้ว่าคุณเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง แต่บอกตรงๆผมไม่เชื่อในความสามารถในการสั่งการของคุณ ดังนั้นเงื่อนไขของผมคือ ก่อนที่พวกเราจะออกไป ผมอยากให้พวกของคุณทุกคน รวมถึงคุณทำตามคำสั่งของผมอย่างไม่มีข้อแม้ ถ้าคุณสัญญากับผมข้อนี้ได้ ผมมั่นใจว่าทุกๆคนจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าคุณไม่สามารถทำได้…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ โรดส์หยุดและมองไปยังสีหน้าของคุดลาที่เริ่มดำคล้ำขึ้น
“เพื่อเป็นการปกป้องทุกคน ผมต้องทำมีการเสียสละเกิดขึ้น”
เขาเชื่อว่าคุดลาเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงอย่างแน่นอน
แน่นนอน หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของคุดลาเปลี่ยนไป ตอนแรกสีหน้าของเขาสีเป็นเขียว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขาบีบกำปั้น ก่อนจะผ่อนคลายออกมาและบีบอีกครั้ง ไม่มีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของบาบาเรี่ยนอีกต่อไป เขามองเด็กหนุ่มเงียบๆด้วยใบหน้าดำมืด ซึ่งเด็กหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าเขาเกือบ 20 ปี
ความจริงแล้วเขาไม่ยอมรับสิ่งที่โรดส์พูด เขาคิดว่าทักษะการสั่งการของเขาไม่มีปัญหา หรือว่าเพราะเขาไม่สามารถรักษาคนของเขาไว้ได้จนถึงตอนนี้ แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบอีกครั้ง เขายอมรับว่าโรดส์ไม่ผิด เพราะถ้าเด็กหนุ่มสามารถนำทุกคนมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงทักษะในการสั่งการของเด็กหนุ่ม แม้ว่าจะรวมความแข็งแกร่งของเซเร็คในฐานะนักดาบเข้าไปด้วย แต่ความช่วยเหลือของเขาก็มีจำกัด สำหรับหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ คุดลาเข้าใจในส่วนนี้อย่างชัดเจน เซเร็คเพียงคนเดียว ไม่สามารถดูแลกลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมดได้
แล้วเขาควรทำอย่างไรดี?
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปบอกผู้ติดตามของข้า”
ท้ายที่สุด คุดล่าพยักหน้าและหันเดินออกไป ความสุภาพและความเคารพที่มีก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปหมดแล้ว
“เจ้าไม่ควรปฏิบัติกับเขาแบบนั้นนะ โรดส์”
เมื่อเห็นร่างของคุดลา เซเร็คยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและส่ายศีรษะ
“ผมอค่พูดสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
โรดส์ไม่ได้มองกลับไป เหตุผลที่เขาเลือกปฏิบัติอย่างหยาบคายเพราะเรื่องสำคัญนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้และอีกเหตุผลหนึ่งคือโรดส์รู้สึกไม่ค่อยดีกับคุดลา ถ้าไม่ใช่เพราะเขานำกลุ่มของเขาเข้ามาในสถานที่อันตรายแบบนี้ พวกเขาคงจบภารกิจนี้ได้ง่ายๆและเร็วกว่านี้มาก แต่ตอนนี้…การมาถึงที่นี่ทำให้โรดส์อดไม่ได้ที่จะโกรธ แม้ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะไม่ได้กระทบต่อคุดลา เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่สันเขาแห่งความเงียบ ดังนั้นการไม่ระวังต่อสถานที่อันตรายแห่งนี้ ไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ภาระทางสมองนั้นทำให้เขารู้สึกโกรธ….ในเกม โรดส์มีประสบการณ์มาแล้ว ตราบเท่าที่ใครจะทำอันตรายที่ส่งผลต่อกลุ่ม ไม่ว่าพวกเขาจะอาสาหรือไม่ จะตั้งใจหรือไม่ จะใจดีหรือโหดเหี้ยม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม
เนื่องจากผลลัพธ์ไม่ได้เปลี่ยนไป คำอธิบายของเขาก็ไม่มีความหมาย
กลืนคำอธิบายพวกนั้นและเดินหน้าต่อไม่ใช่สไตล์ของเขา
เมื่อได้ยินคำตอบของโรดส์ เซเร็คไม่ได้พูดต่อ เนื่องจากเขามาจากสมาคมทหารับจ้าง มันไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะทำให้เกิดเรื่องยุ่งเหยิงระหว่างกลุ่มทหารรับจ้าง 2 กลุ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มคนนี้ยังภาคภูมิใจและมั่นใจอย่างมาก เขาไม่ปล่อยให้ใครสงสัยในตัวเขา
นี่ทำให้เซเร็ครู้สึกได้ถึงบางอย่างที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย คุ้นเคยเพราะเขาเคยเห็นผู้สั่งการคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่ดื้อรั้นมาก มันเป็นสิ่งที่คล้ายกับวัฏจักร เขาต้องทำให้ผู้คนเชื่อฟังเขาอย่างไม่มีข้อโต้แย้งและไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้อื่น แม้ว่าบางครั้งมันอาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่มันยังคงมีอำนาจในตัวของมัน
เขาพบสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนไหนที่มีความสามารถขนาดนี้มาก่อน คนพวกนั้นไม่หยิ่งผยองก็เป็นพวกไม่สนใจโลก ไม่เพียงแต่จะไม่รู้จักความกลัว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาตาบอดจากความมั่นใจในตัวเอง และความมั่นใจหลอกๆทำให้คนอื่นสับสน มันเหมือนกับเสือกระดาษที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาในการต่อสู้จริงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โรดส์นั้นไม่เหมือนกัน จากที่เห็น เซเร็ครู้สึกได้ถึงรัศมีบางอย่างซึ่งรู้สึกได้จากผู้บังคับบัญชาตัวจริงเท่านั้น ถ้าเขารู้ว่าโรดส์ครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวหน้ากิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดมนเกมล่ะก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจว่าทำไมโรดส์ถึงมีรัศมีแห่งความมั่นใจและดื้อรั้น
หลังจากที่ตอบเซเร็ค โรดส์ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขามีสิ่งสำคัญต้องทำ
ในดันเจี้ยนระดับสูง นอกจากของดรอปที่ไร้ค่าจากสันเขาแห่งความเงียบแล้ว มีเพียงค่าประสบการณ์จำนวนมากที่ได้รับ หลังจากที่เขานำทุกคนผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยความมืดและแสงสว่าง ทั้งป้องกันการโจมตีของสิ่งมีชีวิตอันเดด ค่าประสบการณ์ที่โรดส์ได้รับทำให้ระดับของเขาพุ่งทะลุไปถึงระดับ 15
สำหรับโรดส์ มันเป็นข่าวดี ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้รับแจ้งเตือนจากระบบขึ้นมา
หลังจากเขามาถึงระดับ 15 ระบบในที่สุดก็แจ้งเตือนว่าเขาได้พบกับเงื่อนไขในการปลดผนึกกระบวนท่าดาบขั้นที่ 2 ซึ่งเขาได้ปลดล็อคไปแล้ว