Summoning the Holy Sword - ตอนที่ 93
93 – Double Kill!!
หลังจากที่สอบถามความยินยอมของแอน โรดส์เรียกคนที่เหลือมาและบอกถึงแผนใหม่ เมื่อพวกเขาได้ยินแผนใหม่ที่โรดส์กำลังจะทำ ทุกคนถึงกันตกตะลึง
“ทำไมไม่ให้ข้ารับความเสี่ยงนี้ในหน้าที่นี้ไปล่ะ?”
เซเร็คถามออกมาตามปกติ
“คุณมีหน้าที่รับมือกับโครงกระดูกยักษ์อีกตัวหนึ่งซึ่งรอบนี้จะแตกต่างไปจากเดิมมาก”
โรดส์ส่ายศีรษะและตอบคำถามของเซเร็ค ก่อนที่จะมองไปยังมาร์ลีน
“คุณมาร์ลีน คุณไม่ต้องใช้เวทย์ใบ้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากอัศวินแห่งความตายยังไงก็รับรู้ถึงพวกเราแน่นอน สำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง ผมอยากให้คุณใช้เวทย์โจมตีให้โครงกระดูกพวกนั้น พวกมันมีความสามารถในการต่อต้านเวทมนตร์อยู่พอสมควร แต่ผมเชื่อว่าคุณจัดการพวกมันได้”
“ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ!”
เพราะอะไรไม่รู้ มาร์ลีนกำหมัดแน่นและเอ่ยขึ้น เรื่องนี้กดดันเธออย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีการต่อสู้ที่ยากลำบากเกิดขึ้น แต่ยัง…..
จากนั้นความคิดนั้นหายไป ขณะที่เธอหันไปมองกลุ่มคน ก่อนที่จะมองไปยังแอน
“ไลซ์ เมื่อโครงกระดูกยักษ์ทั้งสองตัวล้มลง พวกเราต้องรีบไปหาแอนและช่วยเธอต่อทันที นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก”
“ค่ะ คุณโรดส์ ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ไลซ์กำหมัดแน่นและพยักหน้า
“คุณโรดส์ แล้วพวกเราล่ะครับ?”
คุดลาที่ยืนอยู่ด้านหลังโรดส์อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“พวกเราสามารถ….”
“ภารกิจของพวกเราคือช่วยเหลือพวกคุณ ตอนนี้พวกเราเหลือเพียงก้าวเดียวเพื่อจบภารกิจ ดังนั้นผมไม่อยากให้พวกคุณมาเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้น ต้องมีคนปกป้องเหล่านักบวช ถ้าพวกคุณเข้าร่วมการต่อสู้ ใครจะเป็นคนปกป้องพวกเธอล่ะ?”
คุดลายอมแพ้ เขามองไปยังเหล่านักบวชที่หวาดกลัวด้านข้าวเขาและรู้ทันทีว่าพวกเธอไม่สามารถหนีออกไปได้ ถ้าไม่มีการช่วยเหลือของเขา เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าเขาสามารถยื้อเวลาอัศวินแห่งความตายได้ ตามที่โรดส์บอก อัศวินแห่งความตายแข็งแกร่งเกือบเทียบเท่าเซเร็คและเป็นอันเดดระดับสูงซึ่งมีความสามารถในการสั่งการ คุดลาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่สามารถรับการโจมตีเต็มกำลังของมอนเสตอร์ประเภทนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเงียบๆและส่งสัญญาณไปยังกลุ่มของเขา
“เอาล่ะ ทุกคน! ประจำแหน่งได้!”
โรดส์ปรบมือและตะโกนออกมา จากนั้นเขามองไปยังซีเลียซึ่งอยู่ข้างเขา
“หลังจากที่จัดการศัตรูได้ บินออกไปทันที จำไว้ว่าคุณต้องปกป้องแอนด้วยชีวิต ห้ามเกิดอะไรขึ้นกับเธอเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้วค่ะ นายท่าน”
ถ้าแอนตาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถชุบชีวิตเธอได้ แต่ถ้าวิญญาณอัญเชิญตาย โรดส์สามารถอัญเชิญมันออกมาใหม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถติดตัวของซีเลียที่มีประโยชน์มากในการสังหารโครงกระดูกยักษ์ โรดส์จะส่งซีเลียไปยื้ออัศวินแห่งความตายแทนแอน
การส่งแอนไปนั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่โรดส์สามารถทำได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าโรดส์จะประเมินความแข็งแกร่งของเธอได้ยากจากการที่ทดสอบเธอ อีกทั้งเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกับยังน้อยเกินไปที่จะสัมผัสได้ถึงพลังที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นทั้งหมดที่เขาทำได้คือการเชื่อใจเธอ เพราะว่าเธอเป็นคนเดียวที่มีโอกาสทำสำเร็จสูงสุด
จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม
วอร์คเกอร์ยิงธนูและดึงความสนใจของโครงกระดูกยักษ์ 2 ตัวราวกับที่ทำปกติ มอนสเตอร์ทั้งสองตัวขยับตัวอุ้ยอ้ายไปตามเสียงอย่างช้าๆ นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเพราะมันยืนยันความกลัวของโรดส์
แม้ว่าโรดส์ต้องการจะใช้กลยุทธ์เดิมในการจัดการกับโครงกระดูกยักษ์ทั้งสองตัว แต่ราวกับมีบางอย่างผิดปกติ มอนสเตอร์เหล่านั้นหยุดกลางคัน
เมื่อโรดส์มองเห็น เขารู้ทันทีว่าถึงเวลาแล้ว เขากัดฟันแน่นและตะโกนออกมา
“ไป!!”
