ซิ่งทะลุมิติ - ตอนที่ 13
SD:บทที่ 13 : ความโชคร้ายยังคงให้ความรู้
หวัง ด้าหลง เป็นเพียงพนักงานที่ไม่มีอะไรพิเศษอีกคนหนึ่ง ที่ทำงานภายใต้บริษัท หลี่กรุ๊ป เขารู้ตัวมาตลอดว่าชีวิตประจำวันอันแสนซ้ำซากจำเจของเขา ก็คงดำเนินต่อไปอย่างคนธรรมดาเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาโดยตลอด ทว่าในวันธรรมดา ๆ อีกวัน หวัง ด้าหลง พบว่าชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างที่เขาไม่เคยคิดฝัน
หลี่ มู่ห่าว ลูกชายของซีอีโอบริษัท ได้มอบหมายภารกิจลับมาให้เขาทำ พร้อมสัญญาว่าให้รางวัลอย่างงามหากทำงานนี้สำเร็จ โดยเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นถึงผู้จัดการแผนก นับเป็นข้อเสนอที่ดีเกินจะปฏิเสธ
หวัง ด้าหลง เอ่ยตอบรับด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ภารกิจของเขาคือการแอบตามคนขับรถแท็กซี่ชื่อว่า ซู ฉิวไป่ ตราบใดที่เขายังสามารถเปิดเผยข้อมูลของคนขับรถให้กับ หลี มู่ห่าว ได้ การเลื่อนขั้นของเขาก็จะได้รับการอนุมัติโดยทันที เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนง่าย ๆ แค่นั้นเลย!
น่าเสียดายที่มันไม่ได้อย่างที่เขาคิดไว้
ในตอนแรก ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย เขาขับรถยี่ห้อซานตาน่าสีดำของเขาตามรถแท็กซี่ไปได้ซักพัก จนกระทั่งจู่ ๆ รถแท็กซี่ดันหายไปต่อหน้าต่อตา!
ราวกับว่าเขาพึ่งจะเห็นผีตอนกลางวันแสก ๆ ระยะห่างระหว่างรถทั้งสองนั้นไม่น่าจะเกินสิบกว่าเมตรเสียด้วยซ้ำ แต่รถแท็กซี่ดันกลับอันตรธานหายไปเพียงแค่เขากะพริบตา
หวัง ด้าหลง ตะลึงงัน เขารีบกระโดดออกมาจากรถโดยที่ยังไม่ได้ปิดประตู แล้วเที่ยวถามผู้คนที่อยู่แถวนั้นว่ามีใครเห็นรถแท็กซี่ผ่านมาที่สี่แยกนั้นมั้ย แต่ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าไม่เห็นรถแท็กซี่คันไหนผ่านมาเลย
ราวกับว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้ง หลี่ มู่ห่าว ดันโทรมาเพื่อให้เขารายงานความคืบหน้าเสียพอดิบพอดี
หวัง ด้าหลง ไม่กล้าพอที่จะโกหก จึงเล่าทุกอย่างไปตามความจริงว่าเขาดันเผลอปล่อยคนขับรถแท็กซี่ไป และในตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนขับรถอยู่ที่ไหนแล้ว เมื่อพูดจบ เขารู้ตัวทันทีว่าเขาคิดผิดอย่างมหันต์ เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก พร้อมเตรียมรับผลที่จะตามมา
แน่นอนว่าเขาถูกด่าสาดเสียเทเสีย มู่ห่าวถึงกับขู่ว่าจะไล่เขาออกจากบริษัทหากเขายังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้เสียที ก่อนที่คู่สนทนาจะตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี
หวัง ด้าหลง เริ่มจะตื่นตระหนกแล้ว เหงื่อกาฬเริ่มไหลพล่าน ภายในรถที่เคยเย็นสบายกลับเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้จะพยายามเร่งเครื่องปรับอากาศในรถ แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไร เขาเริ่มออกตามหา ซู ฉิวไป่ อีกครั้ง เขาขับรถวนเสียหลายรอบ พลางพยายามตามหาร่องรอยของเป้าหมายในเส้นทางเดิมที่รถแท็กซี่มุ่งไป
หลี่ มู่ห่าว โทรตามเขาสองรอบในช่วงเวลาดังกล่าว โชคร้ายที่เขายังไม่ทราบว่ารถแท็กซี่จะไปอยู่ที่ไหนได้อีกแม้ตอนนี้ดูท่าว่าจะดึกมากแล้ว
เขาเหลือบไปดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ขณะนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เขาเริ่มจะสิ้นหวัง รู้สึกได้เลยว่าอนาคตของตัวเองดูจะดับลงต่อหน้าต่อตา
แต่ก็เหมือนกับที่คนเขากล่าวกันมาช้านาน มีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์เสมอ
หวัง ด้าหลง ทำได้แต่พยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย เขาขับรถกลับไปยังสี่แยกที่รถแท็กซี่ได้หายจากไปในตอนเช้าอีกครั้ง แล้วโชคก็พลันเข้าข้างเขาอีกครั้ง! ประกายแสงปริศนาได้สว่างวาบจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน และมันได้แยกท้องฟ้าอันมืดมิดให้เป็นฟากห่างจากกัน
รถแท็กซี่คันนั้นได้ปรากฏต่อหน้าเขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ตรวจสอบเลขทะเบียนรถเสียหลายครั้ง เขามั่นใจแน่นอนว่ามันคือคันที่เขาตามหา!
หวัง ด้าหลง ดีใจอย่างเหลือล้น เขารีบโทรรายงานข่าวดีกับ หลี่ มู่ห่าว อย่างไรก็ตาม เขากลับสังเกตเห็นคนขับรถเดินตรงมาหาเขาทันทีที่เขาวางสาย
นี่เขารู้ตัวแล้วเหรอ ชายในรถได้แต่กังวลเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขาโยนโทรศัพท์ไปข้างตัว
ในอีกด้านหนึ่ง ซู ฉิวไป่ สังเกตเห็นรถซานตาน่าสีดำตามเขามาหลายครั้งแล้วตลอดทั้งวัน ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมันมากนัก แต่ทำไมมันถึงยังอยู่หลังจากที่เขากลับจากอารามหลานหรัวแล้วล่ะ
“น้องชาย นี่มาทำอะไรตอนดึกตอนดื่นป่านนี้เนี้ย”
ซู ฉิวไป่ เคาะหน้าต่างรถพร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เขาจ้องมองชายอ้วนในรถค่อย ๆ หมุนเลื่อนกระจกรถลง แล้วชายคนนั้นก็พูดขึ้น
“อ้อ ไม่มีอะไรครับพี่ แค่อยากออกมาสูดอากาศข้างนอกนะ ฮ่าฮา”
หวัง ด้าหลง ออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด หลี่ มู่ห่าว ได้เตือนเขาเสียหลายครั้งแล้วว่าห้ามให้ ซู ฉิวไป่ รู้ตัวเด็ดขาด แต่นี่คนขับรถที่เป็นเป้าหมาย ถึงกับเป็นคนเริ่มต้นเอ่ยชวนเขาคุยก่อนเลยนะ อย่าบอกนะว่า ซู ฉิวไป่ เริ่มรู้ตัวแล้ว
ในตอนแรก ซู ฉิวไป่ เพียงคิดว่าชายอ้วนเป็นคนประหลาด ทว่าเมื่อได้ฟังคำพูดของชายในรถ เขาจึงตระหนักได้ทันทีว่าชายคนนี่กำลังสะกดรอยตามเขา
นี่ล้อกันเล่นรึไงเนี่ย ใครเขาจะขับรถออกมาสูดอากาศข้างนอกที่ปิดหน้าต่างของรถไว้กัน อีกอย่าง แค่เอ่ยคำถามง่าย ๆ แต่ไอ้นี้กลับตัวสั่นงก ๆ แล้ว
ด้วยความคิดดังกล่าว ซู ฉิวไป่ ก็คาดเดาได้ทันทีว่าชายอ้วนตรงหน้าย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พวกนั้นเป็นพวกเดียวที่มีอำนาจพอจะจัดการกับเขาด้วยวิธีเช่นนี้!