มาร์ลีนยกคทาขึ้นและยิงเวทย์ไปที่กระโหลกของโครงกระดูกตัวหนึ่ง ต่อมา ก้อนเมฆสีดำก่อตัวขึ้นเหนือร่างโครงกระดูกทั้งสอง
มาร์ลีนที่กระหายในการต่อสู้ หลังจากที่อดกลั้นมาเป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยความหงุดหงิดทั้งหมดออกมาผ่านทางสายฟ้าฟาดลงมาจากฟากฟ้า
เปรี้ยง!! สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดลงมายังโครงกระดูกยักษ์ทั้งสอง เสียงของกระแสไฟฟ้าทำให้คนทั่วไปถึงกับสั่นกลัวได้ และพื้นดินถึงกับสั่นสะเทือนจากผลกระทบ เพื่อเพื่อนพ้องและชัยชนะของเธอ เธอไม่ออมมือแล้ว เธอดึงพลังวิญญาณส่วนใหญ่ของเธอและใส่ลงไปในเวทย์ทำลายล้างเพียงบทเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงกระดูกยักษ์ทั้งสองตัวที่ถูกสายฟ้าฟาดโดยไม่ทันตั้งตัวและถูกกดดันไปอย่างมาก
แม้ว่าพวกมันจะไม่มีเนื้อ พวกมันยังคงมีความสามารถในการต่อต้านเวทมนตร์ แต่ก็มีขีดจำกัด หลังจากผ่านไป 10 วินาที ร่างกายของโครงกระดูกยักษ์เริ่มแตกร้าวภายใต้แรงกดดันมหาศาล
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สายฟ้าฟาดไปที่ร่างของโครงกระดูกยักษ์ มันคำรามออกมาเสียงดังอย่างเจ็บปวดและโกรธแค้น แต่ก็ไร้ประโยชน์ราวกับพวกมันติดอยู่ใน’คุกสายฟ้า’ของมาร์ลีน
มากกว่านี้….มากกว่านี้!!!
ทุกคนมองไปยังมอนสเตอร์ที่น่าเศร้าซึ่งกำลังถูกช็อตโดยกระแสไฟฟ้านับล้านโวลต์ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขากำหมัดแน่นและอธิฐานให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งพวกมันตาย แต่น่าเสียดาย แต่นั่นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
กลุ่มก้อนเมฆสีเทาได้สลายหายไปในทันที แขนของมาร์ลีนร่วงลง ใบหน้าของเธอซีดเซียว ไม่ช้า เธอเอนตัวลงข้างต้นไม้พร้อมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เธอพบว่ามือทั้งสองของเธอสั่นทึมอย่างไม่สามารถควบคุมได้และไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้ เธออาจจะเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะ แต่ก็ยังคงมีขีดจำกัด เวทย์ที่เธอร่ายกินพลังวิญญาณมหาศาล และการใช้งานมันเป็นเวลานานเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากแล้ว
ซู่!!!!!
กลุ่มควันลอยขึ้นไปในอากาศ กระดูกของพวกมันแตกร้าวและเต็มไปด้วยเขม่าควัน แต่พวกมันยังคงยืนอยู่
“บ้าเอ้ย!”
โรดส์สบถออกมา ประกายความไม่พอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ในฐานะหัวหน้าที่มีประสบการณ์ เขารู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะบ่นออกมา
เขาดึงดาบออกมาและชี้ไปด้านหน้า
“ไป!!”