คนขับรถได้ตัดสินใจแล้วที่จะลองทดสอบรางวัลที่ได้มาจากการทำภารกิจของ เหนีย เสี่ยวเชียน! ในขณะที่เขากำลังสงสัยในประสิทธิภาพของรางวัลนี้ ก็มีหนูทดลองโผล่มาพอดี!
“ประหลาดมาก นายหน้าตาคุ้น ๆ คล้ายพวกคนจากบริษัท หลี่กรุ๊ป เลย”
ซู ฉิวไป่ยิ้มสบาย ๆ ขณะที่เขาจุดบุหรี่แล้วยื่นมวนหนึ่งให้ หวัง ด้าหลง ในขณะเดียวกัน ก็พลางแช่งชายตรงหน้าด้วยการผูกเครื่องรางนำโชคร้ายกับมันในใจ!
หวัง ด้าหลง ทำท่าฉงนเสียนาน ก่อนที่จะยื่นมือออกไปรับบุหรี่ของ ซู ฉิวไป่ ในหัวของเขาว่างเปล่าหลังจากได้ยินคำพูดของคนขับรถแท็กซี่
นี่เขาหมายความว่าไง นี่เขารู้เกี่ยวกับเราแล้วเหรอ ไม่สิ…จะปล่อยให้เขารู้ไม่ได้!
หวัง ด้าหลง พลังมีความคิดหนึ่งขึ้นมาได้
“หลี่กรุ๊ปอ่ะนะ ล้อกันเล่นรึเปล่า นี่ผมจะไปเหมือนคนพวกนั้นได้ยังไง นั่นมันเป็นการดูถูกชัด ๆ”
ชายในรถร้องดังลั่น หน้าแดงเล็กน้อยจากอาการตื่นเต้นมากจนเกินพอดี
ซู ฉิวไป่ ตกใจเล็กน้อยที่คู่สนทนาแสดงปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ เขาแค่วางแผนว่าจะลองสังเกตผลกระทบของการร่ายเวทย์นำโชคร้ายใส่ หวัง ด้าหลง เลยลองชวนคุยเพื่อที่จะให้มีเวลาสังเกตมากขึ้น แต่ดูท่าเขาน่าจะได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัท หลี่กรุ๊ป มากขึ้นเสียแล้ว
“หลี่กรุ๊ป…มันแย่ขนาดนั้นเชียว นี่ผมได้ยินมาว่ามันก็เป็นบริษัทที่ดีอยู่นะ”
เขาเอ่ยถาม หวัง ด้าหลง หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่
“ดีเหรอ เหอะ! นั่นมันก็แค่เปลือกนอก ใครจะรู้ล่ะว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง พวกนั้นเป็นแค่โจรที่ทำนาบนหลังคนกับพวกคนวิปริตเท่านั้นแหละ ตัวอย่างง่าย ๆ ก็อย่าง หลี่ ติงเทียน ไอ้แก่นั่นพึ่งแต่งงานสด ๆ ร้อน ๆ กับเมียสาวสวยที่ใครดูก็รู้ว่าแต่งหวังเอาเงินมรดก หลายคนก็ลือกันว่าจริง ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นเมียของลูกชายคนโตของตัวเองชื่อ หลี่ มู่ห่าว แต่สุดท้ายตัวพ่อดันถูกใจกว่า เลยแย่งเมียลูกมาเฉยเลย”
ในตอนท้าย หวัง ด้าหลง ถึงกับขยับหน้าอันบวมเผละเข้ามาใกล้ ซู ฉิวไป่ แล้วกระซิบคำนินทาให้เขาฟัง ดวงตาคู่เล็กของเจ้าตัวแสดงความกระตือรือร้นที่คงเทียบได้กับม้านับหมื่นตัววิ่งวุ่นอลหม่านพร้อมกัน แต่น่าเสียดายที่มันดันเป็นความกระตือรือร้นในเรื่องโสมมสกปรกของคนอื่นเสียได้
“จริงเหรอ บริษัทแบบนี้ก็ยังคงมีข่าวลือพรรค์นั้นด้วย”
ซู ฉิวไป่ ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะได้ฟังเรื่องราวที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ โดยปกติ คนธรรมดาระดับเขาคงไม่มีโอกาสได้ข้องเกี่ยวกับบุคลากรระดับสูงจากบริษัท หลี่กรุ๊ป เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากในตอนนี้เขายังไม่มีอะไรที่สลักสำคัญให้ทำ การฟังคำซุบซิบนินทาเช่นนี้ก็ฆ่าเวลาได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ ในฐานะคนขับรถแท็กซี่ที่อย่างน้อยแต่ก่อนก็ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นเกิดขึ้นมากนัก เขาก็แก้เบื่อด้วยการทำอะไรไร้สาระเช่นนี้แหละ
หากจะกล่าวตามความจริงแล้ว หวัง ด้าหลง นั้นทำตัวกระตือรือร้นมากเสียผิดมนุษย์มนาทั่วไป ตั้งแต่ที่รับบุหรี่มวนนั้นจาก ซู ฉิวไป่ แล้ว ตอนแรก เขาแค่คิดอยากจะโน้มน้าวให้ ซู ฉิวไป่ เชื่อว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับบริษัท หลี่กรุ๊ป แต่ไม่รู้ทำไมกัน เขากลับรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้ระบายความรู้สึกเกลียดชังที่อัดอั้นไว้ในใจ!
ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครจะมาได้ยินบทสนทนานี้อีกอยู่แล้ว และยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่ หลี่ ติงเทียน จะรู้ตัวว่าเขากำลังด่าเจ้าตัวอยู่ ดังนั้นเขาจึงยังคงดำเนินบทสนทนานี้ต่อไปด้วยความยินดี
“ยังมีข่าวลืออีกนะที่เชื่อได้เลยว่าคุณต้องไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่รู้ไหมว่าลูกชายที่ชื่อว่า หลี่ เจี้ยเหย่ ของติงเทียนน่ะ ที่จริงแล้วเป็นเกย์! บริษัทของเราพึ่งจะเลื่อนขั้นผู้อำนวยการคนใหม่ และผมไปได้ยินมาว่าที่เขาได้ตำแหล่งเป็นเพราะเขาคบกับไอ้เด็กนั่นอยู่”
หวัง ด้าหลง ยังคงสูบบุหรี่มวนที่ ซู ฉิวไป่ ยื่นให้ ดวงตาของชายในรถเลื่อนลอย ในขณะที่เขายังตั้งมั่นกับการพูดพล่ามต่อไป
“อะไรว่ะเนี่ย นี่น้องชายพูดจริงรึเปล่า ดูท่าน้องเหมือนจะเป็นคนในนะ นี่ไม่ใช่ว่านายจะเป็นพวกผู้นำของตระกูลหลี่นะ”
ซู ฉิวไป่ ประมวลความคิด ก่อนที่ใช้โอกาสนี้คะยั้นคะยอเอ่ยถามชายตรงหน้าต่อ
“ไม่ได้เป็นผู้นำหรอกครับ แต่ว่า…ฮ่าฮ่า อีกไม่นานเกินรอก็คงได้เป็นน่ะครับ นี่พี่เป็นคนขับแท็กซี่ พี่คงไม่เข้าใจพวกบริษัทใหญ่โตและเหล่าคนรวยหรอก พวกมันมีวิถีทางของพวกมันเองที่จะเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งกัน คนอย่างเรา ๆ น่ะ ต้องพูดเฉพาะสิ่งที่ควรพูดในเวลาที่ควรพูด เมื่อได้รับการมอบหมายงานก็ต้องทำเสร็จให้ไว อย่างพวกเราจะมีอนาคตได้ มันต้องทำให้เหล่าลูกหลานคนรวยพวกนั้นพอใจ ก็เท่านั้นแหละ…”
หวัง ด้าหลง สูบบุหรี่มวนเดิมยาว ๆ แล้วพร่ำเอ่ยคำตักเตือนดังกล่าว