ทันทีที่พูดจบ เขาและซีเลียพุ่งตัวไปยังโครงกระดูกด้านซ้ายสุด ในขณะเดียวกันเซเร็คก็เคลื่อนที่ไปหาโครงกระดูกตัวขวาสุด
ก่อนที่มันจะฟื้นตัว ทั้งสองได้เข้าไปถึงโครงกระดูกยักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนึ่งดาบศักดิ์สิทธิ์และและหนึ่งดาบโลหิตฟันลงไปยังฝ่ายตรงข้าม
ด้วยซีเลียที่มีปีก ความเร็วในการบินของเธอเร็วกว่าโรดส์มาก เธอไปถึงก่อนเขาและตวัดดาบของเธอไปยังโครงกระดูกยักษ์ สำหรับโครงกระดูกยักษ์ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากการถูกโจมตีด้วยสายฟ้า มันไม่ได้คิดอะไรและใช้มือป้องกันการโจมตี ในครั้งนี้ซีเลียไม่ได้กระเด็นถอยจากการปะทะ เธอเคลือบดาบของเธอด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์และเผามือของโครงกระดูก
ในเวลาเดียวกัน โรดส์ก็มาถึงจากด้านหลัง
ซีเลียตวัดดาบสีเงินและฟันไปยังขาขวาของโครงกระดูกยักษ์ หลังจากที่มันเสียสมดุล มันคำรามอย่างโกรธแค้นและล้มลงไป อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะยอมแพ้ กลับกันขณะที่มันล้มลงพื้น กระดูกทั้งหมดของมันแตกกระตายไปทั่วพื้น
บัดซบ!!
โรดส์สบถออกมาอีกครั้ง จากประสบการณ์นับไม่ถ้วนของเขา เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โชคร้ายสิ่งที่เขาหวังไม่อยากให้เกิดกำลังจะเกิดขึ้น
โรดส์กัดฟันและกางฝ่ามือออก การ์ดสีแดงปรากฎขึ้นและลอยออกไป มันก่อตัวเป็นหมาล่าเนื้อสีดำและพุ่งไปยังกระโหลกของมัน
ทันใดนั้น เศษกระดูกนับไม่ถ้วนที่ดูไม่มีอะไร เริ่มก่อตัวขึ้นและหมุนวนล้อมรอบกระโหลก หลังจากนั้น มันก่อตัวเป็นวังวนขนาดใหญ่กลางอากาศกลายเป็นป้อมปราการป้องกันการโจมตีของโรดส์
โรดส์ตวัดดาบของเขาและส่งดาบแห่งการทำลายล้างตรงไปยังวังวนนั่น อย่างไรก็ตาม แสงนั่นถูกกลืนกินและหายไปในที่สุด ในขณะเดียวกัน ซีเลียสะบัดปีกบินขึ้นไปและพยายามเข้าไปจากด้านบน แต่เมื่อเธอเข้าไปได้กลางทาง เศษกระดูกหมุนวนขวางกั้นเส้นทางของเธอเอาไว้
นี่กำลังเป็นปัญหาแล้ว….
โรดส์คิดในใจ ขณะที่เขากำลังมองไปยังวังวนกระดูกตรงหน้าเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้คือการรอ
ทันใดนั้นประกายแสงส่องลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้วังวนนั้น ด้วยผลกระทบที่เกิดขึ้น กระดูกมากมากสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่น เกิดการระเบิดจากภายในป้องปราการกระดูก ไม่นานเศษกระดูกเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง เศษกระดูกหลายชิ้นเริ่มร่วงสู่พื้น เห็นได้ชัดว่าหมาล่าเนื้อได้ใช้การระเบิดตัวเองระเบิดหัวกระโหลกทำให้ใบหน้าของมันหายไปครึ่งหนึ่ง ดวงไฟของมันเองก็เหลือครึ่งเดียวเช่นกัน ทำให้มันดูอ่อนแอลงกว่าแต่ก่อน
แม้ว่าเวทย์ของมาร์ลีนจะไม่สามารถทำลายโครงกระดูกยักษ์ได้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นถือว่ารุนแรงมาก และในตอนนี้มันส่งผลออกมาแล้ว
“ซีเลีย!”
ทูตสวรรค์พุ่งตัวไปด้านหน้าโดยปราศจากความลังเล ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดาบของเธอเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีเงินและเสียบทะลุกระโหลกของมัน ในที่สุดเศษกระดูกรอบๆก็เริ่มร่วงหล่นและหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อพลังชีวิตของพวกมันถูกทำลาย
โรดส์ไม่อยู่ดูการปิดฉากของซีเลียเพราะเขาได้วิ่งออกไปอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซเร็คเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเขา เขากำลังต่อสู้กับการป้องกันของวังวนโครงกระดูกยักษ์ โรดส์รู้ดีว่าเขามาช้าไปมาก ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการมันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!
แต่เขามาช้าเกินไป
“ฮี้สสสส—-!!”
ทันใดนั้น เสียงแหลมๆของอาชาดังขึ้นมาแต่ไกล
โรดส์ตัวแข็งทื่อ
อัศวินแห่งความมืดมาถึงแล้ว!!