“ดูเหมือนว่านายจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเลยใช่มั้ยน้องชาย” ซู ฉิวไป่ พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
“อยู่แล้วสิ มันยากที่จะทำงานโดยที่ต้องทำให้คนนั้นคนนี้พอใจตลอด รองประธานฯของเรา หลี่ มู่ห่าว ลูกชายคนโตของ หลี่ ติงเทียน ที่ผมเคยกล่าวถึงไปแล้ว อยู่โดยไม่ทำอะไรทั้งวัน เหตุผลเดียวที่เขายังมาที่บริษัทก็เพื่อมาตามจีบเลขาฯหญิง ทั้งออฟฟิศมันช่าง…โอ้ย เต็มไปด้วยเสียงที่แทบทนฟังไม่ได้ เขามองทุกคนเป็นหลานชายของตัวเอง บอกตามตรง คงจะเหมาะสมกว่าถ้าผมจะเรียกเขาว่าหลานชายของผมซะเอง!
ความตื่นเต้นของ หวัง ด้าหลง ในตอนแรก บัดนี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง
“ให้ตายสิ ถ้าผมควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้ล่ะก็นะ ผมจะเรียกไอ้มู่ห่าวว่าเป็นหลานชายทุกครั้งที่เห็นหน้า ถ้ามันยังกล้าเมินผมอีกนะ ผมจะถอดเสื้อผ้ามันออก สั่งให้มันคุกเข่าต่อหน้า แล้วร้องว่ามันยอมจำนนแล้ว…ฮ่าฮ่า น่าตลกใช่มั้ยล่ะ”
ซู ฉิวไป่ แทบจะเผลอทำบุหรี่หลุดมือด้วยซ้ำตอนที่เห็น หวัง ด้าหลง เห่าหอนสามครั้งใส่ท้องฟ้า
นี่แค่สาปแช่งด้วยเครื่องราวนำโชคร้ายไม่ใช่เหรอ ทำไมสภาพเหมือนคนเมายาเลยเนี่ย
ซู ฉิวไป่ ไม่กล้าเอ่ยตอบคำถามของคู่สนทนา ทันใดนั้นเขาสังเกตนั้นหน้าจอโทรศัพท์ที่วางข้างชายในรถสว่างวาบขึ้นมา เขาทำเพียงแค่เตือนความจำของชายตรงหน้าถึงมันเท่านั้น “นี่น้อง โทรศัพท์ยังเปิดอยู่นะ”
หวัง ด้าหลง ตอนนี้เรียกได้ว่าติดลมบนเสียแล้ว เขาจึงแค่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วพยายามปิดเครื่อง เขาถึงกับพูดต่อด้วยซ้ำ “ผมคงบอกคุณได้แค่นี้ล่ะพี่ เอาเป็นว่าเดี๋ยว หลี่ มู่ห่าว จะ…”
เขาหยุดพูดขึ้นมากะทันหัน ดวงตาคู่เล็กของเขายังคงจ้องมองไปที่หน้าจอของโทรศัพท์ตรงหน้า
ส่วน ซู ฉิวไป่ เพียงแต่จ้องมองไปที่หน้าอันบวมเผละของ หวัง ด้าหลง เขาพลันเห็นว่าหน้าของชายในรถซีดเผือกลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะเอ่ยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หวัง ด้าหลง ไม่มีเวลาพอที่จะกังวลเรื่องของชายคนขับรถด้วยซ้ำ มืออวบอ้วนของเขายกโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า ก่อนที่จะวางมันไว้ข้างหู
“ขอโทษนะครับ…รองประธานฯหลี่ ข่าวลือทั้งหมดเมื่อกี้ ผมไม่รู้อะ…”
ทว่าอีกฝ่ายกลับวางสายก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสพูดต่อ
ส่วนข้างนอกรถนั้น ดวงตาของ ซู ฉิวไป่ เบิกกว้าง เขามีข้อสันนิษฐานที่ประหลาดเสียหน่อยของเขาเองว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่า…ด้าหลงจะลืมวางสาย แล้ว หลี่ มู่ห่าว ที่ยังอยู่ในสายตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ได้ยินที่ด้าหลงว่าร้ายเขาไปแล้ว”
เขาไม่กล้าพอที่จะคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เขาจึงแค่แสดงความยินดีกับ หวัง ด้าหลง ก่อนที่วิ่งกลับไปขึ้นแท็กซี่ของตัวเอง
นี่เครื่องรางนำโชคร้ายมันดีเกินคาดมาก มันใช้งานได้จริง ๆ
ให้ตายสิ! คราวหลังต้องคิดให้ดีก่อนจะใช้เครื่องรางครั้งต่อไป ต้องไม่เปลืองรางวัลสำคัญอย่างนี้อีก…
เท้า ซู ฉิวไป่ เหยีบยคันเร่ง เขารีบขับรถกลับบ้านโดยที่ยังพยายามซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ แต่ลึก ๆ แล้ว ในใจเขายังคงรู้สึกสงสาร หวัง ด้าหลง อีก
ส่วนตัว หวัง ด้าหลง เองนั้น บัดนี้ราวกับสมองของเขาได้ลัดวงจรเสียแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ราวกับเป็นฝันร้าย นี่เราพูดอะไรไปบ้างนะ ภรรยาของหลี่ ติงเทียน ที่จริงเคยเป็นของ หลี่ มู่ห่าว ส่วน หลี่ เจี้ยเหย่ ที่จริงแล้วเป็นเกย์ นี่เราถึงกับพูดว่าจะให้ หลี่ มู่ห่าว เรียกเราในฐานะปู่ และให้ร้องว่าขอความจำนน…
จบแล้ว! ชีวิตการงานของเขาน่ะจบแล้ว ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าเขาพูดอะไรไปบ้าง เพราะตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ทั้ง หวัง ด้าหลง และตัวของ ซู ฉิวไป่ เอง ยังไม่รู้ศักยภาพที่แท้จริงของเครื่องรางนำโชคร้าย
ในขณะที่ หวัง ด้าหลง ขับรถกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง เขากลับถูกเรียกโดยตำรวจจราจรโทษฐานการปิดบังไม่ให้เห็นป้ายทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเขาสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยทำ!
แต่ยังมีบางสิ่งที่แย่กว่านั้นเกิดขึ้นอีก เมียน้อยของเขาดันไปที่บ้านแล้วไปหาเรื่องกับเมียเขา เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรถึงดลใจให้หล่อนทำแบบนั้น เมื่อเขาจะลองเกลี้ยกล่อมเมียเขาให้หายโกรธ เมียเขากลับเตะเข้าเต็มเข้าที่หน้าจนฟันหน้าเขาหลุด!
น่าเศร้าที่ยังไม่จบแค่นั้น… เมื่อเขาอยู่ในสภาพจวนเจียนใกล้จะเป็นลมในเช้าวันถัดมา เขาพบว่าเงินสองหมื่นที่เขาซ่อนไว้ในกล่องรองเท้าเก่าโดยที่ไม่ให้เมียเขารู้ ลูกชายเขากลับมองมันเป็นขยะ แล้วเอาไปทิ้งเรียบร้อย
ทำไมช่วงนี้ถึงได้ดวงตกแบบนี้! หวัง ด้าหลง ทำได้แค่ตัดพ้อในใจ แต่เขาคงไม่มีวันจะรู้ด้วยซ้ำ ว่าสาเหตุของความโชคร้ายทั้งหลาย มันเกิดจากคนขับรถที่เขาพึ่งสะกดรอยไปเมื่อวานนี้เอง